ศูนย์ข่าวหาดใหญ่-มทภ.4 ยึดอกรับผิดชอบ พร้อมเอ่ยปากขอโทษญาติ 4 ศพและบาดเจ็บ ลั่นให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย เชื่อฝ่ายตรงข้ามมีกลยุทธ์ที่จะสร้างความแตกแยก ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน ผบ.ทบ. สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ลั่นผิดจริงต้องรับโทษ พร้อมสั่งย้ายทหารพรานยิงพ้นพื้นที่ “ปู”จี้ ผบ.ทบ.แจ้งความจริง “ยุทธศักดิ์”ยอมรับ 4 ศพ ไม่ใช่โจรใต้ บอกทหาร ถ้าผิดจริงต้องขอโทษ-ชดใช้ “อังคณา”อัด“ยุทธศักดิ์”ใช้ข้อมูลมั่ว โยนบาปชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ผวาฝันร้าย "ยุคแม้ว" หวนคืน ชี้เหยื่อไฟได้ไม่มั่นใจได้จะได้รับ 7.75 ล้านบาทเหมือนแดงเผาเมือง
วานนี้ (31 ม.ค.) ที่ห้องรับรอง ชั้น 2 อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงถึงเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายยิงถล่มฐานทหาร จนนำไปสู่การไล่ล่าคนร้าย และยิงรถกระบะต้องสงสัยเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน และบาดเจ็บ 5 คนว่า ในการปฏิบัติการของทหารพรานนั้นได้ปฏิบัติการตามแผนเผชิญเหตุ เมื่อมีการถล่มฐาน ตนได้มีการสั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการตอบโต้ทางยุทธวิธีตามที่ตนได้สั่งการไว้ ฉะนั้น เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นจนเกิดความสูญเสีย ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาก็ต้องรับผิดชอบ ทั้งในเรื่องชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่ได้รับผลกระทบ
"สิ่งที่ทหารพรานปฏิบัติจะถูกหรือเกินเลยการปฏิบัติ ผมในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุด ก็ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งที่การปฏิบัติในครั้งนี้จะสำเร็จหรือมีข้อผิดพลาด และขอยืนยันที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่าย ผมไม่ใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ และไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะว่าจะต้องดำเนินการไปจนกว่าจะสามารถสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นได้ และสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกๆ ฝ่าย"
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่ 2 ในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงทางนิติวิทยาศาสตร์ และกระบวนการสืบสวนสอบสวนข้อมูลในเชิงลึกอยู่ ตนขอยืนยันกับประชาชนทุกภาคส่วนว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนและตามหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัดเสมอมา
"ที่ผ่านมา ฝ่ายตรงข้ามต้องการที่จะสร้างความแตกแยกระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนเสมอมา ไม่อย่างนั้นความ สงบสุขสันติในพื้นที่น่าจะเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ยังมีกลยุทธ์ที่จะสร้างความแตกแยก ผมขอยืนยันว่า ทหารพรานอยู่ดีคงไม่ไปเข่นฆ่า หรือไปยิงใคร จนเสียชีวิต ถ้าไม่ถูกกระทำก่อน ไม่มีเหตุผลทั้งทางด้านหลักกฎหมายและหลักด้านมนุษยธรรมที่จะไปยิงทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่มีกลยุทธ์หนึ่งกลยุทธ์ใดที่พยายามสร้างความแตกแยก ผมพยายามที่จะสร้างความกระจ่าง และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนในด้านการเยียวยานั้น ผมจะดูแลในเรื่องของการเยียวยาตามหลักเกณฑ์ และกระบวนการของการเยียวยาต่อผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างดีที่สุด"
