ASTVผู้จัดการรายวัน-ทหาร-ตำรวจ ประสานเสียง รับลูก ขย่มพันธมิตรฯ "สมยศ" เล็งออกหมายเรียก 46 คนเข้ารับทราบข้อกล่าวหา “ชุมนุมดอนเมือง” เพิ่มภายในวันที่ 2 มี.ค. “กษิต-อัญชะลี-สโรชา” รอดข้อหาก่อการร้าย แค่มั่วสุม! ด้าน “สนธิ” เชื่อ ตร.เพิ่มข้อหา หวังต่อรอง เลิกข้อหาก่อการร้ายให้เสื้อแดง พร้อมบีบ พธม.หนุน พ.ร.บ.ปรองดอง ฟอกผิด “ทักษิณ” ยันไม่ร่วมด้วยเด็ดขาด พร้อมค้านนิรโทษกรรมถึงที่สุด เตรียมออกเอเอสทีวี เปิดโปง
วานนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ กองปราบปราม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ ปรึกษา (สบ 10 ) รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อเตรียมเรียกตัวแกนนำที่ตกเป็นผู้ต้องหามาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนมีความเห็นทางคดีเสนอต่ออัยการไปเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2554 ต่อมาเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้รับการประสานจากสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 สั่งการให้สอบสวนเพิ่มเติมโดยแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา 46 คน และให้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าวภายในวันที่ 10 มีนาคม ซึ่งพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้ง 46 คนให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 2 มีนาคม ที่ กองปราบปราม
“สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 46 คนนั้นจะถูกแจ้งข้อหาแตกต่างกันตามพฤติการณ์ และมีเพียง 1 คนที่จะถูกแจ้งข้อหาก่อการร้ายเพิ่มเติม แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ ทั้งนี้หากผู้ต้องหามาตามนัดทุกคนก็จะสามารถส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมให้ อัยการได้ภายในกำหนดแต่หากผู้ต้องหาไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็จะออกหมายเรียก ครั้งที่ 2 และหากไม่มาพบอีกก็จะขออนุมัติออกหมายจับจากศาลตามขั้นตอน”พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
ผู้ต้องหาจำนวน 46 รายที่จะถูกเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ประกอบด้วย 1.นายนรัณยู หรือ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง 2.นายศิริชัย ไม้งาม 3.นายสาวิทย์ แก้วหวาน 4.นายกษิต ภิรมย์ 5.นายเทิดภูมิ ใจดี 6.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 7.น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ 8.นายพิชิต ไชยมงคล 9.นายบรรจง นะแส 10.นายสมบูรณ์ สุพรรณฝ่าย 11.นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด 12.นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 13.นายพิเชฏฐ พัฒนโชติ 14.นายสุนันท์ ศรีจันทา 15.นายสมบูรณ์ ทองบุราณ 16.นายปราโมทย์ หอยมุกข์ 17.นายอธิวัฒน์ บุญชาติ 18.นายจำรูญ ณ ระนอง 19.นายเติมศักดิ์ จารุปราณ 20.นายอัมรินทร์ คอมันตร์ 21.นายเกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา 22.พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ 23.นายปราโมทย์ นาครทรรพ 24.นายสุทิน วรรณบวร 25.นายสุทธิ อัชฌาศัย 26.นายเทิดศักดิ์ สัจจะรักษ์ 27.นายสุนทร รักษ์รงค์ 28.นายสุรพงษ์ ชัยนาม 29.นายสุริยนต์ สุวรรณวงศ์ 30.นายอนันต์ กาญจนสุวรรณ 31.พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ 32.นางกรรณิกา วิชชุลตา 33.พล.ร.ต.มินต์ กลกิจกำจร 34.นายยศ เหล่าอัน 35.นายสมัชชา วิเชียร 36.นายสุพัฒน์ นิลบุตร 37.นายศักดิ์สิทธิ์ เชื้อกลาง 38.นายระพินทร์ พุฒิชาติ 39.นายสุมิตร นวลมณี 40.นายแสงธรรมดา กิติเสถียรพร 41.นายประทีป ขจัดพาล 42.นายพงศธร ผลพยุง 43.น.ส.เสน่ห์ หงส์ทอง 44.นายการุณ ใสงาม 45.นายประมวล หะหมาน และ46.นายสมศักดิ์ อิสมันยี
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหาที่จะถูกเรียกมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาก่อการร้าย คือ นายสาวิทย์ แก้วหวาน ซึ่งก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งข้อหาก่อการร้ายแต่อัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าควรแจ้งข้อหาดังกล่าว
