xs
xsm
sm
md
lg

‘ปู’ลอยแพปชช.แค่สั่งรณรงค์ลดใช้พลังงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ปู บ่มีไก๊ แก้ของแพง ได้แค่สั่งรณรงค์ ให้ประชาชนประหยัด ลดใช้พลังานให้ได้ 10% หลังเรียกประชุมโชว์สื่อ 30 นาที ด้าน“สศช.”คาดปลายไตรมาส 2 ปีนี้ปกติ ธปท.แนะพณ.จับตาหวั่นกักตุน มาร์คสอนปูทำความเข้าใจวิธีบริหารราคาพลังงานอัดหยุดอ้างกลไกตลาดทำราคาข้าวของแพง

วานนี้ (16 มี.ค.55)เวลา 08.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง ร่วมกับมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเปิดให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังได้ครึ่งชั่วโมง

นายอาคม กล่าวรายงานสถานการณ์ว่า ในช่วงเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ที่ 3.0 และ 2.9 % เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ตัวเลขอยู่ที่ 3.4 % จะเห็นว่าเงินเฟ้อปีนี้สูงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเงินเฟ้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2555 คาดว่าสืบเนื่องจากปัญหาอุทกภัยครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลกระทบให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นนั้นคือหมวดอาหาร และหมวดที่ไม่ใช่อาหาร

ในส่วนของสินค้าด้านการเกษตรราคาตัวเลขลดลง แต่ในส่วนของเนื้อสัตว์ ราคาเพิ่มขึ้นถึง 12 % เครื่องปรุงอาหารราคาเพิ่ม 11% อาหารสำเร็จรูปบริโภคในบ้านราคาเพิ่มขึ้น 12.4% บริโภคนอกบ้านเพิ่ม 5.3% ดังนั้นเห็นได้ว่ากินในบ้านแพงกว่ากินนอกบ้าน เนื่องจากอาหารสดประเภทเนื้อสัตว์ราคาเพิ่มขึ้นสูงมาก

สำหรับราคานำมันเชื้อเพลิงนั้น นายอาคม กล่าวว่า ทางรัฐบาลมีมาตรการในการตรึงราคาน้ำมันดีเซลและราคาก๊าซอยู่ จึงทำให้ราคาต้นทุนไม่เพิ่มขึ้นสูงมาก ทั้งนี้ต้องดูว่าเมื่อรัฐบาลยกเลิกมาตรการตรึงราคาแล้วจะส่งผลให้หมวดพลังงานละก๊าซจะเพิ่มสูงขึ้นหรือไม่ ดังนั้นจึงมีมาตรการสองส่วนที่จะช่วยลดแรงกดดันของเงินเฟ้อคือ เรื่องการกระจายสินค้าราคาถูกอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะเรื่องธงฟ้าจะมีส่วนช่วย และมาตรการการบริการรถเมล์ รถไฟฟรี ซึ่งจะสิ้นสุดในช่วงเดือนเมษายนนี้ ซึ่งมาตรการนี้จะทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนไม่เพิ่มสูงมาก รวมถึงการต่ออายุมาตรการยกเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ซึ่งจะสิ้นสุด 31 มีนาคมนี้

อย่างไรก็ตามเมื่อพ้นมาตรการดังกล่าวน้ำมันดีเซลราคาจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้น รถสาธารณะจะปรับราคา เพิ่มขึ้นตาม นอกจากนี้ในเรื่องค่าแรง 300 บาทที่จะมีผลเดือนเมษายนนี้จะถือเป็นอีกตัวหนึ่งที่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ในเดือนพฤษภาคม