**มทภ.4เอ่ยปากขอโทษญาติเหยื่อ4ศพ
ต่อมาเวลา 14.30 น.ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี แม่ทัพภาคที่ 4 ได้นำพนักงานสอบสวนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อติดตามคดี กรณีพิเศษประกอบด้วยตัวแทนตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เพื่อรายงานความคืบหน้าการสืบสวนคดีตลอดจนนำ เจ้าหน้าที่ทหารพรานกรมทหารพรานที่ 4302 จำนวน 5 นาย ซึ่งเป็นชุดที่ใช้อาวุธปืนยิงรถยนต์ชาวบ้านเสียชีวิต 4 รายและบาดเจ็บ 5 รายมาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในคืนเกิดเหตุต่อหน้านายยา ดือราแม ซึ่งเป็นคนขับรถที่ได้รับบาดเจ็บ และญาติของผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกของคู่กรณี หลังรัฐบาลออกมายอมรับความผิดพลาด ซึ่งบรรยากาศภายในเป็นไปด้วยความตรึงเครียดและไม่อนุญาติให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟัง
ในขณะที่แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวขอโทษ และยอมรับที่จะช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ ถึงแม้แนวทางการสอบสวนจะออกมาในรูปแบบใด และจะให้ความเป็นธรรมและยุติธรรมทั้งสองฝ่ายและในการมาเจอกันทั้งสองฝ่ายครั้งนี้ก็เพื่อต้องการที่จะให้เกิดความเข้าใจกันต่อกัน
ทั้งนี้ นายเจ๊ะเลาะ เจ๊ะสะมะแอ อบต.ปุโล๊ะปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 1 ในตัวแทนเจรจาหาข้อยุติกรณีเหตุทหารยิงชาวบ้านเสียชีวิต 4 ศพ กล่าวภายหลังการเจรจาว่า ครั้งนี้ทางกลุ่มตัวแทนและญาติผู้เสียชีวิตได้ยื่นข้อเสนอ 3 ข้อ คือ 1.ให้มีการสับเปลี่ยนทหารพรานชุดคู่กรณีออกนอกพื้นที่ 2.แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระเพิ่มเข้ามาช่วยดูแนวทางการสอบสวน 3.ให้มีการแก้ไขกรณีนายทหารให้ข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการปะทะกันของแนวร่วมซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ส่วนการเจรจาในวันนี้ทางชาวบ้านไม่ได้ติดค้าง แต่การเยียวยาหากเปรียบเทียบเงินกับชีวิตไม่อาจเทียบได้ ที่สำคัญที่สุดคือต้องการความเป็นธรรม
**ผบ.ทบ.สั่งตรวจสอบ4ศพปัตตานี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้ให้กองทัพภาคที่ 4 ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งเหตุเกิดช่วงเวลากลางคืน อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในคำสั่ง ทั้งนี้ หากเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่จะไม่ปกป้อง และให้รับโทษตามกระบวนการ อาจถูกปรับโยกย้าย หรือสั่งปลด
"เบื้องต้นให้มีการย้ายกำลังพลที่ถูกกล่าวหาออกนอกพื้นที่แล้ว เพื่อไม่ให้มีผลต่อการสอบสวน แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามมีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีในการโจมตี และเพิ่มการโจมตีมากขึ้น พร้อมมีความพยายามปลุกปั่น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมชดใช้และเยียวยาผู้ที่สูญเสียด้วยเช่นกัน ขณะที่ไม่อยากให้โทษใคร เนื่องจากไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น ขณะเดียวกันเชื่อว่า รัฐบาลจะเข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหารที่อาจต้องใช้อาวุธตอบโต้ ทั้งนี้ ในพื้นที่ยังใช้กฎหมายตามปกติ"
**"ปู"สั่ง"ผบ.ทบ." แจงข้อเท็จจริง
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ครม.ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ได้สั่งให้ ผบ.ทบ.ลงไปตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งในช่วงบ่าย ทาง ผบ.ทบ.จะชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงให้ทราบทั้งหมด เบื้องต้นถ้ามีอะไรที่ต้องดูแลประชาชน และเป็นภาคประชาชนจริงๆ ตามที่เป็นข่าว เราก็พร้อมที่จะดูแล ซึ่งต้องให้ความยุติธรรมทั้ง 2 ส่วน ทั้งนี้ อยากให้ทางกองทัพได้ลงไปติดตามสืบสวนและดูข้อมูลทั้งหมดก่อน
