ยะลา - แม่ทัพภาคที่ 4 ออกมายอมรับกรณีชาวบ้าน 4 ศพ เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารที่เกิดจากความเข้าใจผิด พร้อมเยียวยาเต็มที่ และจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะอย่างนี้ขึ้นอีกในพื้นที่
จากกรณีเมื่อคืนวันที่ 29 มกราคม 2555 เวลา 20.30 น.คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงลูกระเบิดเข้าใส่ฐานปฏิบัติการร้อย ทพ.4302 บ้านน้ำดำ หมู่ที่ 3 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จำนวน 3 นัด ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุ ผู้บังคับการกองร้อยทหารพรานที่ 4302 ได้นำกำลังสกัดกั้นบริเวณบ้านกาหยี หมู่ที่ 1 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และ ได้พบรถยนต์ต้องสงสัย และได้เกิดการยิงเข้าใส่รถยนต์ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 คน และเสียชีวิต 4 ราย และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดปืน AK-47 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนพกขนาด 11 มม.จำนวน 1 กระบอก พร้อมยึดรถยนต์คันดังกล่าวไว้
ตรวจสอบความคืบหน้าล่าสุด หลังจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของชาวบ้าน 4 ศพ และได้รับบาดเจ็บ 4 คน ได้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด ต่อ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร
ล่าสุด ในวันนี้ (21 มี.ค.) เวลา 08.30 น. ที่ห้องรับรอง ชั้น 2 อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้แถลงข่าวถึงความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวว่า กรณีที่มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมา เพื่อทำการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีเหตุการณ์ที่บ้านกาหยี หมู่ที่ 1 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 29 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ชาวบ้านเสียชีวิต 4 ศพ และได้รับบาดเจ็บ 4 คน สาเหตุดังกล่าวทางคณะกรรมการได้สรุปออกมาเป็นประเด็นดังนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
สำหรับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นของเหตุการณ์ เกิดจากความสำคัญผิด เพราะสภาพแวดล้อมในขณะนั้นมีความมืด ประจวบกับเวลาที่เกิดเหตุนั้นค่อนข้างดึกสำหรับในพื้นที่และสถานที่เกิดเหตุ และยังมีสถานการณ์ต่อเนื่องที่กดดันเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากก่อนที่จะเกิดเหตุมีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงลูกระเบิดเข้าใส่ฐานปฏิบัติการร้อย ทพ.4302 บ้านน้ำดำ หมู่ที่ 3 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งกรรมการได้ให้นำหนักความเชื่อถือต่อการให้การของพี่น้องประชาชนมากกว่า การให้การของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ และตนเองก็ยอมรับในคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอิสระที่ตั้งขึ้นได้ดำเนินการไปตามความบริสุทธิ์ใจ
และคณะกรรมการชุดนี้ก็เป็นที่เชื่อถือของพี่น้องประชาชน เพราะประธานฯ ก็เป็นประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ซึ่งทางคณะกรรมการอิสระ ก็ได้ให้ข้อเสนอแนะต่อ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หลายประเด็นด้วยกัน คือ การนำเสนอข่าวสารต่อสื่อมวลชนควรจะต้องมีความระมัดระวัง หากมีการนำเสนอข้อมูลออกไปแล้ว บุคคลที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็อาจจะเกิดข้อเสียหายขึ้น หากเป็นข้อผิดพลาดของตนก็จะนำไปแก้ไข สำหรับในเรื่องการอำนวยความยุติธรรมนั้นก็จะต้องมีการดำเนินการต่อไป ซึ่งทางคณะกรรมการอิสระชุดนี้ก็มีหน้าที่เพียงแต่หาข้อเท็จจริง และสรุปผลในเบื้องต้น ส่วนกระบวนการยุติธรรมก็ต้องมีการอำนวยการต่อไป ต้องผ่านกระบวนการที่บ้านเมืองมีอยู่ ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกๆ ฝ่าย
โดยหลังจากนี้ไปจะไม่ให้เกิดกรณีอย่างนี้ขึ้นอีกในพื้นที่ เพราะการปฏิบัติการทางทหารมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องปรามเท่านั้น ไม่ได้มุ่งเพื่อทำลาย ในจุดนี้เป็นนโยบายเด็ดขาดที่ตนเองสั่งการไว้ ผู้ใดละเลยในนโยบายนี้จะต้องถูกลงโทษทางวินัยทหาร และทางกฎหมายบ้านเมือง
ส่วนในระยะหลังที่มีกลุ่มคนร้ายออกมาแต่งกายเลียบแบบเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ก่อเหตุร้ายในพื้นที่นั้นกำลังแก้ไข มีการประชุมในเรื่องนี้อยู่ตลอด ในเรื่องการเลียนแบบ ในเรื่องการสร้างกลยุทธ์หลอกล่อให้รัฐเข้าไปปะทะกับประชาชน ซึ่งก็มีความระมัดระวังอยู่แล้วในเรื่องนี้ แต่ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ค่อนข้างที่จะเสียเปรียบ เพราะทางเจ้าหน้าที่มีการปฏิบัติการที่เปิดเผย โปร่งใส และอยู่ภายใต้ของกฎหมาย
ซึ่งภายหลังจากเสร็จสิ้นการแถลงข่าว นายประมุข ละมุล รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้มอบเงินเยียวยาให้แก่ญาติของผู้เสียชีวิต ทั้ง 4 ราย อีกรายละ 400,000 บาท รวมกับในครั้งแรกเป็นเงินทั้งหมด รายละ 500,000 บาท
