xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ชี้ “ป๋า” ร่วมงานเลี้ยงได้มากกว่าเสีย เชื่อ รบ.หวังลดความเสี่ยงรัฐประหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปานเทพ” ชี้ “ป๋าเปรม” ร่วมงานเลี้ยงได้มากกว่าเสีย หากไม่ไปจะยิ่งถูกครหาว่าเป็นคู่กรณีรัฐบาลและอยู่เบื้องหลังรัฐประหาร ส่งผล “เสื้อแดง-เพื่อไทย” ผนึกกำลังเป็นเอกภาพมากขึ้น เชื่อรัฐบาลรู้ดีแก้ รธน.สุ่มเสี่ยงรัฐประหารสูง จึงเดินเกมปรองดองเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง


วันที่ 10 ก.พ. เมื่อเวลา 20.30น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV

โดย นายปานเทพกล่าวว่า การที่ พล.อ.เปรมไปร่วมงาน ไม่น่าแปลกใจ บทเพลงที่ใช้ในงาน เป็นบทเพลงแห่งความรักชาติ เพลงพระราชนิพนธ์ เป็นบทเพลงที่ทำให้เกิดความเป็นเอกภาพของคนในชาติ ถ้า พล.อ.เปรมเป็นคนชื่นชอบบทเพลงแบบนี้ และไปร่วมงานก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่สนใจว่าอะไรคือเกมการเมืองครั้งนี้มากกว่า ประการที่หนึ่ง ก่อนหน้านี้เราเกิดความสับสนว่าตกลงเป็นการแสดงเพลง หรือเป็นการเลี้ยงฉลอง ศปภ. (ศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ) ถ้าเลี้ยงฉลอง ศปภ. ก็ต้องตั้งคำถามว่าทำไมต้องเลี้ยง เพราะการแก้ปัญหาน้ำท่วมก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ ต่อมา ส.ว.คำนูณก็ได้เฉลยว่าเป็นความชื่นชอบบทเพลง ที่ อ.สุกรี มีความใฝ่ฝันอยากจัดเพลงในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของศิลปิน พอดีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และ พล.อ.เปรม เป็นแฟนเพลงของ อ.สุกรี ก็เลยอยากสร้างฝันตรงนั้นให้เห็นจริง ซึ่งถ้าจะเป็นอย่างนั้น ทำไมถึงไม่จัดคอนเสิร์ตบทเพลงแห่งความรักชาติเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย แต่กลับพ่วงกับงานศปภ. มันขัดแย้งกัน จะเห็นว่าชื่องาน ( รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย) ไม่เกี่ยวกับศปภ.เลย หรือบทเพลงทั้งหมดเป็นเรื่องความรักชาติ ความสามัคคี ถ้าจะบอกว่าเป็นการมอบเพลงความรักความสามัคคีให้ผู้ประสบภัยพิบัติ ก็มองได้ แต่ตนคิดว่าเรื่องนี้มีนัยอะไรมากกว่านั้น เพราะ พล.อ.เปรมไม่เกี่ยวกับ ศปภ.เลย และประธานองคมนตรีที่อยู่ในฐานะที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์มาเป็นแขกรับเชิญสำคัญ คิดว่างานนี้มีนัยยะทางการเมืองอย่างแน่นอน

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ดูการแต่งกายของพล.อ.เปรม บ่อยครั้งจะเห็นท่านใส่เสื้อสีน้ำเงิน แต่วันนี้ใส่ชุดดำมีลายเทา แค่ชุดที่เลือกก็ถือว่าลึกซึ้งแล้ว

ประการที่สอง พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ปลุกระดมตั้งแต่ปี 49 ให้มวลชนเกลียดชัง พล.อ.เปรม โจมตีบนเวทีปราศรัยต่างๆนาๆ สร้างความเกลียดชังให้หมู่คนเสื้อแดงอย่างมาก แต่แล้วทำไมรัฐบาลถึงเลือกเชิญ พล.อ.เปรม ทั้งๆที่มวลชนที่สนับสนุนตัวเอง มีความไม่ชอบ พ.อ.เปรม ตนคิดว่าเป็นการจงใจใช้เป็นสัญลักษณ์

ศปภ.ประสบความล้มเหลวกับการแก้น้ำท่วม เลยต้องการให้คนลืมภาพนั้น และให้มีภาพอื่นขึ้นมาแทน คือภาพให้เห็นว่าต่อไปเราจะร่วมมือกัน แม้บุคคลที่เห็นต่างก็ยังอยู่ร่วมกันได้ แต่ถ้าสังเกตจะเห็นว่ารัฐบาลพยายามหาแนวร่วมมาโดยตลอด โดยอ้างว่าเพื่อความปรองดอง ทั้งการจะนิรโทษกรรมให้คนทุกฝ่าย การจ่ายเงินเยียวยา 7.75 ล้านบาท  การพยายามเชิญพันธมิตรฯไปเป็น 1 ในคณะกรรมการปรองดอง แต่เราปฏิเสธไป ต่อมา คอ.นธ.(คณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ) ก็มีชื่อตน และนายคำนูณ และแม้ปฏิเสธไป แต่ก็ยังคงมีชื่อ เขาต้องการอะไร ในเมื่อเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากอยู่แล้ว อะไรคือแรงจูงใจให้เชิญ พล.อ.เปรม