**“ยุทธศักดิ์”รับ 4 ศพไม่ใช่แนวร่วม
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการในการตรวจสอบเหตุดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นจะตรวจสอบว่าเป็นการใช้กำลังเกินกว่าเหตุหรือไม่ คงต้องตรวจสอบตามระเบียบว่าด้วยการใช้กำลังของทหาร โดยการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายไม่ได้เป็นแนวร่วมของผู้ก่อการร้าย ซึ่งหากเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของทหารจริงก็พร้อมที่จะออกมาขอโทษ และชดใช้ให้อย่างเต็มที่ และการดำเนินการทั้งหมดนั้น ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่า จะไม่ทำให้สถานการณ์บานปลายเหมือนน้ำผึ้งหยดเดียว ส่วนการวางกำลังทหารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยน แต่จะมีการบูรณาการให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันและรักษาความปลอดภัย"
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าไม่ใช่แนวร่วมผู้ก่อการร้ายทั้ง 4 ศพเลยหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ก็อย่างที่ทางโฆษกแม่ทัพภาคที่ 4 ชี้แจงว่าในรถกระบะ 9 คนที่กระโดดขึ้นรถ 1 คนในนั้นอาจจะใช้ผู้บริสุทธิ์ 8 คนเป็นฉากกำบังตัวก็ได้ ซึ่งยังสงสัยว่าจะเป็น 1 ของผู้ที่ไปก่อเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มฐานทหารพรานที่ 4302 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก ด้วยหรือไม่ กำลังสอบสวนอยู่ เพราะมีรถกระบะและรถมอเตอร์ไซด์อยู่ด้วย 1 คัน
**"อังคณา"จี้รัฐบาล"ยิ่งลักษณ์"รับผิดชอบ
นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ เรียกร้องให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ แสดงความรับผิดชอบต่อการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับประชาชนที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต 4 ศพและได้รับบาดเจ็บ โดยระบุว่าประชาชนเหล่านั้นเป็นผู้ก่อความไม่สงบทั้งๆ ที่ความเป็นจริงคือคนเหล่านี้เป็นชาวบ้านที่เพิ่งกลับจากการละหมาดและกำลังจะเดินทางไปละหมาดในงานศพ แต่มีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นในเส้นทางที่ใช้เดินทาง ซึ่งชาวบ้านที่รอดชีวิตให้ข้อมูลว่า เมื่อรถไปถึงบริเวณด่านตรวจเจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงตัวที่จะขอตรวจค้น แต่มีการยิงใส่รถของชาวบ้าน จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านอยู่ในอารมณ์ที่โกรธแค้นและยิ่งตอกย้ำความไม่ไว้วางใจ ที่ชาวบ้านมีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ
**ผาวฝันร้ายยุค"แม้ว"กลับคืน
นางอังคณากล่าวต่อว่า รัฐบาลไม่มีบุคคลที่เข้าใจต่อปัญหาภาคใต้อย่างแท้จริง ทั้งตัวนายกฯ พล.อ.ยุทธศักดิ์ หรือแม้แต่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ ซึ่งการที่ขาดความเข้าใจถึงสภาพปัญหาทำให้ไม่สามารถกำหนดทิศทางที่ถูกต้องได้ ที่ผ่านมารัฐบาลพูดเสมอว่าใช้สันติวิธี แต่ในขณะนี้ชาวบ้านมองว่ากำลังใช้ความรุนแรงตอบโต้ความรุนแรง ซึ่งจะเป็นการขยายความรุนแรงออกไปสู่ผู้บริสุทธิ์มากขึ้น ตนจึงขอวิงวอนให้นายกฯเห็นปัญหาภาคใต้เป็นวาระแห่งชาติที่คนเป็นผู้นำประเทศต้องดูแลด้วยตัวเอง ไม่ใช่มอบหมายให้คนอื่นดูแล
“นายกฯจะบอกว่าหนูไม่รู้ไม่ได้ หรือจะพูดแค่ว่าเอาอยู่ เหมือนตอนเกิดวิกฤตน้ำท่วม ก็ไม่ได้ แต่ต้องลงพื้นที่สัมผัสกับชาวบ้าน เพื่อรับรู้ปัญหาอย่างแท้จริง เพราะตอนนี้ชาวบ้านเกิดความหวาดผวา กลัวว่าปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลายเป็นฝันร้ายที่กลับมาหลอกหลอนขาวบ้านอีกครั้ง"
นางอังคณา ยังเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการที่มีองค์ประกอบจากทุกภาคส่วนคือภาครัฐ ประชาชน ผู้นำศาสนา คนที่ประชาชนไว้ใจ ตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้อำนาจในการเรียกเอกสารและเรียกเจ้าหน้าที่มาชี้แจงโดยให้ใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาอธิบาย เพราะกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องยากหากเจ้าหน้าที่อ้างว่ามีการพบอาวุธก็ควรตรวจดีเอ็นเอให้ชัดเจนว่า ผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงก็ปรากฏชัดว่า ผู้ที่อยู่ในรถมีแต่คนแก่กับเด็ก