ขณะที่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ค่าซับพายในปีนี้ยังสูงกว่าต้นปี 2554 สืบเนื่องมาจากโรงงานอุตสาหกรรมประสบปัญหาอุทกภัยครั้งที่ผ่านมา ส่งผลให้สินค้าขาดตลาด หากโรงงานอุตสาหกรรมกลับมาฟื้นตัวเร็ว สินค้าต่างๆจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ขอฝากไปยังสภาพัฒน์ฯและกระทรวงพาณิชย์ไปวิเคราะห์และดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องราคาอาหารปรุงในบ้านและนอกบ้านด้วย เนื่องจากเห็นว่าอาหารที่ปรุงในบ้านกับนอกบ้านไม่น่าจะต่างกันมากขนาดนี้ โดยให้ไปเช็คราคาเนื้อสัตว์ที่ขายยังท้องตลาดว่ามีราคาต้นทุนเท่าใด

**สั่งพาณิชย์ ดูต้นทางปลายทาง

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้กกระทรวงพาณิชย์ช่วยดูช่วงของการผลิตสินค้าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางว่ามีปัญหาอย่างไร ที่ส่งผลกระทบให้สินค้าช้าราคาเพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่นายประสาร กล่าวว่า สำหรับปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อจะมี 3 ส่วนด้วยกันคือ ปัจจัยที่มีผลกระทบทางด้านอุปทาน ส่วนที่สองปัจจัยที่มีผลกระทบทางด้านดีมานหรือความต้องการ และปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการคาดหวังของประชาชน ของผู้ประกอบการ ซึ่งจะเกี่ยวข้องทางด้านจิตวิทยา ที่หากคิดว่าข้าวของแพงก็จะทำให้เกิดเป็นลูกโซ่จนทำให้สินค้ามีราคาที่แพงขึ้น โดยในส่วนของด้านซับพาย โดนเฉพาะหลังจากน้ำท่วมสินค้าเกษตรที่เกี่ยวกับพืชไร่ อาหาร

โดยทางกระทรวงพาณิชย์และสภาพัฒน์ฯได้มีการประเมินให้ทราบว่า ราคามีแนวโน้มลดลงภายหลังจากน้ำท่วม แต่ตัวที่ต้องระวังมากในขณะนี้คือเรื่องราคาน้ำมัน โดยเฉพาะในส่วนของ ต่างประเทศอันเกิดปัญหาจาก การค่ำบาตรของอิหร่าน และขอให้ทางซาอุดิอาระเบีย ใช้น้ำมันสำ รอง เพราะ นักวิเคราะห์ในตลาดเห็นว่า ปริมาณน้ำมันสำรองในตลาดลดลงการเกร็งราคาทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น เพราะฉะนั้นทางด้านซับพายที่ต้องระวัง เวลานี้คือราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่ในด้านที่เกี่ยวข้องกับอาหารค่อนข้างที่มีแนมโน้มราคาลดลง

“สำหรับทางด้านดีมานหรือความต้องการ ต้องขอเรียนนายกฯโดยตรงว่าเรื่องของการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การ เพิ่มรายได้ก็มีส่วน การเพิ่มอำนาจซื้อทำให้ทางด้านดีมานลดลงไป รายจ่ายรัฐที่จะใช้ในรูปแบบต่างๆเข้ามา ทางด้านดีมาน รายได้คนเพิ่มก็มีโอกาส ประกอบกับการฟื้นฟูภายหลังจากน้ำท่วมค่อยๆไปถึงไตรมาสที่สาม ซึ่งจะ มีแรงกดดันทางด้านดีมานในไตรมาสที่สามเวลานี้ก็มีแนวโน้มไปทางด้านนั้น ส่วนเรื่องของค่าแรงก็จะมา 2 ทาง ด้านหนึ่งในเรื่องของรายได้และอีกด้านหึ่งเรื่องต้นทุนการผลิต ซึ่งทางด้านซับพายน้ำมันจะเป็นปัจจัยลบ อาหารจะ เป็นปัจจัยบวก และค้าแรงจะเป็นปัจจัยลบ โดยผู้ประกอบการจะต้องจ่ายค่าแรงลูกน้องเพิ่ม”

