กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้า “โครงการส่งเสริมการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเชื่อมโยงธุรกรรมระหว่างองค์กรในโซ่อุปทานเป้าหมาย” หนุนผู้ประกอบการไทยใช้มาตรฐาน XML เพิ่มประสิทธิภาพเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้านการทำธุรกรรมและการจัดการด้านลอจิสติกส์และซัปพลายเชนในอุตสาหกรรมนำร่อง 13 บริษัท ตั้งเป้าขยายกลุ่มผู้ใช้ 150 รายหลังจบโครงการ
นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักโลจิสติกส์ กพร. กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมมีเป้าหมายที่ต้องการปรับเปลี่ยนระบบไอทีของเอสเอ็มอีใหม่ให้สามารถรับมือกับการเปิดเสรีการค้าอาเซียนให้ได้ ซึ่งการนำมาตรฐานภาษา ebXML มาใช้เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ และต้องสร้างให้เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ แทนการส่งอีเมล, แฟกซ์ หรือโทรศัพท์ ต่อไปข้อมูลจะเป็นทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด
ทั้งนี้ ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้คัดเลือกผู้ประกอบการอุตสาหกรรม 13 รายที่มีความพร้อมในการใช้ระบบ ERP เข้ามาในโครงการนำร่อง โดยมีการสนับสนุนเงินทุนเป็นงบประมาณรวมกว่า 3 ล้านบาท ผลักดันให้เกิดการใช้งานมาตรฐานภาษา ebXML ในการเชื่อมโยงข้อมูล พร้อมทั้งคัดเลือกซอฟต์แวร์ 3 โปรแกรมเพื่อพัฒนาบริการภายใต้มาตรฐานดังกล่าว
การสนับสนุนดังกล่าวช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถลดขั้นตอนการทำงาน ลดต้นทุนจากความสามารถในการเปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขในการซื้อขาย สามารถวางแผนการซื้อขายให้สอดรับกับดีมานด์ซัปพลายได้ และในอนาคตยังสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับผู้ประกอบการในต่างประเทศ ขยายตลาดได้อีก
“ปัจจุบันผู้ประกอบการอุตสาหกรรมระดับเอสเอ็มอีที่นำระบบไอทีมาใช้ไม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันได้ ดังนั้นการกำหนดให้มีการใช้มาตรฐานภาษา ebXML จะช่วยให้เอสเอ็มอีแต่ละรายมีรูปแบบการส่งข้อมูลเดียวกัน ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับวงการเอสเอ็มอีไทยที่กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการสนับสนุนให้เกิดขึ้นโดยเร็ว”
สำหรับผู้ประกอบการทั้ง 13 ราย ประกอบด้วย กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและภัตตาคาร คือ 1) บริษัท เกษมชัยฟาร์มกรุ๊ป จำกัด 2) บริษัท เคซีเอฟดีสทริบิวชั่น จำกัด 3) บริษัท เคซีเอฟโพรเซสซิ่งแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด 4) บริษัท ฟ้าใสการเกษตร จำกัด 5) บริษัท เกษมชัยฟาร์มเป็ดไข่ จำกัด 6) บริษัท เกษมชัยฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จำกัด 7) บริษัทโชคดีอินเตอร์ฟู้ด จำกัด 8) ภัตตาคารโชคดี ติ่มซำ สาขาบรรทัดทอง 9) บริษัท โชคดีเรสเตอรองต์ จำกัด กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง 10) บริษัท ซีลิ่งไลฟ์ จำกัด 11) บริษัท เดคคอร์บูม จำกัด 12) บริษัท วิคตอรี่ ยิปซั่มบอร์ด จำกัด 13) ห้างหุ้นส่วน เอ็น.เค.วี. ยิบซั่มปลาสเตอร์
โดยทั้ง 13 บริษัทมีการใช้งานซอฟต์แวร์ระบบ Enterprise Resource Planning หรือ ERP จาก 3 บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์คือ บริษัท คริสตอลซอฟท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็กซ์เพรสซอฟท์แวร์กรุ๊ป และบริษัท บริด ซิสเต็มส์ จำกัด ซึ่งได้มีการพัฒนาระบบ ERP ให้สามารถส่งผ่านข้อมูลกันด้วยภาษา ebXML ได้ โดยคัดเลือก 5 กระบวนการสำคัญ คือ กระบวนการขอใบเสนอราคา (Quotation) การจัดทำและส่งใบสั่งซื้อ (Placement of the Purchase Order) การอนุมัติการจัดซื้อ (Purchase Approval) ติดตาม และ/หรือเร่งรัดการสั่งซื้อ (Follow up and/or Expediting of The Order) ตรวจสอบรายการใบส่งสินค้าและดำเนินการชำระเงิน (Invoice Clearing and Payment)
นางอนงค์กล่าวต่อว่า ผู้ประกอบการทั้ง 13 รายจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยใช้ภาษา ebXML ใน 5 กระบวนการภายในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันเพื่อดำเนินการสั่งซื้อสินค้า เช่น หากผู้ประกอบการปลายน้ำมีวัตถุดิบไม่เพียงพอ สามารถเรียกข้อมูลจากผู้ประกอบการต้นน้ำหลายรายเพื่อเปรียบเทียบราคา หรือเงื่อนไขอื่นๆ และตัดสินใจเลือกซื้อผ่านระบบได้ทันที ในกรณีเดียวกัน ผู้ประกอบการต้นน้ำสามารถเสนอขายวัตถุดิบ หรือรู้ความต้องการของลูกค้าได้ล่วงหน้า
โครงการจะดำเนินการเป็นเวลา 180 วัน และจะสิ้นสุดพร้อมทั้งประเมินผลในช่วงเดือน ต.ค. นี้ โดยคาดว่าหลังจากจบโครงการ ผู้ประกอบการทั้ง 13 รายจะมีส่วนผลักดันให้มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายอื่นๆ ทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันหรือต่างกัน ให้ความสนใจนำมาตรฐานภาษา ebXML ไปใช้งานมากขึ้น อย่างน้อย 150 ราย อีกทั้งจะมีการแจก source code สำหรับการพัฒนา Open source ให้บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์นำไปใช้ในการพัฒนามาตรฐานภาษา ebXML มาใช้ในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน โดยตั้งเป้าว่าจะมีบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ 15 รายเข้าร่วมกิจกรรม
Company Relate Link :
กระทรวงอุตสาหกรรม