**ชี้เหยื่อไฟได้ไม่มั่นใจได้7.75ล้าน
ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายจะจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ได้รับผละกระทบจากเหตุความไม่สงบภาคใต้ในหลักเกณฑ์เดียวกับกับผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ได้ศพละ 7.75 ล้านบาทนั้น นางอังคณา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ชาวบ้านไม่มั่นใจว่า รัฐบาลจะมีความจริงใจที่จะดำเนินการอย่างแท้จริง เนื่องจากการเยียวยาด้วยเงิน 7.75 ล้านบาท มีการกำหนดตัวเลขออกมาก่อนหลักเกณฑ์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง และมีคำถามว่า ชีวิตคนควรที่จะมีค่าเท่าเทียมกันหรือไม่ และการที่รัฐบาลตั้งโจทย์โดยการใช้เงินเป็นตัวตั้ง ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
** “มาร์ค”ห่วงไฟใต้ลามหนัก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า น่าเป็นห่วงและรัฐบาลต้องเร่งหาแนวทางในการสร้างความชัดเจน เพราะหากไม่สามารถทำให้ประชาชนมีความมั่นใจในแนวทางของรัฐบาลได้ จะยิ่งทำให้เรื่องลุกลาม ตกเป็นเหยื่อของฝ่ายตรงกันข้าม ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่พูดว่าจะใช้นิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์นั้น มีความจำเป็นมาก ถ้าทำตรงนี้ได้สำเร็จ จะเป็นผลดี เพราะมิเช่นนั้นแล้วก็จะกลายเป็นเหยื่อ เขาจะไปพูดว่า รัฐใช้ความรุนแรงกับคนของเขา
**จยย.บอมบ์ทหารเจ็บ3ชาวบ้าน1ที่ยะลา
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ได้เกิดเหตุคนร้ายซุกระเบิดแสวงเครื่องในรถจักรยานยนต์ จอดไว้บริเวณสามแยก หน้าโรงเรียนบ้านบุริน อ.เมือง จ.ยะลา จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ขณะเจ้าหน้าที่ทหารลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยครูผ่านมาทำให้ทหารบาดเจ็บ 2 นายและชาวบ้านอีก 1 คน คือ พลทหารธีรศักดิ์ ภูมิเพชร อายุ 22 ปี พลทหารพรภิรมย์ แสงเพชร อายุ 21 ปี ทั้ง 2 นายสังกัด ร้อย ร.5012 ฉก.ยะลา 11 และนายอุสมาน สาแม อายุ 35 ปี ราษฎรในหมู่บ้าน ถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลาแล้ว ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบสะเก็ดระเบิด ที่ตัดจากเหล็ก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ของวิทยุสื่อสาร กระจัดกระจายเต็มพื้นถนน จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
วานนี้ (31 ม.ค.) ที่ห้องรับรอง ชั้น 2 อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงถึงเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายยิงถล่มฐานทหาร จนนำไปสู่การไล่ล่าคนร้าย และยิงรถกระบะต้องสงสัยเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน และบาดเจ็บ 5 คนว่า ในการปฏิบัติการของทหารพรานนั้นได้ปฏิบัติการตามแผนเผชิญเหตุ เมื่อมีการถล่มฐาน ตนได้มีการสั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการตอบโต้ทางยุทธวิธีตามที่ตนได้สั่งการไว้ ฉะนั้น เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นจนเกิดความสูญเสีย ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาก็ต้องรับผิดชอบ ทั้งในเรื่องชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่ได้รับผลกระทบ
"สิ่งที่ทหารพรานปฏิบัติจะถูกหรือเกินเลยการปฏิบัติ ผมในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุด ก็ต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งที่การปฏิบัติในครั้งนี้จะสำเร็จหรือมีข้อผิดพลาด และขอยืนยันที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่าย ผมไม่ใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ และไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะว่าจะต้องดำเนินการไปจนกว่าจะสามารถสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นได้ และสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกๆ ฝ่าย"
