ASTVผู้จัดการรายวัน/เอเอฟพี - พบอีกสติ๊กเกอร์“SEJEAL” พร้อมภาษาอาหรับใกล้สถานทูตยิว 1 กม. โดยตำรวจยังไม่พบ เกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ 3 คนร้ายอิหร่านหรือไม่ ส่วน"โมฮัมหมัด" ถูกนำตัวไปฝากขังผลัดแรก และส่งตัวเข้าเรือนจำทันที ขณะที่นายกฯ กำชับครม.ตามสถานการณ์ก่อการร้ายใกล้ชิด พร้อมตั้ง “เฉลิม” เป็นหัวหน้าทีมบูรณาการข่าวร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง โดยให้สั่งประชุมทุกสัปดาห์ ขณะที่ อิหร่านพร้อมช่วยเหลือไทยระบุตัวผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดในกทม.
วานนี้ (22 ก.พ.) เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.พร้อมกำลังคอมมานโด บก.ป.และเจ้าหน้าที่กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) หรือตำรวจ 191 ควบคุมตัวนายโมฮัมหมัด คาซาอี (Mohammad Khazaei) อายุ 42 ปี สัญชาติอิหร่าน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 89/2555 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 ข้อหา ร่วมกันทำ มีไว้ ซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ และทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย และทรัพย์สิน โรงเรือน และสิ่งปลูกสร้างของผู้อื่นได้รับความเสียหาย หลังจากนายโมฮัมหมัด ร่วมกับพวกก่อเหตุระเบิดในซอยสุขุมวิท 71 รวม 3 จุด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ ฝากขังเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคม 2555 รวม 12
ทั้งนี้ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเกรงว่าหากได้รับการประกันตัวแล้วผู้ต้องหาอาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน โดยระเบิดมีอานุภาพร้ายแรง เกรงว่าจะเป็นภัยต่อส่วนรวม และคดีดังกล่าวมีอัตราโทษสูง
***ส่งมือบึ้มอิหร่านเข้าเรือนจำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังนั้น นายโมฮัมหมัด มีสีหน้าที่เคร่งเครียด และท่าทางอิดโรยซึ่งอาจเป็นเพราะความเครียดจากการถูกดำเนินคดี
ต่อมาเวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตฝากขังผู้ต้องหาได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายโมฮัมหมัดเข้าไปควบคุมไว้เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป
***ส่งฟ้อง"อาทริส ฮุสเซน"
วันเดียวกัน เวลา 10.00 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวน (สบ 4) กองบังคับการปราบปราม เข้าพบอัยการเพื่อส่งมอบสำนวนการสอบสวน พยานหลักฐานจำนวน 8 แฟ้ม เอกสารกว่า 3,000 หน้า และความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายอาทริส ฮุสเซน (Mr.Atris Hussein) อายุ 47 ปี ชาวเลบานอน สัญชาติเลบานอน-สวีเดน ภูมิลำเนาอยู่ที่เบรุตฮาดัท ถ.จามุส อาคารกราดิเนีย ชั้น 4 ประเทศเลบานอน ซึ่งถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ผู้ต้องหากระทำผิดมีไว้ซึ่งยุทธภัณฑ์ (แอมโมเนียไนเตรท) โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 ประกอบประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่องกำหนดชนิดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาต
***แจงหวั่นกระทบสืบสวนห้ามตร.จ้อ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกตร.แถลงถึงเหตุระเบิดดังกล่าวที่สุขุมวิท 71 ว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.สั่งการให้ตำรวจทุกนายไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุระเบิดนั้น เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการสืบสวนสอบสวนได้ ส่วนการตรวจสอบสติ๊กเกอร์คำว่า “SEJEAL” นั้น พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้ตรวจสอบแล้ว ซึ่งยังไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกัน และขอเวลาให้พนักงานสืบสวนสอบตรวจสอบก่อนอีกครั้ง
***พบอีกสติ๊กเกอร์“SEJEAL”
วานนี้(22 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบสติ๊กเกอร์ตัวอักษร “SEJEAL” ที่บริเวณหน้าโรงแรมมาดูซิ ( Ma Du Zi)ห่างจากแยกอโศกมนตรีประมาณ 200 เมตร ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตคลองเตย กทม. จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบสติ๊กเกอร์ดังกล่าวติดอยู่ที่บริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะ จำนวน 7 แผ่น นอกจากนี้ยังมีอักษรตัวหนังสือคล้ายภาษาอาหรับเขียนอยู่ที่ตู้โทรศัพท์ ซึ่งเขียนด้วยหมึกสีดำและมีลูกศรชี้ไปทางด้านซ้ายห่างจากจุดแรกออกไปประมาณประมาณ 200 เมตร ที่ตู้โทรศัพท์ ด้านหน้าตึกซีทีไอ พบสติ๊กเกอร์แบบเดียวกันติดอยู่ลักษณะเดียวกันอีกจำนวน 7 แผ่น เช่นกัน นอกจากนี้ยังพบสติ๊กเกอร์แบบเดียวกันอีกติดอยู่ที่บริเวณรั้วสังกะสี ด้านหน้าการไฟฟ้านครหลวง คลองเตยอีก 4 แผ่น
ต่อมาเวลา 14.00 น. มีผู้พบพบสติ๊กเกอร์คำว่า “SEJEAL” บริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะริมถนน หน้ามิ่งขวัญคลินิกเวชกรรม ถนนดินแดง แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ป.ป.ส.ดินแดง ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพบสติ๊กเกอร์ถูกดึงออกไปแล้วเหลือเพียงส่วนปลายของสติ๊กเกอร์ขนาดประมาณ 1.5 นิ้ว พื้นสีขาว และขอบสีดำเท่านั้น
***พบห่างสถานทูตยิวแค่ 1 กม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดที่พบสติ๊กเกอร์ "SEJEAL"บริเวณตู้โทรศัพท์จุดแรกนั้น ห่างจากสถานทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย อาคารโอเชี่ยน ทาว์นเวอร์ 2 ชั้น 25 ถนนสุขุมวิท 21 เพียงแค่ประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น สำหรับสติ๊กเกอร์ดังกล่าวเป็นชนิดเดียวกันที่พบภายในห้องพักของ น.ส.โรฮานี ไลลา ผู้ต้องหาชาวอิหร่านคดีเหตุระเบิด 3 จุด ซอยปรีดีพนมยงค์ ย่านสุขุมวิท 71 และใต้เบาะรถจยย.ของคนร้าย รวมทั้งที่แปะอยู่ตลอดแนวถนนเลียบทางด่วนเพลินจิตฝั่งใต้จำนวน 52 แผ่น
***นายกฯสั่งคุมเข้ม ให้"เหลิม"วิเคราะห์
ที่จ.อุดรธานี นางฐิติมา ฉายแสง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เริ่มต้นการประชุมด้วยการขอความร่วมมือเรื่องเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา และมอบให้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ดูแลประชาชน และนักท่องเที่ยว ให้ได้รับความปลอดภัยตลอดเวลา และได้มอบหมายให้ร.ต.อ.เฉลิม เชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงมาปรึกษา และวิเคราะห์ ทั้งนี้ เพื่อให้มีการบูรณาการสถานการณ์บ้านเมือง และเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูล และออกมาตรการรักษาความปลอดภัย สำหรับประชาชน และนักท่องเที่ยว นายกฯ จึงมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นหัวหน้าทีม ร่วมกับพล.อ.ยุทธ์ศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ บูรณาการงานข่าว โดยให้มีการจัดการประชุมทุกสัปดาห์