ส่วนนายกษิต นายเทิดภูมิ น.ส.อัญชะลี น.ส.สโรชา นายพิชิต และนายบรรจงนั้นคณะพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในข้อหาก่อการร้าย ซึ่งอัยการพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับพนักงานสอบสวนแต่ก็ให้เรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาอื่นเพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา คือ มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปโดยเป็นหัวหน้า ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆนั้นจะถูกเรียกมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมคนละ 1 ข้อหา แต่ข้อหาแตกต่างกันไปซึ่งมีทั้งข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่ง แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และทำลาย ทำให้เสียหายร้ายแรงต่อสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานตาม พ.ร.บ.ความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ
วันเดียวกัน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้โพสต์ข้อความในหน้าแฟนเพจ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ว่า บ่ายวานนี้ (24 ก.พ.) คุณสนธิ ลิ้มทองกุล (แกนนำพันธมิตรฯ) ให้ความเห็นต่อกรณีที่ตำรวจเพิ่มข้อหาก่อการร้ายให้กับพันธมิตรฯ 46 คน ว่า “โดยส่วนตัวจะไม่ปรองดอง และไม่ว่าจะเพิ่มข้อหาอย่างไรก็จะคัดค้านการนิรโทษกรรมอย่างถึงที่สุด เพราะมั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย และสามารถพิสูจน์ด้วยกระบวนการในชั้นศาลแน่นอน แม้ว่าจะถูกกลั่นแกล้งในชั้นตำรวจก็ตาม
เพียงแต่ขอตั้งข้อสังเกตว่า กรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นการสร้างอำนาจต่อรองเพื่อให้อัยการอ้างเหตุให้ยกเลิกข้อหาก่อการร้ายให้คนเสื้อแดง โดยจะอ้างเหตุว่าจะยกเลิกข้อให้กับพันธมิตรฯ ด้วย และอ้างว่าเพื่อความปรองดอง ตลอดจนอาจหวังจะให้พันธมิตรฯ ไม่คัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมในชื่อ พ.ร.บ.ปรองดอง หรือการล้มล้างรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดในอดีตให้กับทักษิณและพวกพ้องด้วย โดยที่ตำรวจสายเนวินต้องการเอาใจรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเพื่อให้สามารถเจริญเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานได้ต่อไป
คดีกลั่นแกล้งเหล่านี้เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งเรื่องทั้งสิ้น ทั้งหมดนี้เดิมทำไปเพื่อหวังจะกดหัวและกลั่นแกล้ง (เหมือนเอาห่วงคล้องคอ) พันธมิตรฯ โดยปล่อยให้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะชุดสอบสวนที่บอกว่าพันธมิตรฯเป็นผู้ก่อการดีให้มาเป็นตำรวจเครือข่ายเนวิน จับมือกับสุเทพที่หวังกำจัดพันธมิตรฯ ที่มาตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงการประกาศใช้ฎหมาย พ.ร.บ.ความมั่นคงกับพันธมิตรฯ ที่มาชุมนุมเพื่อตรวจสอบรัฐบาลเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา อันเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้ได้รับโทษทางอาญาเพิ่มเติม เมื่อคดีค้างไว้จนสิ้นสมัยตัวเองจึงเป็นอาหารที่เสิร์ฟต่อมาให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยมากดปุ่มสวมตอต่อเพื่อทำร้ายพันธมิตรฯ ในวันนี้
ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กลับเอาใจคนเสื้อแดง ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนการประกันตัวคนเสื้อแดงโดยมติคณะรัฐมนตรี จนในที่สุดสามารถมาสมัครเป็น ส.ส.ได้เป็นจำนวนมาก
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยอมส่งคดีทหารให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษในข้อหาว่าทหารฆ่าประชาชนคนเสื้อแดง (เหมือนเอาห่วงคล้องคอทหาร) ทั้งๆ ที่ทหารเขายอมสละชีพเพราะตามคำสั่งของรัฐบาลที่เข้าไปในที่ชุมนุมที่มีอาวุธสงครามด้วยมือเปล่า จนรัฐบาลชุดนี้จบลงไปคดีก็เสิร์ฟมาต่อให้กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาทำร้ายทหารในวันนี้ โดยอัยการได้ส่งให้ศาลอาญาไต่สวนไปแล้ว 1 คดี กล่าวหาว่าทหารวิสามัญฆาตรกรรม และจะดำเนินคดีกับทหารต่อไปอีก 15 ศพ
ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่ากระบวนการอยุติธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นและตั้งเรื่องตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น เพียงเพราะต้องการเอาตัวเองรอด ยอมทำให้เกิดความอยุติธรรมแม้กระทั่งคนที่เขายอมเสีสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ
การเมืองทุกวันนี้จึงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น นักการเมืองทำเพื่อประโยชน์ตัวเองทั้งสิ้น และเป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า นักการเมืองทุกฝ่ายส่วนใหญ่บัดซบหมดทั้งสิ้น!”
“ทั้งนี้ คุณสนธิ แจ้งว่า จะหาโอกาสเปิดข้อมูลเหล่านี้อีกครั้งทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV เร็วๆ นี้” นายปานเทพ ระบุ
วานนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ กองปราบปราม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ ปรึกษา (สบ 10 ) รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อเตรียมเรียกตัวแกนนำที่ตกเป็นผู้ต้องหามาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนมีความเห็นทางคดีเสนอต่ออัยการไปเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2554 ต่อมาเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้รับการประสานจากสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 สั่งการให้สอบสวนเพิ่มเติมโดยแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา 46 คน และให้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าวภายในวันที่ 10 มีนาคม ซึ่งพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้ง 46 คนให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 2 มีนาคม ที่ กองปราบปราม
“สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 46 คนนั้นจะถูกแจ้งข้อหาแตกต่างกันตามพฤติการณ์ และมีเพียง 1 คนที่จะถูกแจ้งข้อหาก่อการร้ายเพิ่มเติม แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ ทั้งนี้หากผู้ต้องหามาตามนัดทุกคนก็จะสามารถส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมให้ อัยการได้ภายในกำหนดแต่หากผู้ต้องหาไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็จะออกหมายเรียก ครั้งที่ 2 และหากไม่มาพบอีกก็จะขออนุมัติออกหมายจับจากศาลตามขั้นตอน”พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
ผู้ต้องหาจำนวน 46 รายที่จะถูกเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ประกอบด้วย 1.นายนรัณยู หรือ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง 2.นายศิริชัย ไม้งาม 3.นายสาวิทย์ แก้วหวาน 4.นายกษิต ภิรมย์ 5.นายเทิดภูมิ ใจดี 6.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 7.น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ 8.นายพิชิต ไชยมงคล 9.นายบรรจง นะแส 10.นายสมบูรณ์ สุพรรณฝ่าย 11.นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด 12.นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 13.นายพิเชฏฐ พัฒนโชติ 14.นายสุนันท์ ศรีจันทา 15.นายสมบูรณ์ ทองบุราณ 16.นายปราโมทย์ หอยมุกข์ 17.นายอธิวัฒน์ บุญชาติ 18.นายจำรูญ ณ ระนอง 19.นายเติมศักดิ์ จารุปราณ 20.นายอัมรินทร์ คอมันตร์ 21.นายเกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา 22.พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ 23.นายปราโมทย์ นาครทรรพ 24.นายสุทิน วรรณบวร 25.นายสุทธิ อัชฌาศัย 26.นายเทิดศักดิ์ สัจจะรักษ์ 27.นายสุนทร รักษ์รงค์ 28.นายสุรพงษ์ ชัยนาม 29.นายสุริยนต์ สุวรรณวงศ์ 30.นายอนันต์ กาญจนสุวรรณ 31.พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ 32.นางกรรณิกา วิชชุลตา 33.พล.ร.ต.มินต์ กลกิจกำจร 34.นายยศ เหล่าอัน 35.นายสมัชชา วิเชียร 36.นายสุพัฒน์ นิลบุตร 37.นายศักดิ์สิทธิ์ เชื้อกลาง 38.นายระพินทร์ พุฒิชาติ 39.นายสุมิตร นวลมณี 40.นายแสงธรรมดา กิติเสถียรพร 41.นายประทีป ขจัดพาล 42.นายพงศธร ผลพยุง 43.น.ส.เสน่ห์ หงส์ทอง 44.นายการุณ ใสงาม 45.นายประมวล หะหมาน และ46.นายสมศักดิ์ อิสมันยี
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหาที่จะถูกเรียกมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาก่อการร้าย คือ นายสาวิทย์ แก้วหวาน ซึ่งก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งข้อหาก่อการร้ายแต่อัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าควรแจ้งข้อหาดังกล่าว
ส่วนนายกษิต นายเทิดภูมิ น.ส.อัญชะลี น.ส.สโรชา นายพิชิต และนายบรรจงนั้นคณะพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในข้อหาก่อการร้าย ซึ่งอัยการพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับพนักงานสอบสวนแต่ก็ให้เรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาอื่นเพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา คือ มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปโดยเป็นหัวหน้า ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆนั้นจะถูกเรียกมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมคนละ 1 ข้อหา แต่ข้อหาแตกต่างกันไปซึ่งมีทั้งข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่ง แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และทำลาย ทำให้เสียหายร้ายแรงต่อสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานตาม พ.ร.บ.ความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ
วันเดียวกัน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้โพสต์ข้อความในหน้าแฟนเพจ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ว่า บ่ายวานนี้ (24 ก.พ.) คุณสนธิ ลิ้มทองกุล (แกนนำพันธมิตรฯ) ให้ความเห็นต่อกรณีที่ตำรวจเพิ่มข้อหาก่อการร้ายให้กับพันธมิตรฯ 46 คน ว่า “โดยส่วนตัวจะไม่ปรองดอง และไม่ว่าจะเพิ่มข้อหาอย่างไรก็จะคัดค้านการนิรโทษกรรมอย่างถึงที่สุด เพราะมั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย และสามารถพิสูจน์ด้วยกระบวนการในชั้นศาลแน่นอน แม้ว่าจะถูกกลั่นแกล้งในชั้นตำรวจก็ตาม
เพียงแต่ขอตั้งข้อสังเกตว่า กรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นการสร้างอำนาจต่อรองเพื่อให้อัยการอ้างเหตุให้ยกเลิกข้อหาก่อการร้ายให้คนเสื้อแดง โดยจะอ้างเหตุว่าจะยกเลิกข้อให้กับพันธมิตรฯ ด้วย และอ้างว่าเพื่อความปรองดอง ตลอดจนอาจหวังจะให้พันธมิตรฯ ไม่คัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรมในชื่อ พ.ร.บ.ปรองดอง หรือการล้มล้างรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดในอดีตให้กับทักษิณและพวกพ้องด้วย โดยที่ตำรวจสายเนวินต้องการเอาใจรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเพื่อให้สามารถเจริญเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงานได้ต่อไป
คดีกลั่นแกล้งเหล่านี้เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งเรื่องทั้งสิ้น ทั้งหมดนี้เดิมทำไปเพื่อหวังจะกดหัวและกลั่นแกล้ง (เหมือนเอาห่วงคล้องคอ) พันธมิตรฯ โดยปล่อยให้มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะชุดสอบสวนที่บอกว่าพันธมิตรฯเป็นผู้ก่อการดีให้มาเป็นตำรวจเครือข่ายเนวิน จับมือกับสุเทพที่หวังกำจัดพันธมิตรฯ ที่มาตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงการประกาศใช้ฎหมาย พ.ร.บ.ความมั่นคงกับพันธมิตรฯ ที่มาชุมนุมเพื่อตรวจสอบรัฐบาลเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา อันเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้ได้รับโทษทางอาญาเพิ่มเติม เมื่อคดีค้างไว้จนสิ้นสมัยตัวเองจึงเป็นอาหารที่เสิร์ฟต่อมาให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยมากดปุ่มสวมตอต่อเพื่อทำร้ายพันธมิตรฯ ในวันนี้
ในทางตรงกันข้ามรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กลับเอาใจคนเสื้อแดง ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนการประกันตัวคนเสื้อแดงโดยมติคณะรัฐมนตรี จนในที่สุดสามารถมาสมัครเป็น ส.ส.ได้เป็นจำนวนมาก
รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ยอมส่งคดีทหารให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษในข้อหาว่าทหารฆ่าประชาชนคนเสื้อแดง (เหมือนเอาห่วงคล้องคอทหาร) ทั้งๆ ที่ทหารเขายอมสละชีพเพราะตามคำสั่งของรัฐบาลที่เข้าไปในที่ชุมนุมที่มีอาวุธสงครามด้วยมือเปล่า จนรัฐบาลชุดนี้จบลงไปคดีก็เสิร์ฟมาต่อให้กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาทำร้ายทหารในวันนี้ โดยอัยการได้ส่งให้ศาลอาญาไต่สวนไปแล้ว 1 คดี กล่าวหาว่าทหารวิสามัญฆาตรกรรม และจะดำเนินคดีกับทหารต่อไปอีก 15 ศพ
ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่ากระบวนการอยุติธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นและตั้งเรื่องตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น เพียงเพราะต้องการเอาตัวเองรอด ยอมทำให้เกิดความอยุติธรรมแม้กระทั่งคนที่เขายอมเสีสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ
การเมืองทุกวันนี้จึงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น นักการเมืองทำเพื่อประโยชน์ตัวเองทั้งสิ้น และเป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า นักการเมืองทุกฝ่ายส่วนใหญ่บัดซบหมดทั้งสิ้น!”
“ทั้งนี้ คุณสนธิ แจ้งว่า จะหาโอกาสเปิดข้อมูลเหล่านี้อีกครั้งทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV เร็วๆ นี้” นายปานเทพ ระบุ