ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติเปิดให้สถาบันการเงินส่งลูกหนี้มาให้พิจารณา เพื่อปล่อยสินเชื่อซอท์โลน 300,000 ล้านบาทช่วยน้ำท่วมเป็นวันแรกวันนี้ ระบุยอดขอสินเชื่อฟื้นฟูน้ำท่วมของเอสเอ็มอี และประชาชนที่สถาบันการเงินเสนอมาล้นทะลักเกินวงเงิน 300,000 ล้านบาท
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในขณะนี้ได้จัดสรรวงเงินสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ เพื่อช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ตามพ.ร.ก.ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 2555 (ซอฟต์โลน) ให้กับธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าในวันจันทร์ที่ 12 มี.ค.ที่จะถึงนี้ จะเริ่มเปิดให้ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ส่งข้อมูลลูกหนี้เข้ามาที่ธปท.เพื่อพิจารณาปล่อยสินเชื่อได้เป็นวันแรก
ทั้งนี้ จากยอดที่สถาบันการเงินเสนอขอวงเงินสินเชื่อมายัง ธปท. พบว่า มีลูกหนี้ทั้งผู้ประกอบการรายกลาง รายเล็ก (เอสเอ็มอี) และประชาชน ขอสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูน้ำท่วมจากสถาบันการเงินที่ร่วมโครงการ ทั้งธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ มากกว่า300,000 ล้านบาทที่กำหนดใน พ.ร.ก.โดยในส่วนวงเงินกู้ของธปท.จำนวน 210,000 ล้านบาท หรือ 70% ของวงเงินซอฟท์โลนทั้งหมด ซึ่งธปท.จะให้สถาบันการเงินกู้ไปปล่อยสินเชื่อซอฟท์โลน ในอัตราดอกเบี้ย 0.01% นั้น ธปท.ได้ จัดสรรวงเงินดังกล่าวให้สถาบันการเงินทั้งหมด แต่ต้องยอมรับว่า บางธนาคารอาจจะไม่ได้เต็มวงเงินที่ขอมา
“ขณะนี้เราใช้วิธีเกลี่ยยอดตามความเหมาะสม เพราะมีบางสถาบันการเงินขอวงเงินมาสูง บางสถาบันการเงินขอวงเงินมาต่ำ แต่อยู่ภายใต้วงเงินสูงสุดที่ให้ได้คือ 210,000 ล้านบาท ซึ่งเหตุผลที่ขยายเพิ่มเติมให้ไม่ได้ เพราะความช่วยเหลือสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนช่วยผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมครั้งนี้ เป็นการทำตาม พ.ร.ก.ที่ออกมา
ซึ่งมีการกำหนดวงเงินไว้ชัดเจน เนื่องจากตามกฎหมายของธปท.เราปล่อยซอฟท์โลนเองไม่ได้แล้ว”
ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท.สายตลาดการเงิน กล่าวต่อว่า ธปท.เร่งที่จะปล่อยเงินกู้ให้กับสถาบันการเงินโดยเร็ว ซึ่งตามกำหนดเดืมที่ได้หารือกับสถาบันการเงิน จะจ่ายเงินทุกสัปดาห์ ตามยอดที่แต่ละสถาบันการเงินทำสัญญาที่ลูกหนี้และเสนอมาให้ ธปท.พิจารณา โดยการปล่อยเงินให้กับสถาบันการเงิน ธปท.จะทำผ่านการซื้อคืนตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงิน และเชื่อว่าสถาบันการเงินจะดำเนินการปล่อยสินเชื่อต่อได้อย่างรวดเร็ว ทั้งสินเชื่อในส่วนของโครงการซอฟท์โลน และอาจจะมีสินเชื่อที่สถาบันการเงินออกมาช่วยเหลือลูกหนี้น้ำท่วมอื่นๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้อยู่ในวงเงิน 300,000 ล้านบาทนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โครงการการให้ความช่วยเหลือทางการเงินกกับผู้ประสบอุทกภัยปี 2554 ซึ่งดำเนินการตาม พ.ร.ก.ซึ่งเป็น 1 ใน 4 พ.ร.ก.ที่รัฐบาลออกมาเพื่อฟื้นฟูประเทศจากอุทกภัยนั้น ธปท.ได้กำหนดเงื่อนไขผู้ที่มีสิทธิขอสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน 3% ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 5 ปีไว้ว่า จะต้องเป็น บุคคลธรรมดา หรือผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามระเบียบกระทรวงการคลัง
ให้ความช่วยเหลือผ่านธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยการให้กู้ยืมเงินด้วยวิธีการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่สถาบันการเงินเป็นผู้ออก
วงเงินสินเชื่อซอฟต์โลน ในโครงการนี้กำหนดไว้ทั้งสิ้น 300,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ ธปท. ให้กู้ยืมแก่สถาบันการเงินไม่เกิน 210,000 ล้านบาท และเป็นเงินของสถาบันการเงินไม่ต่ำกว่า 90,000 ล้านบาท (สัดส่วน 70 : 30) โดยผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่เข้าเกณฑ์ได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงิน จะได้สินเชื่อไม่เกิน 30 ล้านบาท ส่วนบุคคลธรรมดา ได้สินเชื่อไม่เกิน 1 ล้านบาท.
