ASTVผู้จัดการรายวัน - บิวเดอสมาร์ท ประเมินมาตรการรัฐหนุนภาคอสังหาฯโต กลุ่มวัสดุก่อสร้างรับอานิสงส์ "บิวเดอร์สมาร์ท" คาดยอดขายในประเทศโต 20% ประกาศบุกตลาดต่างประเทศเต็มสูบหลังความต้องการในอินเดีย อินโดนีเซีย พม่า กัมพูชาพุ่ง พร้อมเล็งขยายตลาดเพิ่มตั้งเป้าโตปีละ 50%
นายสัญชัย เนื่องสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ BSM ผู้ดำเนินธุรกิจและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและตกแต่งภายในแบบครบวงจร เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในหลายมาตราการ คาดว่าจะช่วยสนับสนุนตลาดอสังหาฯให้เติบโตมากขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของตลาดบริษัทได้ปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ให้มีความชัดเจน เพื่อความคล่องตัวในการบริหารธุรกิจมากขึ้น
โดยได้แบ่งผลิตภัณฑ์หลักออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) ผลิตภัณฑ์ระบบกระจกอลูมิเนียมผนังกั้นห้อง (ALLOY Partitioning Systems) 2) ผลิตภัณฑ์ระบบยิปซั่มครบวงจร (Gypsum Wall & Ceiling Systems) 3) ผลิตภัณฑ์ระบบประตูหน้าต่าง (Fletcher Door & Window Systems)
ทั้งนี้ การทำตลาดในส่วนของผลิตภัณฑ์อัลลอยด์ระบบกระจกอลูมิเนียมผนังกั้นห้อง บริษัทจะขยายกลุ่มไปยังผู้ออกแบบรายย่อย การขยายตลาดไปยังกลุ่ม ธนาคารและโรงพยาบาล รวมถึงการเพิ่มทีมขาย เพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดมากขึ้น
นอกจากนั้น การปรับปรุงพื้นที่ในอาคารเฉพาะพื้นที่ในกรุงเทพซึ่งมีอยู่มาก โดยแต่ละปีจะมีการปรับปรุงการใช้พื้นที่อาคารประมาณ 7-8 แสนตารางเมตร จากพื้นที่การใช้งานในอาคารสำนักงานอยู่ที่ 1 ล้านตารางเมตร และ เมื่อรวมกับพื้นที่อาคารสำนักงานใหม่ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 2 แสนตารางเมตรต่อปี การใช้ผลิตภัณฑ์อัลลอยด์จึงยังมีความต้องการใช้อยู่มากถึง 1 ล้านตารางเมตรต่อปี
ขณะที่อะลูมีเนียมซึ่งเป็นวัสดุที่สามารถทดแทนสแตนเลสได้ ลูกค้าใช้งบประมาณได้ในราคาที่ประหยัด ประกอบกับอะลูมีเนียมยังสามารถปรับได้ตามรูปแบบความต้องการของลูกค้า ดังนั้น การขยายตลาดผลิตภัณฑ์อัลลอยด์ไปยังตลาดต่างจังหวัดเพื่อขยายตลาดไปทั่วประเทศในอนาคตข้างหน้า จึงยังเป็นโอกาสที่จะสร้างรายได้ของบริษัทในอนาคตด้วย
ส่วนของผลิตภัณฑ์ระบบยิปซั่มครบวงจร จะขยายตลาดโดยการนำเสนอไปยังกลุ่มผู้ประกอบการทั้งตัวสินค้า และการติดตั้งผ่านทางบริษัทย่อย คือ อินสตอลไดเร็ค โดยเฉพาะตลาดนี้กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ส่วนผลิตภัณฑ์ระบบประตูหน้าต่างนั้นจะทำการรุกตลาดด้วยการนำเสนอตรงไปยังเจ้าของโครงการและผู้ประกอบการมากขึ้น รวมถึงแต่งตั้งผู้จัดจำหน่าย เพื่อช่วยขยายการทำตลาด โดยสินค้าตัวใหม่ที่มาผลักดันการขายมากขึ้น คือ Fletcher Commercial เน้นในกลุ่มคอนโดฯ และ ทาวเฮาส์
จากความต้องการบริโภคสินค้าและการขยายตลาด บริษัทจึงคาดว่า ภายใน 3 ปีหลังจากนี้รายได้จากตลาดในประเทศจะเติบโตปีละ 20% โดยในปี 55 ตั้งเป้ารายได้ 400 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปี 54 ที่มีรายได้ 337.5 ล้านบาท
สำหรับการทำตลาดต่างประเทศนั้นบริษัทคาดหวังอัตราการเติบโตใน 3 ปีข้างหน้าปีละ 50% ต่อปี เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นที่โดดเด่น และเพื่อรองรับการเปิดเสรีของเศรษฐกิจอาเซียน Asian Economic Community หรือ AEC โดยขณะนี้ บิวเดอสมาร์ท อินเดีย ถือเป็นฐานการทำตลาดที่แข็งแกร่ง และถือเป็นบริษัทลูกที่ขับเคลื่อนธุรกิจหลัก รวมถึงการทำตลาดในอินโดนีเซีย พม่า กัมพูชา ซึ่งบริษัทได้เข้าไปทำธุรกิจแล้ว โดยกลุ่มสินค้า Alloy และ Fletcher เป็นกลุ่มสินค้าหลักที่ผลักดันยอดขายให้เติบโต