**ผบ.ทบ.สั่งกอ.รมน.เข้มการข่าว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการทำงานด้านการข่าวหลังจากมีการจับผู้ต้องหาก่อเหตุระเบิด ว่า ก็ต้องทำอย่างต่อเนื่อง และมีการย้ำเตือนมาตลอด ซึ่งกองทัพบกจะสั่งการลงไปว่า ต้องการให้เดินไปอย่างไร โดยเฉพาะภัยคุกคามในช่วงนี้มีอะไรบ้าง ดังนั้น ทุกอย่างต้องขยับเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เพื่อให้งานด้านการข่าวปรากฏ ทหารรับผิดชอบหลักในด้านการป้องกันชายแดน และงานข่าวกรองด้านการรบ คือ ข่าวที่รับมาและมาเข้าวงรอบข่าวกรอง มีการวิเคราะห์ออกมาจนเป็นผลิตผล และน่าเชื่อถือได้ก่อนจะนำไปสู่การปฏิบัติของกองกำลังตามแนวชายแดน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันกองทัพมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานของกองอำนวยรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) โดยมีศูนย์ปฏิบัติการ 6 ศูนย์รับผิดชอบภัยคุกคาม 6 อย่าง หนึ่งในนั้นมีเรื่องการป้องกันการก่อการร้ายด้วย ซึ่งกองทัพจะใช้ในลักษณะการประสานความร่วมมือการด้านการข่าว ทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจ รัฐบาล และเชื่อมต่อกับในส่วนของต่างประเทศก่อนจะนำเข้ามาสู่ประชาคมข่าวกรองมีการประเมินกันทุกสัปดาห์ ก่อนจะนำไปปฏิบัติ งานข่าวเป็นงานที่ยากต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญ มีการฝึกอบรม โดยเฉพาะหลักสูตรข่าวลับที่ต้องมีการทำงานที่ลึกลงไปมากกว่าปกติ
**"บิ๊กอ๊อด"ยังไม่รับรายงานMKOเอี่ยวบึ้ม
พล.อ.ยุธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทางการอิหร่านออกมาเปิดเผยว่า คนที่ก่อเหตุระเบิดในประเทศไทยนั้น น่าจะเป็นขบวนการประชาชนมุญาฮิดีนอิหร่าน (MKO) ว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว จึงยังไม่ทราบรายละเอียดข้อเท็จจริง คงต้องรอการรายงานสถานการณ์ให้มาถึงตนก่อน ขอทราบรายงานในเรื่องดังกล่าวก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าผู้ที่ก่อเหตุระเบิดในประเทศไทยนั้นเป็นกลุ่มขบวนการประชาชนมุญาฮิดีนอิหร่าน (MKO) ที่เป็นผู้สร้างสถานการณ์จริงหรือไม่ คงต้องขอรอดูความชัดเจนก่อน
*** อิหร่านพร้อมช่วยไทยระบุตัวผู้อยู่เบื้องหลัง
ด้านสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่ารัฐบาลอิหร่านแถลงวานนี้ (22) พร้อมให้ความช่วยเหลือระบุตัวผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดหลายจุดในไทยเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา อันนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่านหลายคน
"อิหร่านพร้อมให้ความช่วยเหลือระบุตัวผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด และนำตัวพวกเขาไปแสดงต่อประชาคมนานาชาติ เพื่อเป็นสัญญาณแห่งความสุจริตใจของเรา" รามิน เมห์มันปาราสต์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ ของทางการอิหร่าน
โฆษกรายนี้ชี้แจงต่อไปว่า คำกล่าวอ้างของอิสราเอลที่กล่าวหาอิหร่านอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีในกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ยี่ย บิดเบือนความจริงทุกประการและข้อหล่าวหาเหล่านั้นเป็นการจัดฉากของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและอิสราเอล
ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของไทยออกหมายจับผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่านรายที่ 5 ซึ่งพัวพันกับเหตุระเบิดหลายจุดที่สันนิษฐานว่าเป็นแผนลอบสังหารนักการทูตอิสราเอล โดยผู้ต้องสงสัยวัย 57 ปีรายนี้ถูกตั้งข้อหาครอบครองและผลิตวัตถุระเบิด
พลเมืองอิหร่าน 2 คน หนึ่งในนั้นสูญเสียขาทั้งสองข้างหลังพลาดทำระเบิดร่วงใส่ตนเองขณะพยายามปาใส่ตำรวจ ถูกควบคุมตัวในไทยและโดนตั้งข้อหาแล้วเช่นกัน ส่วนชายชาวอิหร่านอีกคนถูกตำรวจมาเลเซียจับกุมตัวหลังบินหลบหนีไปยังกัวลาลัมเปอร์
นอกจากนั้นยังมีสตรีชาวอิหร่านที่เป็นผู้เช่าบ้านซึ่งคาดว่าเหล่าผู้ต้องสงสัยใช้เป็นสถานที่เก็บระเบิด โดยเชื่อว่าเธอน่าจะหลบหนีกลับไปยิงอิหร่านแล้ว
