ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ปฏิกิริยาจากผู้อ่านที่ปรากฏในท้ายข่าวเรื่อง “ครูโรงเรียนมัธยมพิษณุโลก” หยิบยกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม รวมถึงเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง มาทำเป็นแบบทดสอบการเขียน ให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 ได้ “คิด วิเคราะห์” ตอบคำถามข้อละ 10 คะแนน ซึ่งมีเพียง เว็บไซต์ ASTVmanager.co.th และหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการรายวัน นำเสนออย่างต่อเนื่องนั้น
ปรากฏว่ามียอด Page View มากกว่า 11,000 ครั้ง พร้อมกับความเห็นของผู้อ่านที่มากกว่า 90%สนับสนุนให้ “ครู” ในทุกระดับการศึกษาสอนให้เด็กได้เรียนรู้เหตุการณ์ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย รู้จักนำปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมมาคิด วิเคราะห์ ให้เยาวชนได้เรียนรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัว
เช่น ผู้อ่านที่ใช้ชื่อว่า tea4days ที่โพสต์ข้อความแสดงความเห็นท้ายข่าว และมีผู้เห็นด้วยสูงสุด บอกว่า “ผมอ่านแล้วขนลุก และปนสังเวชใจ ทำไมครูโรงเรียนมัธยมเมืองสองแคว ถึงมีจิตสำนักมากกว่าอาจารย์จุฬา มธ.และอาจารย์หลายคน ยังได้รับทุนอานันท แล้วกลับมาเนรคุณชาติ และสถาบัน ช่างไม่มียางสิ้นดี หลายปีที่ผ่านมา อจ.มหาวิทยาลัยดังกล่าว โดยเฉพาะคณะอักษร ศิลปะศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ได้ค่อย ๆ สอดแทรกล้างสมอง นศ.ของตัวเองให้มีอคติ และทัศนคติที่เป็นลบกับสถาบันอย่างรุนแรง อยากทราบว่า ทางมหาวิทยาลัยเคยเข้าไปตรวจสอบหรือไม่ จะปล่อยไปอย่างนี้หรือ เด็ก ๆ เหล่านั้น เปรียบเสมือนผ้าขาว ที่กำลังโดนย้อมสีให้กลายเป็นแดงโดยที่เราผู้ใหญ่ไม่ทำอะไรหรือ”
และอีกหลายหลายความเห็นที่เรียกร้องให้คนในสังคมไทย ออกมาปกป้อง “ครู” ผู้ออกข้อสอบ
แต่กรณีดังกล่าว กลับกลายเป็น “ของแสลง” เป็น “สิ่งต้องห้าม” ในสายตาคนเสื้อแดง รวมไปถึงผู้หลัก ผู้ใหญ่ ในกระทรวงศึกษาธิการ ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาล ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งมีรากฐานที่มาเดียวกับคนเสื้อแดง ทั้งที่ นี่คือ ความจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย !
โดยครูภาควิชาภาษาไทย โรงเรียนพุทธชินราชพิทยา จ.พิษณุโลก (ขอสงวนชื่อ และนามสกุล) ได้รวบรวบนำเอาข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ที่มีการนำออกเผยแพร่ผ่านสังคมออนไลน์อย่างแพร่หลาย มาใช้เป็นโจทย์คำถามในวิชา ท 30203 (ภาษาไทย) ให้นักเรียน ม.4 ของโรงเรียนทั้ง 6 ห้องได้ใช้หลักคิด และวิเคราะห์ แล้วตอบคำถาม 3 ตอน คือ
ตอนที่ 1 เป็น ข้อ ก. ได้มีการนำบันทึกข้อความด่วนที่สุดของ นร.0305.03/156 วันที่ 10 มกราคม 2555 กราบเรียน นายกรัฐมนตรี เรื่องข้อเสนอเพื่อเยี่ยวยาฟื้นฟูเหยื่อและผู้เสียชีวิตจากความรุนแรงหรือความขัดแย้งทางการเมือง
โดยนำรายละเอียดเกี่ยวกับยอดเงินชดเชยให้กับกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งระบุว่า ผู้ก่อการร้ายเสื้อแดงเผาเมือง เปรียบเทียบกับเงินชดเชยที่จ่ายให้เจ้าหน้าที่ทหารปกป้องชาติ มาเป็นโจทย์ให้นักเรียนตอบคำถาม ว่าเห็นด้วยกับการเยียวยาครั้งนี้หรือไม่ พร้อมให้เหตุผลประกอบอย่างชัดเจน แจ่มแจ้ง แยกข้อ(10 คะแนน) คือ
กรณีเสียชีวิต เสื้อแดงเผาเมือง ได้ 7.75 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ทหารปกป้องชาติ 500,000 บาท , ทุพลภาพ เสื้อแดงเผาเมือง ได้ 7.7 ล้าน เจ้าหน้าที่ทหารปกป้องชาติ 360,000 บาท ,สูญเสียอวัยวะไม่สำคัญ แดงเผาเมืองได้ 1.9 ล้านบาท ทหารปกป้องชาติ 54,000 บาท ,บาดเจ็บเล็กน้อย แดงเผาเมือง 235,000 บาท ทหารปกป้องชาติ 26,000 บาท ฯลฯ
ตอนที่ 2 เป็นข้อ ข. ได้มีการนำเอาบทร้อยกรองของ “พี่คนดี 19 มกราคม 2555” เรื่องเผาจนได้ดี ที่แต่งไว้ว่า
“เผาเลยครับ ผมรับผิดชอบเอง”
หัวโจก ไพร่ตัวเป้ง ยุให้เผา
ถ้า “ตกใจ”วิ่งเข้าชน แล้วปล้นเอา
เสียงที่เห่า โห่ร้อง ยังก้องดัง
เป็นผู้นำ ก่อการร้าย ใครก็เห็น
ยังมีคลิป ที่เปิดเล่น เป็นความหลัง
ไม่รู้จะ พูดอย่างไร ให้เด็กฟัง
ว่าทำไม นายกยัง แต่งตั้งมัน
ทำไมคัด รัฐมนตรี ที่ขี้คุก
ได้มาเป็น เพราะการปลุก ระดมปั่น
อาจเพราะเคย ได้จูงควาย มาพลายพัน
จึงเข้าขั้น ช่วยเกษตร เป็นเหตุดี
ปรับครั้งนี้ เกิดมี บรรทัดฐาน
เอาไว้สอน ลูกหลาน ว่าศักดิ์ศรี
กินไม่ได้ เป็นผู้ร้าย ก็ได้ดี
ถ้ายอมพลี เป็นขี้ข้า มหาโจร”
รวมถึงบทร้อยกรองเรื่อง 2554 ไทยเสียกรุงครั้งที่สาม ที่รจนาไว้ว่า
“ไทยเสียกรุงครั้งที่สองต้องเสียทองให้พม่า
เขายกพล มาปล้นฆ่ามาฉุดคร่า เอาไฟเผา
ไทยเสียกรุง ครั้งที่สามไฟที่ลามมาจากเรา
เกิดจากไทย ที่โง่เขลาเชื่อคนเป่าให้เผาไฟ
เชื่อ “จำอวด”บนเวทีเชื่อ “เศรษฐี”จากดูไบ
จึงได้คิด ผิดพลั้งไปทำคนไทย น้ำตานอง
เป็นเมืองขึ้น ในครั้งใหม่เมื่อจัญไร ได้ปกครอง
ช่วยกันปล้น ขนเงินทองไปเป็นของ บรรณาการ
“คนต่างชาติ”อยู่ดูไบแต่งตั้ง “ไพร่”บริหาร
หลาก “รากหญ้า”มาช่วยงานแล้วให้ทาน ด้วยเศษเงิน
มีบางคน ไม่รู้ตัวยังเมามัวและเพลิดเพลิน
แผ่นดินนี้ ที่เราเดินดูผิวเผิน เป็นของไทย
แต่คนที่ มีอำนาจคือต่างชาติจากดูไบ
จะต้องทน นานแค่ไหนความเป็นไทจะได้คืน
อันประชาธิปไตยคงไม่ได้ จากปลายปืน
ถ้าคนไทย ยังไม่ฟื้นยังไม่ตื่น จากความฝัน
ช่วยกันทำ ความเข้าใจให้คนไทย รู้เท่าทัน
ละประโยชน์ ระยะสั้นแล้วช่วยกัน กอบกู้เมือง”
ซึ่งในข้อนี้ครูให้นักเรียนอ่านเรื่องแล้วตอบคำถามในกระดาษคำตอบ 6 ประเด็นคือ 1.สาเหตุที่ทำให้ประเทศไทยเสียกรุงครั้งที่สาม 2.ทุกวันนี้ใครบริหารประเทศไทย หรือเราเสียเมือง เป็นเมืองขึ้นใคร 3.รากหญ้า หมายถึง ..... 4.ไพร่ หมายถึง ..... 5.เขาบริหารประเทศไทยอย่างไรบ้าง.... 6.ทำอย่างไรเราจึงจะได้รับอิสรภาพ และตอนที่ 3 ครูผู้สอนได้นำเอาบทกลอนเรื่อง SimSiMi ของพี่คนดี ที่โพสท์ไว้บน Face Book ตั้งแต่ 4 กุมภาพันธ์ 2555 มาเป็นเนื้อหาให้นักเรียนอ่าน ซึ่งระบุไว้ว่า
“ซิมซิมิพูดไทยไม่ได้แล้ว สงสัยด่านางนกแก้วมากไปหน่อย
นี่งัยครับเสรีภาพที่รอคอยแค่ขำ ๆ เพียงเล็กน้องยังคอยกัน
ยังมีเว็บปากท็อกซินหมิ่นในหลวงมันจาบจ้วงหยาบช้ากว่าหลายเท่า
มองไม่เห็นหรือแกล้งเป็นทำไม่ทัน ยังไม่เห็นป้องกันทันท่วงที
เห็นหรือยังว่าเสรีมันมีได้แต่จะปล่อยให้มากไปก็ใช่ที่
จะปิดเองหรือเพราะใครไอซีที ก็คงเห็นปล่อยเสรีอาจมีภัย
ได้บันเทิงแบบขำๆต่ำไปนิด สวรรค์ความคิดมาจากคนเป็นส่วนใหญ่
คนพิมพ์ฝากเอาใส่ปากลูกไก่ไว้สะท้อนตามความในใจมิใช่บ่น
แอ๊บ..แก้เหงา แก้เก๊กซิมพิมพ์เล่น ๆถ้าใช้เป็นมันก็ดี ก็มีผล
ได้มองเห็นความในใจของหลายคนที่อึดอัดและอดทนกับรัฐบาล”
จากนั้นให้นักเรียนตอบคำถาม (ปรนัย) ให้ถูกต้องในกระดาษคำตอบ 4 ข้อ คือ
1.น้ำเสียของผู้เขียน
ก.ประชด ประชันข.ด่าทอ
ข.ปลุกระดมง.โฆษณาชวนเชื่อ
2.เหตุใดซิซิมิจึงพูดไทยไม่ได้
ก.เป็นโปรแกรมของเกาหลีข.ถูกปิดเพราะด่านายกฯ
ค.ถูกปิดเพราะหมิ่นในหลวงง.ด่าโฆษกรัฐบาล
3.ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของซิมซิมิ
ก.ใช้แสดงความคิดเห็นทุกเรื่องข.ใช้ภาษาค่อนข้างหยาบคาย
ค.แก้เหงาง.ให้ความรู้
4.เหตุใดไม่ปิดเว็บหมิ่นในหลวง
ก.คนของรัฐบาลทำเองข.มีจำนวนมาก
ค.ไม่รู้ว่ามีการหมิ่นทางเว็บง.ฝ่ายค้านและประชาชนใส่ร้าย
แต่ปรากฏว่า ในมุมมองของคนเสื้อแดงกลับเป็นไปคนละทิศ !!
เมื่อมีเด็กนักเรียนบางคนนำแบบทดสอบไปสอบถามผู้ปกครอง (เสื้อแดง) ด้วยความที่ไม่เข้าใจเรื่องเงินชดเชยเหตุการณ์เผาบ้าน เผาเมือง ทำให้ผู้ปกครองคนดังกล่าว นำแบบทดสอบชุดนี้ไปถ่ายเอกสาร แจกจ่ายให้กับเครือข่ายสมาชิกเสื้อแดงในหลายชุมชนของพิษณุโลก
นอกจากนี้ 16 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา ผู้บริหารโรงเรียนพุทธชินราชพิทยา ประมาณ 4-5 คน ถูกเรียกเข้าชี้แจงกับ ดร.สมเกียรติ บุญรอด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 39 (สพม.39) ถึงกรณีการออกข้อสอบดังกล่าวท่ามกลางกระแสข่าวแพร่สะพัดว่า มีคำสั่งตรงจากข้าราชการการเมืองชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมกับกำชับด้วยว่า “จะเอาเรื่องจนถึงที่สุด”
ดร.สมเกียรติ บุญรอด ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 39 (สพม.39) เปิดเผยกรณีครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก นำข้อความเกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง โดยเฉพาะจากเหตุการณ์เผาเมือง เมื่อปี 2553 จะได้รับเงินชดเชย 7.75 ล้านบาท ทหารที่เสียสละชีวิตปกป้องประเทศชาติ ได้รับเงินชดเชย 5 แสนบาท รวมถึงบทกลอน “พี่คนดี” ที่ระบุถึงซิมซิมิ และการเสียกรุงครั้งที่ 3 ของไทย มาเป็นโจทย์คำถามให้เด็กนักเรียน ม.4 ทำเพื่อเก็บคะแนน ว่า ตนก็อยากรู้ว่าทำไมครูถึงนำเอามาเป็นข้อสอบ เพราะเป็นเรื่องที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความขัดแย้ง
“เรื่องนี้จะต้องมีรายงานและข้อมูลประกอบมาให้พิจารณา”
ดร.สมเกียรติ บอกว่า ตนได้สั่งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว ชี้แจงเข้ามาใน 3 ประเด็น คือ 1.หามูลเหตุจูงใจของครูผู้ออกข้อสอบ 2. เด็กมีความคิดเห็นอย่างไรในคำตอบ 3.ข้อสอบเชิงวิชาการ ทำไม โจทย์คำถาม หลุดจากโรงเรียนไปได้อย่างไร เนื่องจากมีการนำเอกสารข้อสอบดังกล่าวไปถ่ายเอกสารแจกจ่ายกับตามชุมชนหลายแห่งในจังหวัดพิษณุโลก จนทำให้คนบางกลุ่มไม่พอใจขึ้นมา
อย่างไรก็ตามด้วยกรณีการออกข้อสอบด้วยการหยิบยกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมมาเป็นโจทย์ให้นักเรียนคิด-วิเคราะห์ ถือเป็นแนวทางที่ทำได้ตามหลักวิชาการ และป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อครูผู้สอน เบื้องต้น ผู้บริหารโรงเรียนจึงเข้าชี้แจงข้อมูลด้วยตนเองทั้งหมด ป้องกันปัญหาที่จะตามมาจนกระทบต่อกระบวนการเรียนการสอน
ครูที่ออกข้อสอบดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ต้องลาพักชั่วคราว ยืนยันว่า ไม่มีเจตนาที่จะขยายความขัดแย้งใด ๆ แต่ที่นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมมาออกข้อสอบ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ซึ่งภาควิชาภาษาไทย จะต้องให้เด็กนักเรียนรู้จักวิเคราะห์ รู้ทักษะ และเข้าใจภาษาไทย จึงคัดลอกข้อความทางอินเตอร์เน็ตมาออกข้อสอบเก็บคะแนน
“แม้แต่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคเหนือที่พิษณุโลก ก็คิดที่จะทำในลักษณะเดียวกันนี้ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต เพียงแค่ให้เด็กวิเคราะห์ธรรมดาเท่านั้น ไม่ต้องการผลลัพธ์แบบชี้ผิด ชี้ถูกใด ๆ ตอนนี้ไม่ได้วิตกกังวลเรื่องถูกสอบวินัย แต่กังวลเรื่องความปลอดภัยมากกว่า”
ขณะที่กลุ่มเพื่อนครูในโรงเรียน ยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ว่า การที่ครูคนหนึ่งออกข้อสอบ โดยหยิบยกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม และรับรู้กับในวงกว้างมานั้น ก็ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ และคำตอบที่เด็กเขียนมานั้น ก็ยืนยันได้ว่า การเขียนโดยเข้าข้างฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งไม่ได้ช่วยให้ได้คะแนนมากหรือน้อย แต่ครูให้คะแนนตรงที่เด็กรู้จักวิเคราะห์เหตุการณ์นั้น ๆ เป็นหลัก
“คำตอบที่เด็กเขียนมานั้น บอกได้เลยว่า ฝ่ายละครึ่ง ระหว่างคนที่ฝักใฝ่เสื้อแดง กับเสื้อเหลือง ส่วนกรณีซิมซิมิ บางคนก็ไม่ตอบคำถามด้วยซ้ำ”
แต่นั่นไม่ตรงกับความต้องการของ “คนเสื้อแดง” !?
ดังนั้น เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2555 ที่ผ่านมา กลุ่มเสื้อแดงพิษณุโลกจึงบุกไปที่โรงเรียนพุทธชินราช จ.พิษณุโลก เข้าพูดคุยกับนายเดชา สมบูรณ์พงษ์กิจ ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมยื่นจดหมายเปิดผนึก 1 ฉบับ ลงวันที่ 23 ก.พ.55 ที่มีนายสฤษดิ์ กรีฑา ลงนาม เพื่อประท้วงข้อสอบวิชา ท 30203 (ภาษาไทย) ดังกล่าว
เป็นการยกขบวนเข้าไปสอบถามเหตุผลจากผู้บริหาร – ครู ในขณะที่กำลังจัดงานปัจฉิมนิเทศนักเรียนชั้น ม.6 ของโรงเรียน ที่กำลังจะจบการศึกษาไป
นอกจากนี้พวกเขายังเรียกร้องให้ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดตั้งคณะกรรมการสอบสวนการสอนของครู...คนนี้ และให้ดำเนินการดังนี้คือ
1.ให้ครู คนดังกล่าว ขอโทษในการกระทำครั้งนี้หน้าเสาธง
2 ทำหนังสือชี้แจงผู้ปกครองให้เข้าใจสิ่งกระทำลงไป
3. ให้ลงข้อความขอโทษทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น
4..ให้ย้ายครู คนดังกล่าว ออกนอกพื้นที่
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นเพราะหากยังจำกันได้เคยเกิดเหตุทำนองนี้มาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง
ไม่ว่าจะเป็น กรณีที่มีการนำเอาเหตุการณ์ที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ซึ่งก็คือ คนเสื้อแดง ชุมนุมกันที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ บนถนนราชดำเนิน , สี่แยกราชประสงค์ ฯลฯ จนทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเดือดร้อน นำมาสู่มาตรการ “ขอคืนพื้นที่” ของฝ่ายรัฐบาลในขณะนั้น กระทั่ง 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553 แกนนำ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ประกาศยุติการชุมนุม เป็นผลให้ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งไม่พอใจเกิดการก่อจลาจล ปล้นสะดม และวางเพลิงเผาสถานที่ราชการหลายแห่งทั่วประเทศ มาบรรจุไว้ในหน้า 27 หนังสือประวัติศาสตร์ ม.3 ซึ่งเป็นหนังสือเสริมการพัฒนาผู้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
สุดท้ายก็ต้องถูก “ฉีกทิ้ง”
หรือกรณีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เคยนำเอาเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง (ตั้งแต่สมัยนายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มาจนถึงยุคที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ) บรรจุไว้ในเอกสารประกอบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตั้งแต่หน้า 158-167ซึ่งเป็นการรวบรวมเอาเหตุการณ์ทางการเมือง รวมไปถึงการชุมนุมทางการเมือง ทั้งกลุ่มเสื้อเหลือง – เสื้อแดง – เสื้อหลากสี ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วง มาให้นักเรียนได้ศึกษา วิเคราะห์ในกระบวนการเรียนการสอน
แต่ในที่สุด เอกสารทางวิชาการเล่มนี้ ก็ต้องถูกฉีกทิ้งด้วยเช่นกัน
เพราะนั่นไม่ตรงกับความต้องการของ “คนเสื้อแดง” !?