ASTVผู้จัดการรายวัน - ปตท.สผ.เลื่อนผลิตน้ำมันดิบแหล่งมอนทารา ออสเตรเลียออกไปเป็นเดือน ต.ค.นี้ หลังเจอพายุไซโคลน ทำให้การดำเนินการล่าช้าออกไป ยันไม่กระทบเป้าหมายการขายปิโตรเลียมปีนี้ที่ 2.84 แสนบาร์เรล/วัน ชี้ไตรมาส 1/55 มีกำไรดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เหตุราคาน้ำมันดิบพุ่ง
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) เปิดเผยว่า โครงการผลิตปิโตรเลียมแหล่งมอนทารา ประเทศออสเตรเลีย คงต้องเลื่อนการผลิตเชิงพาณิชย์ออกไปจากเดิมไตรมาส 3 นี้เป็นเดือนตุลาคม 2555 เนื่องจากติดปัญหาพายุไซโคลนทำให้การดำเนินการล่าช้าออกไป หลังจากโครงการนี้เคยเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในปี 2552 โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่าแหล่งมอนทาราจะผลิตน้ำมันดิบได้ 3.5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน จากความล่าช้าในการผลิตน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ของโครงการมอนทาราดังกล่าวนี้ เชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการจำหน่ายปิโตรเลียมของปตท.สผ.ที่ตั้งไว้วันละ 2.84 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่จำหน่ายอยู่ 2.65 แสนบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากบริษัทได้เผื่อเวลาความล่าช้าของโครงการดังกล่าวไว้แล้ว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/2555 คาดว่า รายได้จะเติบโตไม่มาก แต่กำไรจะออกมาดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.09 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาขายปิโตรเลียมที่ปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก เชื่อว่า ทั้งปีราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่า จะได้สัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติมในสหภาพพม่าจากเมื่อต้นปีที่บริษัทประมูลแหล่งปิโตรเลียมบนบกได้ 2 แปลงแล้ว เนื่องจากกลุ่ม ปตท.และรัฐบาลไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลพม่า ทำให้มีความได้เปรียบสูงกว่าคู่แข่งอื่นๆ อีกทั้ง ปตท.สผ.ก็มีการลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพม่าอยู่แล้วทำให้นักลงทุนหลายรายต้องการดึง ปตท.สผ.เข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ
นายอนนต์ กล่าวถึงคืบหน้าการทำคำเสนอซื้อหุ้นของ Cove Energy ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด Alternative Investment Market ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ราคา 220 เพนซ์ต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 1,119.6 ล้านปอนด์ ว่า ยังไม่ทราบว่าดีลดังกล่าวจะสรุปได้เมื่อใด เพราะเป็นกระบวนการแข่งขัน ใครเสนอราคาสูงก็ได้ไป และไม่ทราบว่าจะมีคู่แข่งที่เสนอราคาประมูลนอกเหนือจากเชลล์ และ ปตท.สผ.อีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หาก ปตท.สผ.ได้ดีลดังกล่าวก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน เนื่องจากบริษัทมีกระแสเงินสดในมือ 3 หมื่นล้านบาท และยังมีแนวทางการระดมทุนอื่นๆอีก โดยเม็ดเงินลงทุนในการซื้อ Cove Energy นี้ไม่รวมอยู่ในแผนการลงทุน 5ปีข้างหน้าที่ตั้งงบลงทุนไว้ 6 แสนล้านบาท
การจัดสรรเงินลงทุนตามแผน 5 ปีดังกล่าว จะใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ที่ลงทุนแล้วประมาณ 50%โครงการปัจจุบันในการเพิ่มผลผลิตและรักษาระดับการผลิต 35% และ 15% ใช้ในโครงการสำรวจใหม่ โดยเฉพาะโครงการในปัจจุบันจะมีการลงทุนเพื่อเพิ่มผลผลิตเพิ่มอีก 25% เป็นประมาณ 4 แสนบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ 3 แสนบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดพื้นที่แหล่งผลิตปิโตรเลียมที่สำคัญของบริษัทยังคงอยู่ที่ในไทย อาเซียน ออสเตรเลีย อเมริกาเหนือ นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจแถบแอฟริกาตะวันออกและอเมริกาใต้ โดยบริษัทได้มีการเข้าไปศึกษาโครงการต่างๆและมีการนำเสนอ 40 โครงการ คาดว่าปีนี้จะคัดเลือกดีลที่จะเข้าซื้อกิจการ (M&A) ราว 1-2 ดีล