**ธปท.แนะพณ.จับตาหวั่นกักตุน

นายกรัฐมนตรี กล่าวในลักษณะที่โต้แย้งว่า “ขออนุญาตถามนิดเดียว อย่างค่าแรงที่มองว่าเป็นปัจจัยลบทางด้านต้นทุน มองหรือไม่ว่าค่าแรงขึ้นจากฐานราก การขึ้นจากชั้นผู้มีรายได้น้อยก็จะมีเงินจ่ายในเรื่องของการยังชีพ ตัวนี้จะกลับมาในลักษณะพอดีกันหรือเปล่า”

ผู้ว่าธปท. กล่าวว่า ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องของเอ้าท์พุตอินพุต คือทางด้านอินพุตถ้ามันแพงแต่ถ้าเขาเก่งขึ้น ผลิตได้มากขึ้นด้วยความชำนาญ นายจ้างก็เอื้ออำนวยในเรื่องกำลังการผลิต หากตรงนี้ขึ้นได้เสมอตัวกับค่าแรงที่เพิ่มอย่างนี้เจ๋งเลย เท่ากับเป็นการยกระดับฐานะคนให้ดีขึ้น อย่างนี้ประเทศเจริญเลยจะแข่งขันกับชาวบ้านได้ โดยรวมแล้วเห็นด้วยกับทิศทางการยกระดับค่าแรงเพราะเห็นว่า 10 กว่าปีที่ผ่านมาเพราะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบไม่ได้รับสัดส่วนของความเจริญ แต่ขอเรียนนายกฯตามตรงว่าเราเพิ่มค่าแรงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ในเรื่องของการผลิตก็ต้องมีด้วย ความชำนาญเทคโนโลยีที่เราใช้ในช่วงระยะสั้นเราอาจจะตามไม่ทัน แต่ในระยะยาวก็จะเป็นโจทย์ที่ถ้าทายทุกคนต้องช่วยกัน พอค่าแรงขึ้นเราก็ต้องเพิ่มเรื่องศักยภาพเทคโนโลยีก็จะไปสู่ภาวะที่เจริญขึ้น การกระจายรายได้ก็จะดีขึ้น แต่ในระยะสั้นปัญหาเงินเฟ้อมีแน่นอน ผู้ประกอบการก็ยังมีต้นทุนที่เพิ่ม ด้านดีมานเขาก็มีรายได้ แต่ทั้งหมดไม่ถึงกับสร้างปัญหาให้กับภาวะเงินเฟ้อ

โดยเฉพาะในเรื่องการคาดการณ์เงินเฟ้อ จะมีการสำรวจเรื่อยๆ สำรวจผู้ประกอบการ สำรวจผู้บริโภคว่า 3 เดือนข้างหน้า 6 เดือนข้างหน้า และ 9 เดือนข้างหน้าคิดว่าเงินเฟ้อจะเป็นอย่างไร ต้นทุนเป็นอย่างไรเพราะตรงนี้สำคัญ เพราะถ้าเขาคิดว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มผู้ประกอบการก็จะไปตั้งราคาเพิ่ม ฝ่ายผู้บริโภคก็จะกักตุน ตัวนี้ต้องพยายามบริหารจัดการ แต่สิ่งที่เราเป็นห่วงเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งมีการประมาณการว่า ทุก 10 เปอร์เซ็นต์ของราคาน้ำจะเพิ่มเข้าไปทำดัชนีเงินเฟ้อเพิ่มประมาณ 0.3 -0.4 สำหรับกำลังการบริหารจัดการเป็นการคาดการณ์ให้คนตกใจถือเป็นตัวร้าย ถ้าเมื่อไหร่ใครไปคิดว่า6 เดือนข้างหน้า 12 เดือนข้างหน้าของจะแพงมันก็ยุ่งกลายเป็นลูกโซ่พันจนแก้ไม่ออก