ตนลองต่อภาพ รัฐบาลเคยประชุมแก้มาตรา 112 แต่วันดีคืนดีบอกว่าเลิก ไม่เห็นด้วย การเชิญ พล.อ.เปรม ครั้งนี้เสียมวลชนคนเสื้อแดงแน่นอน ส่วนด้านคนที่สนับสนุน พล.อ.เปรม ก็มองว่าไปเกลือกกลั้วกับคนเหล่านี้ได้อย่างไร

โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ตนมองว่ารัฐบาลพยายามตัดเงื่อนไขความเสี่ยงของรัฐบาล เขากังวลการรัฐประหาร ซึ่งอาจถึงขั้นมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนอะไรกันบางอย่าง เพื่อลดความไม่พอใจของทหาร เช่น ไม่แตะมาตรา 112 ไม่ให้แกนนำบางคนที่จาบจ้วงสถาบันฯชัดเจนเป็นรัฐมนตรี หรือแถลงข่าวจะไม่แตะพรบ.กลาโหม ลักษณะแบบนี้ เราเห็นร่องรอยความไม่มั่นใจอะไรบางอย่าง

รัฐบาลตระหนักดีว่าอะไรทำให้เกิดความเสี่ยง ที่จะนำไปสู่การยึดอำนาจ โดยเฉพาะกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ เพราะจะแก้โดยใช้พิธีกรรมที่อาศัยกระบวนการที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย เช่นการเลือก ส.ส.ร. ซึ่งการเลือกตั้งระบบเขตมีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองระบบเขต ซึ่งเพื่อไทยย่อมได้เปรียบ และ22 นักวิชาการคัดจากส.ส.ตั้งคณะกรรมการและคัดเลือกตามสัดส่วน เพื่อไทยย่อมชนะแน่ เมื่อกุมเสียงส่วนใหญ่ได้ เป้าหมายหลักสุดท้ายคือการสถาปนาระบอบสมบูรณาญาสิทธิทุนอย่างเต็มรูปแบบ หรือเรียกว่าเผด็จการโดยทุนผูกขาดของนักการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ  นี่เป็นเงื่อนไข เพราะถ้าสำเร็จจะกระชับอำนาจในทุกมิติครบถ้วนบริบูรณ์ ความคิดเช่นนี้ รัฐบาลรู้ดีว่าเป็นการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของเผด็จการทุนการเมือง และระหว่างทางมีความเสี่ยงมาก เลยต้องซื้อเวลา ถ้าเป็นมิติทางการเมืองนี่คือการซื้อเวลา

นายปานเทพยังกล่าวว่า มีคนถามว่า พล.อ.เปรมไปร่วมงานครั้งนี้ใครได้ใครเสีย ต้องตอบว่าการไปคอนเสิร์ตครั้งนี้ รัฐบาลเป็นฝ่ายเชิญ ฉะนันแง่มวลชนเสื้อแดง รัฐบาลเสียเปรียบ เสียมวลชนมากกว่า แต่ถ้าพล.อ.เปรมไม่ไป ก็จะโดนครหาว่าอยู่เบื้องหลังรัฐประหารอย่างแท้จริง เป็นคู่กรณีโดยตรงกับรัฐบาลมาโดยตลอด การไปครั้งนี้เพื่อแสดงสถานภาพว่าไม่ใช่คู่กรณี และฐานะองคมนตรีไม่มีทางเลือกอื่น อีกทั้งจะทำให้เอกภาพของพรรคเพื่อไทยและมวลชนเสื้อแดง ผนึกกำลังได้อย่างสมบูรณ์  รวมถึงบทเพลงที่ใช้ในงาน พวกฝ่ายซ้ายที่อยู่ในงานย่อมไม่พอใจแน่ พล.อ.เปรมอยู่ในฐานะไม่เสียหาย แต่พรรคเพื่อไทยเสียหายมากกว่า

ด้าน นายพิภพกล่าวว่า การที่ประธานองคมนตรีตัดสินไปร่วมงานเลี้ยงรัฐบาล เป็นสิ่งไม่ธรรมดา เป็นที่รู้กันมาหลายสิบปีว่าพล.อ.เปรม มีหมากเกมทางการเมืองที่ไม่ธรรมดา และเที่ยวนี้ไม่ใช่เรื่องดนตรีล้วนๆ มีความหมายทางการเมืองทั้งนั้น อย่างเพลงที่นำมาบรรเลง ก็มีของหลวงวิจิตรวาทการ เป็นบทเพลงเกี่ยวกับความรักชาติ และเพลงของเหล่าทัพ

นายพิภพ ฃกล่าวอีกว่า ตนมองว่าเป็นการช่วงชิงอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณได้อำนาจทางการเมืองแล้ว สามารถชนะในสภา แต่ก็ยังโดนอำนาจทหารโค่นล้ม ยังไม่สามารถกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้  เขาจึงพยายามผสมผสานอำนาจไปด้วยกัน แต่มีเสี้ยนหนามคือความตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนและความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ ที่ไม่สามารถจัดการได้ ฉะนั้นการประนีประนอมเรื่องนี้จึงเกิดขึ้น เขาไม่ได้ยอม แต่เพื่อยันไว้ไม่ให้รุกเข้ามา

รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตนเชื่อว่ายังไม่แตะพระมหากษัตริย์ และทหาร เพราะแม้แก้กฎหมายอำนาจการทำรัฐประหารก็ยังมีอยู่  แต่หัวใจหลักคือต้องการลดบทบาทการเมืองภาคประชาชนลงให้มากที่สุด เขาต้องทำสิ่งนี้ก่อนแน่นอน



กำลังโหลดความคิดเห็น