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่ 2 ในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงทางนิติวิทยาศาสตร์ และกระบวนการสืบสวนสอบสวนข้อมูลในเชิงลึกอยู่ ตนขอยืนยันกับประชาชนทุกภาคส่วนว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนและตามหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัดเสมอมา
"ที่ผ่านมา ฝ่ายตรงข้ามต้องการที่จะสร้างความแตกแยกระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนเสมอมา ไม่อย่างนั้นความ สงบสุขสันติในพื้นที่น่าจะเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ยังมีกลยุทธ์ที่จะสร้างความแตกแยก ผมขอยืนยันว่า ทหารพรานอยู่ดีคงไม่ไปเข่นฆ่า หรือไปยิงใคร จนเสียชีวิต ถ้าไม่ถูกกระทำก่อน ไม่มีเหตุผลทั้งทางด้านหลักกฎหมายและหลักด้านมนุษยธรรมที่จะไปยิงทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่มีกลยุทธ์หนึ่งกลยุทธ์ใดที่พยายามสร้างความแตกแยก ผมพยายามที่จะสร้างความกระจ่าง และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนในด้านการเยียวยานั้น ผมจะดูแลในเรื่องของการเยียวยาตามหลักเกณฑ์ และกระบวนการของการเยียวยาต่อผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างดีที่สุด"
**มทภ.4เอ่ยปากขอโทษญาติเหยื่อ4ศพ
ต่อมาเวลา 14.30 น.ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี แม่ทัพภาคที่ 4 ได้นำพนักงานสอบสวนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อติดตามคดี กรณีพิเศษประกอบด้วยตัวแทนตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เพื่อรายงานความคืบหน้าการสืบสวนคดีตลอดจนนำ เจ้าหน้าที่ทหารพรานกรมทหารพรานที่ 4302 จำนวน 5 นาย ซึ่งเป็นชุดที่ใช้อาวุธปืนยิงรถยนต์ชาวบ้านเสียชีวิต 4 รายและบาดเจ็บ 5 รายมาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในคืนเกิดเหตุต่อหน้านายยา ดือราแม ซึ่งเป็นคนขับรถที่ได้รับบาดเจ็บ และญาติของผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกของคู่กรณี หลังรัฐบาลออกมายอมรับความผิดพลาด ซึ่งบรรยากาศภายในเป็นไปด้วยความตรึงเครียดและไม่อนุญาติให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟัง
ในขณะที่แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวขอโทษ และยอมรับที่จะช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ ถึงแม้แนวทางการสอบสวนจะออกมาในรูปแบบใด และจะให้ความเป็นธรรมและยุติธรรมทั้งสองฝ่ายและในการมาเจอกันทั้งสองฝ่ายครั้งนี้ก็เพื่อต้องการที่จะให้เกิดความเข้าใจกันต่อกัน
ทั้งนี้ นายเจ๊ะเลาะ เจ๊ะสะมะแอ อบต.ปุโล๊ะปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 1 ในตัวแทนเจรจาหาข้อยุติกรณีเหตุทหารยิงชาวบ้านเสียชีวิต 4 ศพ กล่าวภายหลังการเจรจาว่า ครั้งนี้ทางกลุ่มตัวแทนและญาติผู้เสียชีวิตได้ยื่นข้อเสนอ 3 ข้อ คือ 1.ให้มีการสับเปลี่ยนทหารพรานชุดคู่กรณีออกนอกพื้นที่ 2.แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระเพิ่มเข้ามาช่วยดูแนวทางการสอบสวน 3.ให้มีการแก้ไขกรณีนายทหารให้ข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการปะทะกันของแนวร่วมซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ส่วนการเจรจาในวันนี้ทางชาวบ้านไม่ได้ติดค้าง แต่การเยียวยาหากเปรียบเทียบเงินกับชีวิตไม่อาจเทียบได้ ที่สำคัญที่สุดคือต้องการความเป็นธรรม
**ผบ.ทบ.สั่งตรวจสอบ4ศพปัตตานี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้ให้กองทัพภาคที่ 4 ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งเหตุเกิดช่วงเวลากลางคืน อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในคำสั่ง ทั้งนี้ หากเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่จะไม่ปกป้อง และให้รับโทษตามกระบวนการ อาจถูกปรับโยกย้าย หรือสั่งปลด
"เบื้องต้นให้มีการย้ายกำลังพลที่ถูกกล่าวหาออกนอกพื้นที่แล้ว เพื่อไม่ให้มีผลต่อการสอบสวน แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามมีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีในการโจมตี และเพิ่มการโจมตีมากขึ้น พร้อมมีความพยายามปลุกปั่น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมชดใช้และเยียวยาผู้ที่สูญเสียด้วยเช่นกัน ขณะที่ไม่อยากให้โทษใคร เนื่องจากไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น ขณะเดียวกันเชื่อว่า รัฐบาลจะเข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหารที่อาจต้องใช้อาวุธตอบโต้ ทั้งนี้ ในพื้นที่ยังใช้กฎหมายตามปกติ"
