ASTVผู้จัดการรายวัน-แม่ทัพภาคที่ 4-รมว.กลาโหม ออกมายอมรับผิดกรณีทหารพรานยิงชาวบ้านดับ 4 ศพที่ปัตตานี ระบุเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารที่เกิดจากความเข้าใจผิด พร้อมเยียวยาเต็มที่ และจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะอย่างนี้ขึ้นอีกในพื้นที่ ด้านประธานคณะกรรมการรอิสลามปัตตานี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรจสอบข้อเท็จจริงกรณี4ศพประะานคดี 4 ศพชู "มทภ.4" ลูกผู้ชายตัวจริงเดินหน้าสมานแผล
เมื่อเวลา 08.30 น.วานนี้ (21 มี.ค.) ที่ห้องรับรอง ชั้น 2 อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้แถลงถึงผลสรุปเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารพรานยิงประชาชนเสียชีวิต 4 ศพในพื้นที่ ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานีว่า กรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมา เพื่อทำการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีเหตุการณ์ที่บ้านกาหยี หมู่ที่ 1 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค.55 ที่ผ่านมาเวลา 20.30 น.เป็นเหตุให้ชาวบ้านเสียชีวิต 4 ศพและได้รับบาดเจ็บ 4 คน สาเหตุดังกล่าวทางคณะกรรมการได้สรุปออกมาเป็นประเด็นดังนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ สำหรับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้บริสุทธิ์
ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นของเหตุการณ์ เกิดจากความสำคัญผิด เพราะสภาพแวดล้อมในขณะนั้นมีความมืด ประจวบกับเวลาที่เกิดเหตุนั้นค่อนข้างดึก สำหรับในพื้นที่และสถานที่เกิดเหตุ และยังมีสถานการณ์ต่อเนื่องที่กดดันเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากก่อนที่จะเกิดเหตุมีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงลูกระเบิดเข้าใส่ฐานปฏิบัติการร้อย ทพ.4302 บ้านน้ำดำ หมู่ที่ 3 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งกรรมการได้ให้นำหนักความเชื่อถือต่อการให้การของพี่น้องประชาชนมากกว่า การให้การของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ และตนเองก็ยอมรับในคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอิสระที่ตั้งขึ้นได้ดำเนินการไปตามความบริสุทธิ์ใจ
และคณะกรรมการชุดนี้ก็เป็นที่เชื่อถือของประชาชน เพราะประธานฯก็เป็นประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ซึ่งทางคณะกรรมการอิสระ ก็ได้ให้ข้อเสนอแนะต่อ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หลายประเด็นด้วยกัน คือ การนำเสนอข่าวสารต่อสื่อมวลชนควรจะต้องมีความระมัดระวัง หากมีการนำเสนอข้อมูลออกไปแล้ว บุคคลที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็อาจจะเกิดข้อเสียหายขึ้น หากเป็นข้อผิดพลาดของตนก็จะนำไปแก้ไข
สำหรับในเรื่องการอำนวยความยุติธรรมนั้น จะต้องมีการดำเนินการต่อไป ซึ่งทางคณะกรรมการอิสระชุดนี้ก็มีหน้าที่เพียงแต่หาข้อเท็จจริง และสรุปผลในเบื้องต้น ส่วนกระบวนการยุติธรรมก็ต้องมีการอำนวยการต่อไป ต้องผ่านกระบวนการที่บ้านเมืองมีอยู่ ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกๆ ฝ่าย
"โดยหลังจากนี้ไปจะไม่ให้เกิดกรณีอย่างนี้ขึ้นอีกในพื้นที่ เพราะการปฏิบัติการทางทหารมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องปรามเท่านั้น ไม่ได้มุ่งเพื่อทำลาย ในจุดนี้เป็นนโยบายเด็ดขาดที่ตนเองสั่งการไว้ ผู้ใดละเลยในนโยบายนี้จะต้องถูกลงโทษทางวินัยทหาร และทางกฎหมายบ้านเมือง"
ข่าวแจ้งว่าภายหลังจากเสร็จสิ้นการแถลงข่าวนายประมุข ละมุล รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้มอบเงินเยียวยาให้แก่ญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย อีกรายละ 400,000 บาท รวมกับในครั้งแรกเป็นเงินทั้งหมด รายละ 500,000 บาท
ด้าน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงผลสรุปเหตุการณ์ที่ทหารพรานยิงประชาชนเสียชีวิต 4 รายที่ จ.ปัตตานีว่า คณะกรรมการตัดสินออกมาอย่างไร เราก็ต้องยอมรับว่าเป็นอย่างนั้น แต่ต้องเข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารด้วย เจ้าหน้าที่ทหารตายทุกวันการทำงานไม่ใช้ว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ไปทำก่อน มันมีเหตุการณ์ต่อเนื่องกันมาและคณะกรรมการอิสระท่านก็เข้าใจดี ว่าอะไรคืออะไร ตนได้มีโอกาศคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 ทำให้ทราบว่าผลออกมาเป็นอย่างไร เป็นเรื่องของจิตวิทยาด้วย
**ชมเชย มทภ.4 ลูกผู้ชายตัวจริง
ทางด้านนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการรอิสลาม จ.ปัตตานี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรจสอบข้อเท็จจริงกรณี 4 ศพ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า เป็นเวลากว่า 1 เดือนเศษ ที่คณะกรรมการ 14 คนจากทุกสาขา ซึ่งได้รับคำสั่งแต่งตั้งจาก พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เสร็จสิ้นภารกิจในการเก็บรวบรวมข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ทหารพรานกองร้อย 4302 ยิงรถยนต์กระบะต้องสงสัย ที่บ้านกาหยี อ.หนองจิก จนเป็นเหตุให้มีประชาชนเสียชีวิต 4 ศพและบาดเจ็บ โดยกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการรวบรวมข้อเท็จจริงจากหลักฐาน เอกสาร การเชิญพยานที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำต่อหน้าคณะกรรมการ รวมถึงลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ รับฟังพยาน และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ
"แม่ทัพเป็นนายทหารที่มีความเป็นลูกผู้ชายและเป็นผู้นำฝ่ายความมั่งคงในพื้นที่ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความจริงใจที่พร้อมจะแก้ไขปัญหาในแนวทางสันติอย่างแท้จริง ซึ่งหลังจากนี้คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม"
เมื่อเวลา 08.30 น.วานนี้ (21 มี.ค.) ที่ห้องรับรอง ชั้น 2 อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้แถลงถึงผลสรุปเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารพรานยิงประชาชนเสียชีวิต 4 ศพในพื้นที่ ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานีว่า กรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมา เพื่อทำการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีเหตุการณ์ที่บ้านกาหยี หมู่ที่ 1 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค.55 ที่ผ่านมาเวลา 20.30 น.เป็นเหตุให้ชาวบ้านเสียชีวิต 4 ศพและได้รับบาดเจ็บ 4 คน สาเหตุดังกล่าวทางคณะกรรมการได้สรุปออกมาเป็นประเด็นดังนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ สำหรับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้บริสุทธิ์
ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นของเหตุการณ์ เกิดจากความสำคัญผิด เพราะสภาพแวดล้อมในขณะนั้นมีความมืด ประจวบกับเวลาที่เกิดเหตุนั้นค่อนข้างดึก สำหรับในพื้นที่และสถานที่เกิดเหตุ และยังมีสถานการณ์ต่อเนื่องที่กดดันเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากก่อนที่จะเกิดเหตุมีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงลูกระเบิดเข้าใส่ฐานปฏิบัติการร้อย ทพ.4302 บ้านน้ำดำ หมู่ที่ 3 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งกรรมการได้ให้นำหนักความเชื่อถือต่อการให้การของพี่น้องประชาชนมากกว่า การให้การของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ และตนเองก็ยอมรับในคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอิสระที่ตั้งขึ้นได้ดำเนินการไปตามความบริสุทธิ์ใจ
และคณะกรรมการชุดนี้ก็เป็นที่เชื่อถือของประชาชน เพราะประธานฯก็เป็นประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ซึ่งทางคณะกรรมการอิสระ ก็ได้ให้ข้อเสนอแนะต่อ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หลายประเด็นด้วยกัน คือ การนำเสนอข่าวสารต่อสื่อมวลชนควรจะต้องมีความระมัดระวัง หากมีการนำเสนอข้อมูลออกไปแล้ว บุคคลที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็อาจจะเกิดข้อเสียหายขึ้น หากเป็นข้อผิดพลาดของตนก็จะนำไปแก้ไข
สำหรับในเรื่องการอำนวยความยุติธรรมนั้น จะต้องมีการดำเนินการต่อไป ซึ่งทางคณะกรรมการอิสระชุดนี้ก็มีหน้าที่เพียงแต่หาข้อเท็จจริง และสรุปผลในเบื้องต้น ส่วนกระบวนการยุติธรรมก็ต้องมีการอำนวยการต่อไป ต้องผ่านกระบวนการที่บ้านเมืองมีอยู่ ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกๆ ฝ่าย
"โดยหลังจากนี้ไปจะไม่ให้เกิดกรณีอย่างนี้ขึ้นอีกในพื้นที่ เพราะการปฏิบัติการทางทหารมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องปรามเท่านั้น ไม่ได้มุ่งเพื่อทำลาย ในจุดนี้เป็นนโยบายเด็ดขาดที่ตนเองสั่งการไว้ ผู้ใดละเลยในนโยบายนี้จะต้องถูกลงโทษทางวินัยทหาร และทางกฎหมายบ้านเมือง"
ข่าวแจ้งว่าภายหลังจากเสร็จสิ้นการแถลงข่าวนายประมุข ละมุล รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้มอบเงินเยียวยาให้แก่ญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย อีกรายละ 400,000 บาท รวมกับในครั้งแรกเป็นเงินทั้งหมด รายละ 500,000 บาท
ด้าน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงผลสรุปเหตุการณ์ที่ทหารพรานยิงประชาชนเสียชีวิต 4 รายที่ จ.ปัตตานีว่า คณะกรรมการตัดสินออกมาอย่างไร เราก็ต้องยอมรับว่าเป็นอย่างนั้น แต่ต้องเข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารด้วย เจ้าหน้าที่ทหารตายทุกวันการทำงานไม่ใช้ว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ไปทำก่อน มันมีเหตุการณ์ต่อเนื่องกันมาและคณะกรรมการอิสระท่านก็เข้าใจดี ว่าอะไรคืออะไร ตนได้มีโอกาศคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 ทำให้ทราบว่าผลออกมาเป็นอย่างไร เป็นเรื่องของจิตวิทยาด้วย
**ชมเชย มทภ.4 ลูกผู้ชายตัวจริง
ทางด้านนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการรอิสลาม จ.ปัตตานี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรจสอบข้อเท็จจริงกรณี 4 ศพ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า เป็นเวลากว่า 1 เดือนเศษ ที่คณะกรรมการ 14 คนจากทุกสาขา ซึ่งได้รับคำสั่งแต่งตั้งจาก พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เสร็จสิ้นภารกิจในการเก็บรวบรวมข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ทหารพรานกองร้อย 4302 ยิงรถยนต์กระบะต้องสงสัย ที่บ้านกาหยี อ.หนองจิก จนเป็นเหตุให้มีประชาชนเสียชีวิต 4 ศพและบาดเจ็บ โดยกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการรวบรวมข้อเท็จจริงจากหลักฐาน เอกสาร การเชิญพยานที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำต่อหน้าคณะกรรมการ รวมถึงลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ รับฟังพยาน และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ
"แม่ทัพเป็นนายทหารที่มีความเป็นลูกผู้ชายและเป็นผู้นำฝ่ายความมั่งคงในพื้นที่ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความจริงใจที่พร้อมจะแก้ไขปัญหาในแนวทางสันติอย่างแท้จริง ซึ่งหลังจากนี้คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม"