ตำรวจไทยบอกว่านักการทูตอิสราเอลคือเป้าหมายของแผนโจมตีนี้ และโยงเหตุระเบิดในไทยกับความพยายามลอบสังหารนักการทูตอิสราเอลด้วยระเบิดในอินเดียและจอร์เจีย อย่างไรก็ตามเตหะรานปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
วานนี้ (22 ก.พ.) เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.พร้อมกำลังคอมมานโด บก.ป.และเจ้าหน้าที่กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) หรือตำรวจ 191 ควบคุมตัวนายโมฮัมหมัด คาซาอี (Mohammad Khazaei) อายุ 42 ปี สัญชาติอิหร่าน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 89/2555 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 ข้อหา ร่วมกันทำ มีไว้ ซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ และทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย และทรัพย์สิน โรงเรือน และสิ่งปลูกสร้างของผู้อื่นได้รับความเสียหาย หลังจากนายโมฮัมหมัด ร่วมกับพวกก่อเหตุระเบิดในซอยสุขุมวิท 71 รวม 3 จุด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ ฝากขังเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคม 2555 รวม 12
ทั้งนี้ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเกรงว่าหากได้รับการประกันตัวแล้วผู้ต้องหาอาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน โดยระเบิดมีอานุภาพร้ายแรง เกรงว่าจะเป็นภัยต่อส่วนรวม และคดีดังกล่าวมีอัตราโทษสูง
***ส่งมือบึ้มอิหร่านเข้าเรือนจำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังนั้น นายโมฮัมหมัด มีสีหน้าที่เคร่งเครียด และท่าทางอิดโรยซึ่งอาจเป็นเพราะความเครียดจากการถูกดำเนินคดี
ต่อมาเวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตฝากขังผู้ต้องหาได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายโมฮัมหมัดเข้าไปควบคุมไว้เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป
***ส่งฟ้อง"อาทริส ฮุสเซน"
วันเดียวกัน เวลา 10.00 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวน (สบ 4) กองบังคับการปราบปราม เข้าพบอัยการเพื่อส่งมอบสำนวนการสอบสวน พยานหลักฐานจำนวน 8 แฟ้ม เอกสารกว่า 3,000 หน้า และความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายอาทริส ฮุสเซน (Mr.Atris Hussein) อายุ 47 ปี ชาวเลบานอน สัญชาติเลบานอน-สวีเดน ภูมิลำเนาอยู่ที่เบรุตฮาดัท ถ.จามุส อาคารกราดิเนีย ชั้น 4 ประเทศเลบานอน ซึ่งถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ผู้ต้องหากระทำผิดมีไว้ซึ่งยุทธภัณฑ์ (แอมโมเนียไนเตรท) โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 ประกอบประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่องกำหนดชนิดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาต
***แจงหวั่นกระทบสืบสวนห้ามตร.จ้อ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกตร.แถลงถึงเหตุระเบิดดังกล่าวที่สุขุมวิท 71 ว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.สั่งการให้ตำรวจทุกนายไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุระเบิดนั้น เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการสืบสวนสอบสวนได้ ส่วนการตรวจสอบสติ๊กเกอร์คำว่า “SEJEAL” นั้น พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้ตรวจสอบแล้ว ซึ่งยังไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกัน และขอเวลาให้พนักงานสืบสวนสอบตรวจสอบก่อนอีกครั้ง
***พบอีกสติ๊กเกอร์“SEJEAL”
วานนี้(22 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบสติ๊กเกอร์ตัวอักษร “SEJEAL” ที่บริเวณหน้าโรงแรมมาดูซิ ( Ma Du Zi)ห่างจากแยกอโศกมนตรีประมาณ 200 เมตร ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตคลองเตย กทม. จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบสติ๊กเกอร์ดังกล่าวติดอยู่ที่บริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะ จำนวน 7 แผ่น นอกจากนี้ยังมีอักษรตัวหนังสือคล้ายภาษาอาหรับเขียนอยู่ที่ตู้โทรศัพท์ ซึ่งเขียนด้วยหมึกสีดำและมีลูกศรชี้ไปทางด้านซ้ายห่างจากจุดแรกออกไปประมาณประมาณ 200 เมตร ที่ตู้โทรศัพท์ ด้านหน้าตึกซีทีไอ พบสติ๊กเกอร์แบบเดียวกันติดอยู่ลักษณะเดียวกันอีกจำนวน 7 แผ่น เช่นกัน นอกจากนี้ยังพบสติ๊กเกอร์แบบเดียวกันอีกติดอยู่ที่บริเวณรั้วสังกะสี ด้านหน้าการไฟฟ้านครหลวง คลองเตยอีก 4 แผ่น
ต่อมาเวลา 14.00 น. มีผู้พบพบสติ๊กเกอร์คำว่า “SEJEAL” บริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะริมถนน หน้ามิ่งขวัญคลินิกเวชกรรม ถนนดินแดง แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ป.ป.ส.ดินแดง ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพบสติ๊กเกอร์ถูกดึงออกไปแล้วเหลือเพียงส่วนปลายของสติ๊กเกอร์ขนาดประมาณ 1.5 นิ้ว พื้นสีขาว และขอบสีดำเท่านั้น
***พบห่างสถานทูตยิวแค่ 1 กม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จุดที่พบสติ๊กเกอร์ "SEJEAL"บริเวณตู้โทรศัพท์จุดแรกนั้น ห่างจากสถานทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย อาคารโอเชี่ยน ทาว์นเวอร์ 2 ชั้น 25 ถนนสุขุมวิท 21 เพียงแค่ประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น สำหรับสติ๊กเกอร์ดังกล่าวเป็นชนิดเดียวกันที่พบภายในห้องพักของ น.ส.โรฮานี ไลลา ผู้ต้องหาชาวอิหร่านคดีเหตุระเบิด 3 จุด ซอยปรีดีพนมยงค์ ย่านสุขุมวิท 71 และใต้เบาะรถจยย.ของคนร้าย รวมทั้งที่แปะอยู่ตลอดแนวถนนเลียบทางด่วนเพลินจิตฝั่งใต้จำนวน 52 แผ่น
***นายกฯสั่งคุมเข้ม ให้"เหลิม"วิเคราะห์
ที่จ.อุดรธานี นางฐิติมา ฉายแสง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เริ่มต้นการประชุมด้วยการขอความร่วมมือเรื่องเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา และมอบให้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ดูแลประชาชน และนักท่องเที่ยว ให้ได้รับความปลอดภัยตลอดเวลา และได้มอบหมายให้ร.ต.อ.เฉลิม เชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงมาปรึกษา และวิเคราะห์ ทั้งนี้ เพื่อให้มีการบูรณาการสถานการณ์บ้านเมือง และเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูล และออกมาตรการรักษาความปลอดภัย สำหรับประชาชน และนักท่องเที่ยว นายกฯ จึงมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นหัวหน้าทีม ร่วมกับพล.อ.ยุทธ์ศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ บูรณาการงานข่าว โดยให้มีการจัดการประชุมทุกสัปดาห์
**ผบ.ทบ.สั่งกอ.รมน.เข้มการข่าว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการทำงานด้านการข่าวหลังจากมีการจับผู้ต้องหาก่อเหตุระเบิด ว่า ก็ต้องทำอย่างต่อเนื่อง และมีการย้ำเตือนมาตลอด ซึ่งกองทัพบกจะสั่งการลงไปว่า ต้องการให้เดินไปอย่างไร โดยเฉพาะภัยคุกคามในช่วงนี้มีอะไรบ้าง ดังนั้น ทุกอย่างต้องขยับเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เพื่อให้งานด้านการข่าวปรากฏ ทหารรับผิดชอบหลักในด้านการป้องกันชายแดน และงานข่าวกรองด้านการรบ คือ ข่าวที่รับมาและมาเข้าวงรอบข่าวกรอง มีการวิเคราะห์ออกมาจนเป็นผลิตผล และน่าเชื่อถือได้ก่อนจะนำไปสู่การปฏิบัติของกองกำลังตามแนวชายแดน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันกองทัพมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานของกองอำนวยรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) โดยมีศูนย์ปฏิบัติการ 6 ศูนย์รับผิดชอบภัยคุกคาม 6 อย่าง หนึ่งในนั้นมีเรื่องการป้องกันการก่อการร้ายด้วย ซึ่งกองทัพจะใช้ในลักษณะการประสานความร่วมมือการด้านการข่าว ทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจ รัฐบาล และเชื่อมต่อกับในส่วนของต่างประเทศก่อนจะนำเข้ามาสู่ประชาคมข่าวกรองมีการประเมินกันทุกสัปดาห์ ก่อนจะนำไปปฏิบัติ งานข่าวเป็นงานที่ยากต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญ มีการฝึกอบรม โดยเฉพาะหลักสูตรข่าวลับที่ต้องมีการทำงานที่ลึกลงไปมากกว่าปกติ
**"บิ๊กอ๊อด"ยังไม่รับรายงานMKOเอี่ยวบึ้ม
พล.อ.ยุธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทางการอิหร่านออกมาเปิดเผยว่า คนที่ก่อเหตุระเบิดในประเทศไทยนั้น น่าจะเป็นขบวนการประชาชนมุญาฮิดีนอิหร่าน (MKO) ว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว จึงยังไม่ทราบรายละเอียดข้อเท็จจริง คงต้องรอการรายงานสถานการณ์ให้มาถึงตนก่อน ขอทราบรายงานในเรื่องดังกล่าวก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าผู้ที่ก่อเหตุระเบิดในประเทศไทยนั้นเป็นกลุ่มขบวนการประชาชนมุญาฮิดีนอิหร่าน (MKO) ที่เป็นผู้สร้างสถานการณ์จริงหรือไม่ คงต้องขอรอดูความชัดเจนก่อน
*** อิหร่านพร้อมช่วยไทยระบุตัวผู้อยู่เบื้องหลัง
ด้านสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่ารัฐบาลอิหร่านแถลงวานนี้ (22) พร้อมให้ความช่วยเหลือระบุตัวผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดหลายจุดในไทยเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา อันนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่านหลายคน
"อิหร่านพร้อมให้ความช่วยเหลือระบุตัวผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด และนำตัวพวกเขาไปแสดงต่อประชาคมนานาชาติ เพื่อเป็นสัญญาณแห่งความสุจริตใจของเรา" รามิน เมห์มันปาราสต์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ ของทางการอิหร่าน
โฆษกรายนี้ชี้แจงต่อไปว่า คำกล่าวอ้างของอิสราเอลที่กล่าวหาอิหร่านอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีในกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ยี่ย บิดเบือนความจริงทุกประการและข้อหล่าวหาเหล่านั้นเป็นการจัดฉากของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและอิสราเอล
ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของไทยออกหมายจับผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่านรายที่ 5 ซึ่งพัวพันกับเหตุระเบิดหลายจุดที่สันนิษฐานว่าเป็นแผนลอบสังหารนักการทูตอิสราเอล โดยผู้ต้องสงสัยวัย 57 ปีรายนี้ถูกตั้งข้อหาครอบครองและผลิตวัตถุระเบิด
พลเมืองอิหร่าน 2 คน หนึ่งในนั้นสูญเสียขาทั้งสองข้างหลังพลาดทำระเบิดร่วงใส่ตนเองขณะพยายามปาใส่ตำรวจ ถูกควบคุมตัวในไทยและโดนตั้งข้อหาแล้วเช่นกัน ส่วนชายชาวอิหร่านอีกคนถูกตำรวจมาเลเซียจับกุมตัวหลังบินหลบหนีไปยังกัวลาลัมเปอร์
นอกจากนั้นยังมีสตรีชาวอิหร่านที่เป็นผู้เช่าบ้านซึ่งคาดว่าเหล่าผู้ต้องสงสัยใช้เป็นสถานที่เก็บระเบิด โดยเชื่อว่าเธอน่าจะหลบหนีกลับไปยิงอิหร่านแล้ว
ตำรวจไทยบอกว่านักการทูตอิสราเอลคือเป้าหมายของแผนโจมตีนี้ และโยงเหตุระเบิดในไทยกับความพยายามลอบสังหารนักการทูตอิสราเอลด้วยระเบิดในอินเดียและจอร์เจีย อย่างไรก็ตามเตหะรานปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