"การที่บริษัทได้พัฒนาศักยภาพของ Dealer และแต่งตั้ง Dealer ในแถบภูมิภาคเอเชียเพิ่มมากขึ้น จึงคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจต่างประเทศในปีนี้ 60 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งมีรายได้จากธุรกิจต่างประเทศ 40 ล้านบาท"
นายสัญชัย เนื่องสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ BSM ผู้ดำเนินธุรกิจและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและตกแต่งภายในแบบครบวงจร เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในหลายมาตราการ คาดว่าจะช่วยสนับสนุนตลาดอสังหาฯให้เติบโตมากขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของตลาดบริษัทได้ปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ให้มีความชัดเจน เพื่อความคล่องตัวในการบริหารธุรกิจมากขึ้น
โดยได้แบ่งผลิตภัณฑ์หลักออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) ผลิตภัณฑ์ระบบกระจกอลูมิเนียมผนังกั้นห้อง (ALLOY Partitioning Systems) 2) ผลิตภัณฑ์ระบบยิปซั่มครบวงจร (Gypsum Wall & Ceiling Systems) 3) ผลิตภัณฑ์ระบบประตูหน้าต่าง (Fletcher Door & Window Systems)
ทั้งนี้ การทำตลาดในส่วนของผลิตภัณฑ์อัลลอยด์ระบบกระจกอลูมิเนียมผนังกั้นห้อง บริษัทจะขยายกลุ่มไปยังผู้ออกแบบรายย่อย การขยายตลาดไปยังกลุ่ม ธนาคารและโรงพยาบาล รวมถึงการเพิ่มทีมขาย เพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดมากขึ้น
นอกจากนั้น การปรับปรุงพื้นที่ในอาคารเฉพาะพื้นที่ในกรุงเทพซึ่งมีอยู่มาก โดยแต่ละปีจะมีการปรับปรุงการใช้พื้นที่อาคารประมาณ 7-8 แสนตารางเมตร จากพื้นที่การใช้งานในอาคารสำนักงานอยู่ที่ 1 ล้านตารางเมตร และ เมื่อรวมกับพื้นที่อาคารสำนักงานใหม่ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 2 แสนตารางเมตรต่อปี การใช้ผลิตภัณฑ์อัลลอยด์จึงยังมีความต้องการใช้อยู่มากถึง 1 ล้านตารางเมตรต่อปี
ขณะที่อะลูมีเนียมซึ่งเป็นวัสดุที่สามารถทดแทนสแตนเลสได้ ลูกค้าใช้งบประมาณได้ในราคาที่ประหยัด ประกอบกับอะลูมีเนียมยังสามารถปรับได้ตามรูปแบบความต้องการของลูกค้า ดังนั้น การขยายตลาดผลิตภัณฑ์อัลลอยด์ไปยังตลาดต่างจังหวัดเพื่อขยายตลาดไปทั่วประเทศในอนาคตข้างหน้า จึงยังเป็นโอกาสที่จะสร้างรายได้ของบริษัทในอนาคตด้วย
ส่วนของผลิตภัณฑ์ระบบยิปซั่มครบวงจร จะขยายตลาดโดยการนำเสนอไปยังกลุ่มผู้ประกอบการทั้งตัวสินค้า และการติดตั้งผ่านทางบริษัทย่อย คือ อินสตอลไดเร็ค โดยเฉพาะตลาดนี้กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ส่วนผลิตภัณฑ์ระบบประตูหน้าต่างนั้นจะทำการรุกตลาดด้วยการนำเสนอตรงไปยังเจ้าของโครงการและผู้ประกอบการมากขึ้น รวมถึงแต่งตั้งผู้จัดจำหน่าย เพื่อช่วยขยายการทำตลาด โดยสินค้าตัวใหม่ที่มาผลักดันการขายมากขึ้น คือ Fletcher Commercial เน้นในกลุ่มคอนโดฯ และ ทาวเฮาส์
จากความต้องการบริโภคสินค้าและการขยายตลาด บริษัทจึงคาดว่า ภายใน 3 ปีหลังจากนี้รายได้จากตลาดในประเทศจะเติบโตปีละ 20% โดยในปี 55 ตั้งเป้ารายได้ 400 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปี 54 ที่มีรายได้ 337.5 ล้านบาท
สำหรับการทำตลาดต่างประเทศนั้นบริษัทคาดหวังอัตราการเติบโตใน 3 ปีข้างหน้าปีละ 50% ต่อปี เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นที่โดดเด่น และเพื่อรองรับการเปิดเสรีของเศรษฐกิจอาเซียน Asian Economic Community หรือ AEC โดยขณะนี้ บิวเดอสมาร์ท อินเดีย ถือเป็นฐานการทำตลาดที่แข็งแกร่ง และถือเป็นบริษัทลูกที่ขับเคลื่อนธุรกิจหลัก รวมถึงการทำตลาดในอินโดนีเซีย พม่า กัมพูชา ซึ่งบริษัทได้เข้าไปทำธุรกิจแล้ว โดยกลุ่มสินค้า Alloy และ Fletcher เป็นกลุ่มสินค้าหลักที่ผลักดันยอดขายให้เติบโต
"การที่บริษัทได้พัฒนาศักยภาพของ Dealer และแต่งตั้ง Dealer ในแถบภูมิภาคเอเชียเพิ่มมากขึ้น จึงคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจต่างประเทศในปีนี้ 60 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งมีรายได้จากธุรกิจต่างประเทศ 40 ล้านบาท"