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ในขณะนี้ได้จัดสรรวงเงินสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ เพื่อช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ตามพ.ร.ก.ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 2555 (ซอฟต์โลน) ให้กับธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าในวันจันทร์ที่ 12 มี.ค.ที่จะถึงนี้ จะเริ่มเปิดให้ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ส่งข้อมูลลูกหนี้เข้ามาที่ธปท.เพื่อพิจารณาปล่อยสินเชื่อได้เป็นวันแรก
ทั้งนี้ จากยอดที่สถาบันการเงินเสนอขอวงเงินสินเชื่อมายัง ธปท. พบว่า มีลูกหนี้ทั้งผู้ประกอบการรายกลาง รายเล็ก (เอสเอ็มอี) และประชาชน ขอสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูน้ำท่วมจากสถาบันการเงินที่ร่วมโครงการ ทั้งธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ มากกว่า300,000 ล้านบาทที่กำหนดใน พ.ร.ก.โดยในส่วนวงเงินกู้ของธปท.จำนวน 210,000 ล้านบาท หรือ 70% ของวงเงินซอฟท์โลนทั้งหมด ซึ่งธปท.จะให้สถาบันการเงินกู้ไปปล่อยสินเชื่อซอฟท์โลน ในอัตราดอกเบี้ย 0.01% นั้น ธปท.ได้ จัดสรรวงเงินดังกล่าวให้สถาบันการเงินทั้งหมด แต่ต้องยอมรับว่า บางธนาคารอาจจะไม่ได้เต็มวงเงินที่ขอมา
“ขณะนี้เราใช้วิธีเกลี่ยยอดตามความเหมาะสม เพราะมีบางสถาบันการเงินขอวงเงินมาสูง บางสถาบันการเงินขอวงเงินมาต่ำ แต่อยู่ภายใต้วงเงินสูงสุดที่ให้ได้คือ 210,000 ล้านบาท ซึ่งเหตุผลที่ขยายเพิ่มเติมให้ไม่ได้ เพราะความช่วยเหลือสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนช่วยผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมครั้งนี้ เป็นการทำตาม พ.ร.ก.ที่ออกมา
ซึ่งมีการกำหนดวงเงินไว้ชัดเจน เนื่องจากตามกฎหมายของธปท.เราปล่อยซอฟท์โลนเองไม่ได้แล้ว”
ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท.สายตลาดการเงิน กล่าวต่อว่า ธปท.เร่งที่จะปล่อยเงินกู้ให้กับสถาบันการเงินโดยเร็ว ซึ่งตามกำหนดเดืมที่ได้หารือกับสถาบันการเงิน จะจ่ายเงินทุกสัปดาห์ ตามยอดที่แต่ละสถาบันการเงินทำสัญญาที่ลูกหนี้และเสนอมาให้ ธปท.พิจารณา โดยการปล่อยเงินให้กับสถาบันการเงิน ธปท.จะทำผ่านการซื้อคืนตั๋วสัญญาใช้เงินของสถาบันการเงิน และเชื่อว่าสถาบันการเงินจะดำเนินการปล่อยสินเชื่อต่อได้อย่างรวดเร็ว ทั้งสินเชื่อในส่วนของโครงการซอฟท์โลน และอาจจะมีสินเชื่อที่สถาบันการเงินออกมาช่วยเหลือลูกหนี้น้ำท่วมอื่นๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้อยู่ในวงเงิน 300,000 ล้านบาทนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โครงการการให้ความช่วยเหลือทางการเงินกกับผู้ประสบอุทกภัยปี 2554 ซึ่งดำเนินการตาม พ.ร.ก.ซึ่งเป็น 1 ใน 4 พ.ร.ก.ที่รัฐบาลออกมาเพื่อฟื้นฟูประเทศจากอุทกภัยนั้น ธปท.ได้กำหนดเงื่อนไขผู้ที่มีสิทธิขอสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน 3% ต่อปี ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 5 ปีไว้ว่า จะต้องเป็น บุคคลธรรมดา หรือผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามระเบียบกระทรวงการคลัง
ให้ความช่วยเหลือผ่านธนาคารพาณิชย์ทุกธนาคาร ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยการให้กู้ยืมเงินด้วยวิธีการรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินที่สถาบันการเงินเป็นผู้ออก
วงเงินสินเชื่อซอฟต์โลน ในโครงการนี้กำหนดไว้ทั้งสิ้น 300,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ ธปท. ให้กู้ยืมแก่สถาบันการเงินไม่เกิน 210,000 ล้านบาท และเป็นเงินของสถาบันการเงินไม่ต่ำกว่า 90,000 ล้านบาท (สัดส่วน 70 : 30) โดยผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่เข้าเกณฑ์ได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงิน จะได้สินเชื่อไม่เกิน 30 ล้านบาท ส่วนบุคคลธรรมดา ได้สินเชื่อไม่เกิน 1 ล้านบาท.