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) เปิดเผยว่า โครงการผลิตปิโตรเลียมแหล่งมอนทารา ประเทศออสเตรเลีย คงต้องเลื่อนการผลิตเชิงพาณิชย์ออกไปจากเดิมไตรมาส 3 นี้เป็นเดือนตุลาคม 2555 เนื่องจากติดปัญหาพายุไซโคลนทำให้การดำเนินการล่าช้าออกไป หลังจากโครงการนี้เคยเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในปี 2552 โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่าแหล่งมอนทาราจะผลิตน้ำมันดิบได้ 3.5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน จากความล่าช้าในการผลิตน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ของโครงการมอนทาราดังกล่าวนี้ เชื่อว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการจำหน่ายปิโตรเลียมของปตท.สผ.ที่ตั้งไว้วันละ 2.84 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่จำหน่ายอยู่ 2.65 แสนบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากบริษัทได้เผื่อเวลาความล่าช้าของโครงการดังกล่าวไว้แล้ว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/2555 คาดว่า รายได้จะเติบโตไม่มาก แต่กำไรจะออกมาดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.09 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคาขายปิโตรเลียมที่ปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก เชื่อว่า ทั้งปีราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่า จะได้สัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติมในสหภาพพม่าจากเมื่อต้นปีที่บริษัทประมูลแหล่งปิโตรเลียมบนบกได้ 2 แปลงแล้ว เนื่องจากกลุ่ม ปตท.และรัฐบาลไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลพม่า ทำให้มีความได้เปรียบสูงกว่าคู่แข่งอื่นๆ อีกทั้ง ปตท.สผ.ก็มีการลงทุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพม่าอยู่แล้วทำให้นักลงทุนหลายรายต้องการดึง ปตท.สผ.เข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ
นายอนนต์ กล่าวถึงคืบหน้าการทำคำเสนอซื้อหุ้นของ Cove Energy ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด Alternative Investment Market ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่ราคา 220 เพนซ์ต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 1,119.6 ล้านปอนด์ ว่า ยังไม่ทราบว่าดีลดังกล่าวจะสรุปได้เมื่อใด เพราะเป็นกระบวนการแข่งขัน ใครเสนอราคาสูงก็ได้ไป และไม่ทราบว่าจะมีคู่แข่งที่เสนอราคาประมูลนอกเหนือจากเชลล์ และ ปตท.สผ.อีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หาก ปตท.สผ.ได้ดีลดังกล่าวก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน เนื่องจากบริษัทมีกระแสเงินสดในมือ 3 หมื่นล้านบาท และยังมีแนวทางการระดมทุนอื่นๆอีก โดยเม็ดเงินลงทุนในการซื้อ Cove Energy นี้ไม่รวมอยู่ในแผนการลงทุน 5ปีข้างหน้าที่ตั้งงบลงทุนไว้ 6 แสนล้านบาท
การจัดสรรเงินลงทุนตามแผน 5 ปีดังกล่าว จะใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ที่ลงทุนแล้วประมาณ 50%โครงการปัจจุบันในการเพิ่มผลผลิตและรักษาระดับการผลิต 35% และ 15% ใช้ในโครงการสำรวจใหม่ โดยเฉพาะโครงการในปัจจุบันจะมีการลงทุนเพื่อเพิ่มผลผลิตเพิ่มอีก 25% เป็นประมาณ 4 แสนบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ 3 แสนบาร์เรล/วัน
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดพื้นที่แหล่งผลิตปิโตรเลียมที่สำคัญของบริษัทยังคงอยู่ที่ในไทย อาเซียน ออสเตรเลีย อเมริกาเหนือ นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจแถบแอฟริกาตะวันออกและอเมริกาใต้ โดยบริษัทได้มีการเข้าไปศึกษาโครงการต่างๆและมีการนำเสนอ 40 โครงการ คาดว่าปีนี้จะคัดเลือกดีลที่จะเข้าซื้อกิจการ (M&A) ราว 1-2 ดีล