** สั่งรณรงค์ประหยัดพลังงานลด 10%

นายกิตติรัตน์ แถลงภายหลังเข้าร่วมประชุมว่า เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาได้เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรง ประกอบกับภาวะสินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่กลับเข้าที่ อันเนื่องมาจากสถานการณ์อุทกภัยเมื่อปลายปี 54 ที่ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมหยุดการผลิต และประสบปัญหามาจนถึงเดือน ก.พ.55 จึงยอมรับว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ราคาอาหารสำเร็จรูปได้รับผลกระทบ แต่จากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์ ที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดพบว่า ในช่วงหลังจากปลายเดือน ก.พ.ถึง มี.ค.55 ราคาสินค้ามีการปรับตัวลดลงอย่างน่าพอใจ แต่ไม่ได้เกิดจากการชะลอจับจ่ายซื้อของผู้บริโภค

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของราคาน้ำมันได้เตรียมมาตรการรองรับหรือไม่ หากราคาน้ำมันปรับตัวสูงมากกว่านี้ นายกิตติรัตน์ กล่าวตอบว่า "มาตราการรองรับคือ ประหยัด เพราะตามหลักเมื่อราคาคูณกับจำนวนที่ใช้ก็จะออกมาเป็นต้นทุน ซึ่งในอดีตได้เคยมีสถานการณ์ตรึงเครียดเช่นนี้มาแล้ว และจะเกิดการประหยัดเป็นธรรมชาติ อะไรแพงขึ้นผู้ใช้ก็จะระวังมากขึ้น หรืออะไรที่ถูกลงการระมัดระวังในการใช้ก็จะน้อย"

ในวันนี้รัฐบาลเห็นว่าสิ่งสำคัญคือการเร่งรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงการประหยัด เพราะโอกาสที่ราคาน้ำมันจะไม่อ่อนตัวลงในระยะสั้นๆยังมีอยู่ ดังนั้นการที่เราจะลดการใช้พลังงานตามที่นายกฯได้ชี้ชวนให้ภาคราชการลดการใช้พลังงานไม่น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกันนี้จะให้มีการรณรงค์ภาคเอกชนตระหนักถึงการประหยัดพลังงาน อย่างไรก็ดีในส่วนของการขอปรับราคาค่าขนส่ง ค่าโดยสารนั้น ขณะนี้มีคณะกรรมการที่มีปลัดกระทรวงพลังงานหารือกับผู้ประกอบการแท็กซี่ ขนส่งสาธารณะ และขนส่งสินค้า จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดผลกระทบซึ่งได้มีการหารือกันอยู่ จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตนใจ

ในส่วนของดีเซล ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต และรัฐบาลปัจจุบันลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุน ขณะที่การปรับตัวน้ำมันโลกมาก ราคาขายปลีกสูง 7 เปอร์เซนต์ ซึ่งที่ประชุมเห็นตรงกันไม่เร่งดำเนินการกับการขายปลีกดีเซล ส่วนก๊าซหุงต้มที่จำหน่ายในประเทศต่ำกว่าต้นทุนและต่ำกว่าประเทศอื่น อย่างไรก็ตามการจะดำเนินนโยบายที่จะส่งผลกระทบประชาชนเรื่องนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ จะไปดูอย่างรอบคอบ ยังไม่มีเหตุผลเปลี่ยนแปลงในส่วนของกลุ่มพลังงานขอให้วางใจได้

รองนายกฯ ยังได้ตอบโต้ นายอภิสิทธิ์ ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ส่งผลให้ราคาสินค้า ค่าครองชีพสูงขึ้นด้วยว่า ตามที่ผู้นำฝ่ายค้านพยายามหยิบยกราคาสินค้ามาเปรียบเทียบ และท้วงติงจะเกิดเงินเฟ้อติดลบ แต่ปรากฎว่าราคาสินค้าปัจจุบันถูกกว่าเมื่อปีก่อน ทั้งนี้ตนไม่มีเจตนาพูดว่าภาวะราคาสินค้าทุกวันนี้ถูกกว่ารัฐบาลไหน และถ้าสิ่งที่ผู้นำฝ่ายค้านพูดจริงจะทำให้เงินเฟ้อติดลบ ซึ่งรัฐบาลนี้ไม่ประสงค์ทำให้เงินเฟ้อติดตบ เพราะเมื่อไรที่เงินเฟ้อติดลบจะเป็นตัวชี้เศรษฐกิจถดถอย ถ้าราคาสินค้าจะเพิ่มก็เป็นการเพิ่มทีละน้อยในภาวะค่าครองชีพดีขึ้น แต่ตัวเลขเงินเฟ้อยังเห็นอยู่ในกรอบที่ ธปท. และ สศช.เห็นว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงตามปกติ

**แนะปูทำความเข้าใจวิธีบริหารราคาพลังงาน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel ถึงตัวเลขของการปิดกิจการ และการเป็นหนี้นอกระบบของประชาชนที่สูงขึ้นว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบมาจากน้ำท่วม แต่จำเป็นจะต้องติดตามตัวเลขภาพรวมทางเศรษฐกิจต่อไป เพราะจะมีปัจจัยเสี่ยงมาจากการบริหารจัดการของรัฐบาล ซึ่งจากการตอบกระทู้ของ นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน นั้น ทำให้ตนทราบว่า 1.รัฐบาลโยนปัญหาออกจากตัวในการประเมินสภาพปัญหาพลังงาน 2.รัฐบาลต้องการให้คนไทยใช้แก๊สหุงต้ม ซึ่งเป็นทรัพยากรของประเทศด้วยราคาที่สูงเท่าตัว และ 3.รัฐบาลบริหารนโยบายพลังงานผิดพลาดตั้งแต่การปรับราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทในช่วงแรก ทำให้ส่งผลกระทบต่อกองทุนน้ำมัน นอกจากนี้รัฐบาลยังละเลยโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทนอีกด้วย

"รมว.พลังงาน มาตอบกระทู้ถามในสภาฯ พยายามจะบอกว่าตอนนี้ที่เอาไม่อยู่ ดีเซล เบนซิน ขึ้นกัน เพราะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นมาก เกือบเป็นเท่าตัวของสมัยรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งขอยืนยันว่าในช่วงปลายรัฐบาลที่แล้ว โดยเฉลี่ยแล้วราคาน้ำมันดิบถูกกว่าตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา เพียงแต่ในช่วงไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นกว่าในช่วงปลายรัฐบาลที่แล้ว ฉะนั้นที่จะมาอ้างว่า เพราะสถานการณ์แตกต่างกันนั้นไม่ใช่ ถ้าวันนี้มัน 150 - 200 ผมจะเข้าใจได้ว่าการบริหารจัดการยาก แต่ถ้า 120 กว่าๆ แล้วเทียบกับบางช่วงลงไป 90 - 100 นั้นผมคิดว่าราคาน้ำมันในประเทศไทยไม่ต้องอยู่ในระดับนี้ รมว.พลังงาน เริ่มต้นขึ้นมาก็พยายามที่จะโยนปัญหาไปจากตัวก่อน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ต้องบอว่า ข้อเท็จจริงขณะนี้คือว่า 1.รัฐบาลนี้ไม่สามารถตรึงดีเซลให้ต่ำกว่า 30 บาทได้ 2.รัฐบาลได้สูญเสียรายได้จากมาตรการเดียวกับที่รัฐบาลที่แล้วที่ถูกกล่าวหาว่าบริหารไม่เป็น ขณะนี้น่าจะประมาณ 7 - 8 หมื่นล้าน ที่เป็นปัญหาขณะนี้ทั้งหมด เพราะรัฐบาลผิดพลาดตั้งแต่เรื่องไปลดน้ำมันเบนซิน ถ้าตอนนั้นทำอย่างที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ทำ กองทุนก็จะมีกำลังในการที่จะมาดูแลให้ดีเซลไม่เกิน 30 บาท ต้นทุนราคาสินค้าก็จะไม่ขึ้น บริษัทขนส่งก็จะไม่ร้อง ไม่กระทบไปถึงเรื่องแก๊ส จนทำให้แท็กซี่ต้องขึ้นราคา" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น