**"ปู"สั่ง"ผบ.ทบ." แจงข้อเท็จจริง
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ครม.ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ได้สั่งให้ ผบ.ทบ.ลงไปตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งในช่วงบ่าย ทาง ผบ.ทบ.จะชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงให้ทราบทั้งหมด เบื้องต้นถ้ามีอะไรที่ต้องดูแลประชาชน และเป็นภาคประชาชนจริงๆ ตามที่เป็นข่าว เราก็พร้อมที่จะดูแล ซึ่งต้องให้ความยุติธรรมทั้ง 2 ส่วน ทั้งนี้ อยากให้ทางกองทัพได้ลงไปติดตามสืบสวนและดูข้อมูลทั้งหมดก่อน
**“ยุทธศักดิ์”รับ 4 ศพไม่ใช่แนวร่วม
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการในการตรวจสอบเหตุดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นจะตรวจสอบว่าเป็นการใช้กำลังเกินกว่าเหตุหรือไม่ คงต้องตรวจสอบตามระเบียบว่าด้วยการใช้กำลังของทหาร โดยการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 4 รายไม่ได้เป็นแนวร่วมของผู้ก่อการร้าย ซึ่งหากเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของทหารจริงก็พร้อมที่จะออกมาขอโทษ และชดใช้ให้อย่างเต็มที่ และการดำเนินการทั้งหมดนั้น ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่า จะไม่ทำให้สถานการณ์บานปลายเหมือนน้ำผึ้งหยดเดียว ส่วนการวางกำลังทหารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยน แต่จะมีการบูรณาการให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันและรักษาความปลอดภัย"
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าไม่ใช่แนวร่วมผู้ก่อการร้ายทั้ง 4 ศพเลยหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ก็อย่างที่ทางโฆษกแม่ทัพภาคที่ 4 ชี้แจงว่าในรถกระบะ 9 คนที่กระโดดขึ้นรถ 1 คนในนั้นอาจจะใช้ผู้บริสุทธิ์ 8 คนเป็นฉากกำบังตัวก็ได้ ซึ่งยังสงสัยว่าจะเป็น 1 ของผู้ที่ไปก่อเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มฐานทหารพรานที่ 4302 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก ด้วยหรือไม่ กำลังสอบสวนอยู่ เพราะมีรถกระบะและรถมอเตอร์ไซด์อยู่ด้วย 1 คัน
**"อังคณา"จี้รัฐบาล"ยิ่งลักษณ์"รับผิดชอบ
นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ เรียกร้องให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ แสดงความรับผิดชอบต่อการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับประชาชนที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต 4 ศพและได้รับบาดเจ็บ โดยระบุว่าประชาชนเหล่านั้นเป็นผู้ก่อความไม่สงบทั้งๆ ที่ความเป็นจริงคือคนเหล่านี้เป็นชาวบ้านที่เพิ่งกลับจากการละหมาดและกำลังจะเดินทางไปละหมาดในงานศพ แต่มีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นในเส้นทางที่ใช้เดินทาง ซึ่งชาวบ้านที่รอดชีวิตให้ข้อมูลว่า เมื่อรถไปถึงบริเวณด่านตรวจเจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงตัวที่จะขอตรวจค้น แต่มีการยิงใส่รถของชาวบ้าน จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านอยู่ในอารมณ์ที่โกรธแค้นและยิ่งตอกย้ำความไม่ไว้วางใจ ที่ชาวบ้านมีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ
**ผาวฝันร้ายยุค"แม้ว"กลับคืน
นางอังคณากล่าวต่อว่า รัฐบาลไม่มีบุคคลที่เข้าใจต่อปัญหาภาคใต้อย่างแท้จริง ทั้งตัวนายกฯ พล.อ.ยุทธศักดิ์ หรือแม้แต่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ ซึ่งการที่ขาดความเข้าใจถึงสภาพปัญหาทำให้ไม่สามารถกำหนดทิศทางที่ถูกต้องได้ ที่ผ่านมารัฐบาลพูดเสมอว่าใช้สันติวิธี แต่ในขณะนี้ชาวบ้านมองว่ากำลังใช้ความรุนแรงตอบโต้ความรุนแรง ซึ่งจะเป็นการขยายความรุนแรงออกไปสู่ผู้บริสุทธิ์มากขึ้น ตนจึงขอวิงวอนให้นายกฯเห็นปัญหาภาคใต้เป็นวาระแห่งชาติที่คนเป็นผู้นำประเทศต้องดูแลด้วยตัวเอง ไม่ใช่มอบหมายให้คนอื่นดูแล
“นายกฯจะบอกว่าหนูไม่รู้ไม่ได้ หรือจะพูดแค่ว่าเอาอยู่ เหมือนตอนเกิดวิกฤตน้ำท่วม ก็ไม่ได้ แต่ต้องลงพื้นที่สัมผัสกับชาวบ้าน เพื่อรับรู้ปัญหาอย่างแท้จริง เพราะตอนนี้ชาวบ้านเกิดความหวาดผวา กลัวว่าปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลายเป็นฝันร้ายที่กลับมาหลอกหลอนขาวบ้านอีกครั้ง"
นางอังคณา ยังเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการที่มีองค์ประกอบจากทุกภาคส่วนคือภาครัฐ ประชาชน ผู้นำศาสนา คนที่ประชาชนไว้ใจ ตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้อำนาจในการเรียกเอกสารและเรียกเจ้าหน้าที่มาชี้แจงโดยให้ใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาอธิบาย เพราะกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องยากหากเจ้าหน้าที่อ้างว่ามีการพบอาวุธก็ควรตรวจดีเอ็นเอให้ชัดเจนว่า ผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงก็ปรากฏชัดว่า ผู้ที่อยู่ในรถมีแต่คนแก่กับเด็ก
**ชี้เหยื่อไฟได้ไม่มั่นใจได้7.75ล้าน
ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายจะจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ได้รับผละกระทบจากเหตุความไม่สงบภาคใต้ในหลักเกณฑ์เดียวกับกับผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ได้ศพละ 7.75 ล้านบาทนั้น นางอังคณา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ชาวบ้านไม่มั่นใจว่า รัฐบาลจะมีความจริงใจที่จะดำเนินการอย่างแท้จริง เนื่องจากการเยียวยาด้วยเงิน 7.75 ล้านบาท มีการกำหนดตัวเลขออกมาก่อนหลักเกณฑ์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง และมีคำถามว่า ชีวิตคนควรที่จะมีค่าเท่าเทียมกันหรือไม่ และการที่รัฐบาลตั้งโจทย์โดยการใช้เงินเป็นตัวตั้ง ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
** “มาร์ค”ห่วงไฟใต้ลามหนัก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า น่าเป็นห่วงและรัฐบาลต้องเร่งหาแนวทางในการสร้างความชัดเจน เพราะหากไม่สามารถทำให้ประชาชนมีความมั่นใจในแนวทางของรัฐบาลได้ จะยิ่งทำให้เรื่องลุกลาม ตกเป็นเหยื่อของฝ่ายตรงกันข้าม ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่พูดว่าจะใช้นิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์นั้น มีความจำเป็นมาก ถ้าทำตรงนี้ได้สำเร็จ จะเป็นผลดี เพราะมิเช่นนั้นแล้วก็จะกลายเป็นเหยื่อ เขาจะไปพูดว่า รัฐใช้ความรุนแรงกับคนของเขา
**จยย.บอมบ์ทหารเจ็บ3ชาวบ้าน1ที่ยะลา
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ได้เกิดเหตุคนร้ายซุกระเบิดแสวงเครื่องในรถจักรยานยนต์ จอดไว้บริเวณสามแยก หน้าโรงเรียนบ้านบุริน อ.เมือง จ.ยะลา จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ขณะเจ้าหน้าที่ทหารลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยครูผ่านมาทำให้ทหารบาดเจ็บ 2 นายและชาวบ้านอีก 1 คน คือ พลทหารธีรศักดิ์ ภูมิเพชร อายุ 22 ปี พลทหารพรภิรมย์ แสงเพชร อายุ 21 ปี ทั้ง 2 นายสังกัด ร้อย ร.5012 ฉก.ยะลา 11 และนายอุสมาน สาแม อายุ 35 ปี ราษฎรในหมู่บ้าน ถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลาแล้ว ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบสะเก็ดระเบิด ที่ตัดจากเหล็ก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ของวิทยุสื่อสาร กระจัดกระจายเต็มพื้นถนน จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน