xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณสร้างพหุแนวรบสงครามการเมือง สร้างความสับสนให้สังคมไทย

เผยแพร่:   โดย: ว.ร. ฤทธาคนี

ายในเวลาไม่ถึง 1 ปี เบื้องหลังการเข้าควบคุมอำนาจรัฐของทักษิณ สร้างความสับสนในสังคมไทยผ่านนายกรัฐมนตรีน้องสาวของเขา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งคนทั้งโลกย่อมรู้ว่าเธอเป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น และสังคมไทยได้รับรู้ความไร้ประสิทธิภาพของเธอ จากการพูดในที่สาธารณะหลายครั้ง ที่ไร้ซึ่งความรู้และไหวพริบปฏิภาณ เช่น ความสับสนระหว่าง “หญ้าแฝกกับหญ้าแพรก” และสับสนภาษาอังกฤษ “Welcome กับ Overcome” ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงภูมิความรู้ของเธอต่อหน้าสาธารณชน

คนไทยทั้งชาติอยู่ในโลกแห่งความสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก ว่าเรื่องอะไรควรที่จะให้ความสนใจเป็นอันดับแรก และต้องพิจารณาอย่างถ่องแท้ว่ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ บริหารประเทศถูกต้องหรือไม่

ความสับสนเกิดจากยุทธศาสตร์กระจายเห็ดพิษโดยเม็ดเงินที่โปรยลงตรงจุดที่บังคับได้ จนมีเรื่องราวมากมาย ทั้งเก่าและใหม่เกิดขึ้นมากมาย จนคนไทยไม่รู้ว่าจะวิเคราะห์เรื่องใดก่อนหลัง และจัดลำดับความสำคัญเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้ถูกต้อง

การจงใจประมาทให้เกิดน้ำท่วม แต่แถลงการณ์ต่อเนื่องตั้งแต่น้ำหลากจนท่วมนครสวรรค์แล้วลงสู่พระนครศรีอยุธยา แต่รัฐบาลยังยืนยันว่า “เอาอยู่” จนนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาถูกน้ำท่วมเสียหายหลายหมื่นล้านบาท รัฐบาลก็ยังคงเสนอหน้าแถลงว่า “เอาอยู่” และน้ำจะไม่ท่วมกรุงเทพฯ แน่นอน แต่นิคมอุตสาหกรรมนวนครก็โดนน้ำท่วม จนยันดอนเมืองที่ตั้งของ ศอภ.เอง ก็ยังยืนยันว่า “เอาอยู่” นี่หรือความสามารถของนางสาวยิ่งลักษณ์

เพราะตั้งใจให้ปัจฉิมเหตุเป็นโอกาสให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ กระทำการต่างๆ ให้เกิดประโยชน์กับลัทธิประชานิยมของตนได้มากหลาย เห็นได้จาก พ.ร.ก.ระบบเงิน 2 ฉบับ ที่รัฐบาลได้นำออกมาใช้ เพื่อเอาเงินรัฐไปใช้ประโยชน์ตามนโยบายประชานิยม โดยผิดหลักการตราพระราชกำหนด ซึ่งจะต้องเป็นเรื่องและเหตุเร่งด่วน แต่รัฐบาลใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภาดำเนินการจน พ.ร.บ.ระบบเงินที่รัฐบาลต้องการเม็ดเงินนี้ สร้างความแข็งแกร่งให้ลัทธิประชานิยมของตน

การใช้อำนาจรัฐจัดสรรงบประมาณเยียวยากลุ่มคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากกรณีการก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมือง แต่ผู้ร่วมพฤติกรรมเหล่านี้ได้รับเงินคนละ 7.75 ล้านบาท โดยที่ประชาชนส่วนใหญ่คัดค้าน แต่รัฐบาลไม่ได้ให้ความสนในแม้แต่น้อย กลับเร่งเอาเงินออกมาแจกจ่ายโดยที่ไม่มีรายละเอียดเกณฑ์การพิจารณาเป็นขั้นเป็นตอน และไม่มีกฎหมายรองรับ แต่กลับใช้มติคณะรัฐมนตรีแทน

