ยะลา - ผู้นำศาสนายะลา ชี้จะต้องพิสูจน์ความจริง เหตุการณ์ 4 ศพ ปัตตานี ให้ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดความกระจ่าง ก่อนจะบายปลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตในอนาคต
ภายหลังเกิดเหตุทหารพรานยิงรถยนต์กระบะของชาวบ้านที่กำลังเดินทางจะไปร่วมละหมาดในพิธีศพ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จำนวน 4 ราย และ ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีก 5 ราย โดยทหารพราน เข้าใจผิดว่าเป็นคนร้ายชุดเดียวกับที่ก่อเหตุยิงฐานปฏิบัติการหน่วยพัฒนาสันติบ้านน้ำดำ หมู่ที่ 3 ต.ปูโล๊ะปูโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจ ให้กับบรรดาญาติของผู้เสียหายตลอดจนชาวบ้านในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเด็นอาวุธปืนสงคราม อาก้า AK-47 และ อาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม.ที่พบภายในรถยนต์กระบะคันที่เกิดเหตุว่ามาได้อย่างไร
นายนิมุ มะกาเจ และอดีตประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา กล่าวว่า ก่อนอื่นตนเองก็ขอแสดงความเสียใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งที่เป็นชาวบ้าน ผู้ที่บาดเจ็บล้มตาย และเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านน้ำดำ ต.ปูโล๊ะปูโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานีนั้น ชาวบ้านในพื้นที่ต่างก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ กันอย่างหนาหูว่าทหารพรานทำร้ายประชาชน โดยทหารได้ยิงรถยนต์กระบะของชาวบ้านที่กำลังจะเดินทางไปละหมาดศพ ตนเองก็ไม่ทราบหรอกว่าที่มาที่ไป ของเรื่องจะซับซ้อนมากน้อยแค่ไหน เท่าที่ทราบในช่วงหลังว่า ทางจังหวัดปัตตานี
โดยนายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อสอบข้อมูลที่มีความชัดเจน และเป็นความจริง ซึ่งในจุดนี้ตนเองให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะการตั้งกรรมการจะต้องให้เกิดความชัดเจนว่า ลักษณะของการยิงเข้าใส่ฐานของทหารพรานก่อน ส่วนหนึ่ง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้กระจายออกติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุ แล้วไปพบรถยนต์กระบะ และมีการยิงกันขึ้น จนทำให้มีคนเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บขึ้นมา ตรงนี้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่างก็มีคำถามมาว่า ในเมื่อมีคนจะไปละหมาดศพ ทำไมต้องถูกยิง ลักษณะของการยิง ลักษณะของการเกิดเหตุการณ์ยิงฐาน ไปจนถึงการยิงรถยนต์กระบะ รถยนต์กระบะที่ก่อเหตุ ได้ยิงกับเจ้าหน้าที่ เป็นระยะทางเท่าไหร่ คนที่จะไปละหมาดศพนั้น มีความจริงเพียงใด และที่ไหนอย่างไร
ลักษณะวิธีการที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานมีการพบอาวุธปืนในรถยนต์กระบะ ก็เป็นคำถามเช่นกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทุกสิ่งล้วนเป็นคำถามของคนในพื้นที่ทั้งสิ้น จะต้องมีการพิสูจน์ ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ และรีบชี้แจงเป็นการด่วน ตนเองคิดว่าเหตุการณ์เหล่านี้ หรือข่าวลือที่ออกไป เป็นบวก และ ลบอยู่ในตัว ถ้าหากสามารถปิดข่าวลือนั้นไปได้โดยเร็ว เหตุการณ์ หรือ ความจริงออกมาอย่างล่าช้า ก็จะเป็นลักษณะของการแก้ตัว เพราะฉะนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งปวง จะทำอย่างไร จะต้องมีการพิสูจน์ในด้านวิทยาศาสตร์ หรือ นิติวิทยาศาสตร์ มีการตรวจสอบลักษณะของอาวุธปืน และวิธีการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้เห็น ถึงความกระจ่าง และความจริง ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองไม่อยากให้เรื่องที่มีการมองข้าม กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคต และยากลำบากในการแก้ไข
ภายหลังเกิดเหตุทหารพรานยิงรถยนต์กระบะของชาวบ้านที่กำลังเดินทางจะไปร่วมละหมาดในพิธีศพ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จำนวน 4 ราย และ ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีก 5 ราย โดยทหารพราน เข้าใจผิดว่าเป็นคนร้ายชุดเดียวกับที่ก่อเหตุยิงฐานปฏิบัติการหน่วยพัฒนาสันติบ้านน้ำดำ หมู่ที่ 3 ต.ปูโล๊ะปูโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในเรื่องดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจ ให้กับบรรดาญาติของผู้เสียหายตลอดจนชาวบ้านในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเด็นอาวุธปืนสงคราม อาก้า AK-47 และ อาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม.ที่พบภายในรถยนต์กระบะคันที่เกิดเหตุว่ามาได้อย่างไร
นายนิมุ มะกาเจ และอดีตประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา กล่าวว่า ก่อนอื่นตนเองก็ขอแสดงความเสียใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งที่เป็นชาวบ้าน ผู้ที่บาดเจ็บล้มตาย และเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านน้ำดำ ต.ปูโล๊ะปูโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานีนั้น ชาวบ้านในพื้นที่ต่างก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ กันอย่างหนาหูว่าทหารพรานทำร้ายประชาชน โดยทหารได้ยิงรถยนต์กระบะของชาวบ้านที่กำลังจะเดินทางไปละหมาดศพ ตนเองก็ไม่ทราบหรอกว่าที่มาที่ไป ของเรื่องจะซับซ้อนมากน้อยแค่ไหน เท่าที่ทราบในช่วงหลังว่า ทางจังหวัดปัตตานี
โดยนายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อสอบข้อมูลที่มีความชัดเจน และเป็นความจริง ซึ่งในจุดนี้ตนเองให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะการตั้งกรรมการจะต้องให้เกิดความชัดเจนว่า ลักษณะของการยิงเข้าใส่ฐานของทหารพรานก่อน ส่วนหนึ่ง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้กระจายออกติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุ แล้วไปพบรถยนต์กระบะ และมีการยิงกันขึ้น จนทำให้มีคนเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บขึ้นมา ตรงนี้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่างก็มีคำถามมาว่า ในเมื่อมีคนจะไปละหมาดศพ ทำไมต้องถูกยิง ลักษณะของการยิง ลักษณะของการเกิดเหตุการณ์ยิงฐาน ไปจนถึงการยิงรถยนต์กระบะ รถยนต์กระบะที่ก่อเหตุ ได้ยิงกับเจ้าหน้าที่ เป็นระยะทางเท่าไหร่ คนที่จะไปละหมาดศพนั้น มีความจริงเพียงใด และที่ไหนอย่างไร
ลักษณะวิธีการที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานมีการพบอาวุธปืนในรถยนต์กระบะ ก็เป็นคำถามเช่นกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทุกสิ่งล้วนเป็นคำถามของคนในพื้นที่ทั้งสิ้น จะต้องมีการพิสูจน์ ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ และรีบชี้แจงเป็นการด่วน ตนเองคิดว่าเหตุการณ์เหล่านี้ หรือข่าวลือที่ออกไป เป็นบวก และ ลบอยู่ในตัว ถ้าหากสามารถปิดข่าวลือนั้นไปได้โดยเร็ว เหตุการณ์ หรือ ความจริงออกมาอย่างล่าช้า ก็จะเป็นลักษณะของการแก้ตัว เพราะฉะนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งปวง จะทำอย่างไร จะต้องมีการพิสูจน์ในด้านวิทยาศาสตร์ หรือ นิติวิทยาศาสตร์ มีการตรวจสอบลักษณะของอาวุธปืน และวิธีการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้เห็น ถึงความกระจ่าง และความจริง ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองไม่อยากให้เรื่องที่มีการมองข้าม กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคต และยากลำบากในการแก้ไข