เรื่องเช่นนี้เป็นการรังแกจิตใจคนไทยทั้งประเทศ เพราะว่านอกเหนือจากการเสียชีวิตของคนเสื้อแดง ในวิกฤตพฤษภาคมหฤโหด 2553 จากการกระทำของคนเสื้อแดงเองแล้ว ผู้รับเคราะห์บริสุทธิ์ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ล่ะ ทำไมเขาไม่ได้รับการเยียวยาเยี่ยงผู้ก่อความไม่สงบใน กทม. ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น มีทั้งครู ข้าราชการพลเรือน พ่อค้า แม่ค้า พระสงฆ์ ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัคร ที่ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้าย RKK และอื่นๆ ทำร้ายจนเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ

กรณีเดียวกันในเหตุการณ์เดียวกัน ทหารถูกสังหารโหดบริเวณสี่แยกคอกวัว ในวันที่ 10 เมษายน 2553 ขณะที่ทหารได้รับคำสั่งขอพื้นที่คืนให้สาธารณชนได้ใช้ประโยชน์ กลับถูกห้อมล้อมไว้ด้วยฝูงชนที่จัดตั้งไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ และทันทีที่พระอาทิตย์ตกดิน เสียงปืนก็ดังขึ้นอย่างดุเดือด เป้าหมายแรกคือเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกที่ทิ้งใบปลิวและหย่อนแก๊สน้ำตา เพื่อเปิดทางให้หน่วยทหารจาก พล.ร.2 รอ. ที่นำโดยผู้บังคับการกองพลเองออกจากพื้นที่คับขัน

ทุกคนรู้ว่าเสียงปืนที่ดังขึ้นนั้น เป็นเสียงปืนอาก้าที่หน่วยติดอาวุธตามนัยแก้วสามประการของทักษิณใช้เป็นอาวุธประจำกาย และมีหลักฐานว่ากองกำลังชุดดำของ เสธ.แดง หรือ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล จัดตั้งขึ้น 4 หน่วย โดยชุดแรกเรียกว่ากลุ่มนักรบโรนิน ซึ่งทำการฝึกตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2551 มีกำลังพลประมาณ 80 - 100 คน โดยในวันที่ 10 เมษายนนั้นเอง นายธนเดช หรือไก่ เป็นคนขับรถยนต์ตู้ขนนักรบโรนินเข้าพื้นที่ประมาณ 12 - 15 คน ในบริเวณสี่แยกคอกวัว ถนนดินสอ และหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา

นอกจากนี้ก็มีกลุ่มเสือดำ มี ร.อ.สำราญ วาสนาบุญ เป็นหัวหน้ารับผิดชอบ เริ่มฝึกที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2553 กลุ่มสมิงดำซึ่ง พล.ต.ขัตติยะ เป็นคนฝึกให้เอง และกลุ่มสุดท้ายเรียกว่ากลุ่ม “กูคือผู้ชนะ” ซึ่งแท้จริงแล้วคำขวัญนี้เป็นคำขวัญที่ทหารพรานทั่วไปจะติดเป็นอาร์มที่แขนเสื้อ

ทันทีที่เกิดเสียงปืนและความสับสนวุ่นวาย ผู้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่วิ่งกันชุลมุน ทหารเกาะกลุ่มและพยายามจะถอนกำลังออกไปจากวงล้อมของฝูงชนบริเวณสี่แยกคอกวัว ทั้งกระสุนปืนที่เล็งด้วยแสงเลเซอร์ และลูกระเบิดหลายชนิดก็ถูกปาใส่หน่วยทหาร

พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ขณะยังเป็นพันเอกตำแหน่งรองเสนาธิการ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ถูกสะเก็ดระเบิดที่ท้ายทอย แต่ไม่สามารถนำตัวออกจากพื้นที่ที่ถูกถล่มได้ รถมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งก็เข้าไม่ได้อย่าว่าแต่รถพยาบาลทหารเลย คืนนั้นมีทหารเสียชีวิตอีก 4 คน คือ ร.อ.อนุพล หอมมาดี, ร.ท.อนุพล เมืองอำพัน, พลทหาร ภูวิวัฒน์ ประพันธ์ และพลทหารสิงหา อ่อนทรง ทั้งหมดถูกระเบิดถล่ม

การถล่มด้วยเครื่องยิงลูกระเบิดนั้นไม่มีการเล็ง นอกจากใช้หลักโปรเจกไตล์หรือวิถีโค้ง ซึ่งคนสั่งยิงได้คำนวณจุดเป้าหมายไว้แล้ว ระเบิดสร้างความเสียหายกระจายมากกว่ายิงด้วยอาวุธปืน เพราะจะมีคนเห็นประกายปากกระบอกปืน และอาจจะถูกยิงตอบโต้ หรือถูกถ่ายภาพเป็นหลักฐาน

ประชาชนถูกยิงและถูกสะเก็ดระเบิดตายในวันนั้นอีก 20 คน และวันที่ 14 ที่ผ่านมา นายสาธิต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงนางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาพล.อ.ร่มเกล้า ได้ร้องเรียนถามถึงความคืบหน้าการสอบสวน แต่คำตอบคือยังไม่พบหลักฐานผู้กระทำความผิด

มาบัดนี้เรื่องเดิมๆ คือการสร้างภาพให้ทหารเป็นจำเลยสังคม แต่รัฐบาลกลับให้รางวัลกับคนที่ก่อเหตุรุนแรง เยียวยาด้วยเงินคนละ 7.75 ล้านบาท

การสร้างความสับสนที่ยิ่งใหญ่ผุดขึ้นพร้อมๆ กัน คือ เรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และการใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 291 แก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ทั้งฉบับ ทั้งๆ รัฐบาลผู้เสนอญัตตินี้ยังไม่ได้ชี้แจงว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 นั้นมีจุดบกพร่องอะไร แต่ใช้กระแสคิดของนักการเมืองอื่นมาให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะมาตรการยุบพรรคการเมือง หากมีความผิดฐานทุจริตการเลือกตั้งมันรุนแรงเกินไป

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทักษิณสถาปนาพหุแนวรบสงครามการเมือง เพื่อสร้างความสับสนให้กับสังคมไทย แต่ได้ผลอย่างชัดเจน เพราะวัตถุประสงค์ที่เขาและสาวกได้ตั้งไว้นั้นสัมฤทธิผลทุกประการ

เมื่อ อองรี โจมินี ได้พูดไว้เมื่อ 200 กว่าปีมาแล้วว่า การสงครามนั้นไม่มีอะไรแน่นอน การสงครามมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ การสงครามมีหลายรูปแบบ และการสงครามที่เป็นวิถีสู่สงครามร้อนนั้นคือสงครามการเมือง เช่น ก่อนสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ จะปะทุขึ้นนั้น กลุ่มอำนาจการเมืองและเศรษฐกิจในสหรัฐฯ แตกแยกกันในเรื่องกฎหมายเลิกทาส ซึ่งฝ่ายใต้ปฏิเสธกฎหมายฉบับนี้ จึงเกิดสงครามการเมืองขึ้น และทวีความรุนแรงจนประธานาธิดีเดวิส ประกาศตั้งรัฐใหม่เป็นสมาพันธ์รัฐหรือกลุ่มรัฐฝ่ายใต้ ประธานาธิบดีลินคอล์น ถือว่าเป็นกบฏ เพราะแยกประเทศนำสู่สงครามกลางเมือง

ความปรองดองจะไม่เกิดขึ้น หากทักษิณยังคงดำเนินกลยุทธ์สร้างอำนาจ และมุ่งมั่นให้ได้อำนาจเบ็ดเสร็จนั้น เพราะอำนาจเบ็ดเสร็จนั้นนำสู่การออกกฎหมายฟอกความผิดตัวเอง การทำลายขบวนการทางกฎหมายที่เอาโทษเขา ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากในการพลิกสำนวนด้วยนิติบริกรที่เงินซื้อได้ เอกสารหลายฉบับจะถูกตราว่าเป็นโมฆะ ทั้งๆ ที่มันเป็นหลักฐานที่บริสุทธิ์ และเมื่อทักษิณมีเสรีจากบ่วงโทษความผิดที่เขากระทำจริง ผิดจริง และต้องโทษจริง ทักษิณจะเป็นเจ้าของประเทศไทยแบบเบ็ดเสร็จ
กำลังโหลดความคิดเห็น