เสร็จสิ้นไปแล้วกับ “นกขมิ้นทัวร์”ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะในการเดินสายลงตรวจพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เมื่อ 13-17 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา
เดินทางไปหลายจังหวัด โดยส่วนใหญ่ก็คือพื้นที่ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดพิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และ ปทุมธานี
เบื้องต้นมีการเคาะกันไว้ว่า งบประมาณในโครงการป้องกันน้ำท่วมในแต่ละพื้นที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)ในส่วนงบประมาณของ 10 จังหวัดต้นน้ำ มี 2,116 โครงการ วงเงิน 49,297 ล้านบาท
วงเงิน 49,297 ล้านบาท แบ่งเป็นแผนเร่งด่วน 580 โครงการ วงเงิน 10,700 ล้านบาท และแผนระยะยั่งยืนหรือระยะยาวอีก 1,900 โครงการ วงเงิน 38,500 ล้านบาท
แต่ทั้งหมดต้องรอดูรายละเอียดอีกรอบ เพราะต้องรองบก้อนใหญ่จากพระราชกำหนดกู้ยืมเงินเพื่อเตรียมการป้องกันน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งกำลังรอลุ้นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ในวันพุธที่ 22 ก.พ.นี้ หากพ.ร.ก.ขัดรัฐธรรมนูญ แผนการที่ทางกยน.วางไว้พอสมควรก็คงสะดุด
แต่ที่ไม่ต้องรอลุ้นก็คือ งบที่มีการเสนอขอระหว่างการทัวร์นกขมิ้นที่เป็นงบในส่วนของงบกลาง 1.2 แสนล้านบาทในงบรายจ่ายปี 55 ที่นายกฯรับผิดชอบ พบว่าทัวร์ดังกล่าวเห็นชอบตามที่แต่ละหน่วยราชการและแต่ละจังหวัดขอมา 117 โครงการ ใช้งบเกือบ 5 พันล้านภายใต้ชื่อ “โครงการหลักต้องเร่งดำเนินการ” หรือแฟลกชิป (Flagship)อาทิ โครงการแก้มลิง โครงการเร่งการระบายน้ำ โครงการป้องกันพื้นที่สำคัญ โครงการถนนและคมนาคม โครงการอ่างเก็บน้ำ เป็นต้น
ทัวร์นกขมิ้นจบไปแล้ว ถือว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การหาเสียงการเมืองของยิ่งลักษณ์ และที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกในสัปดาห์นี้ก็คือ การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่อุดรธานี ระหว่าง 21-22 กุมภาพันธ์ 2555
ก่อนหน้านี้ประเดิมครม.สัญจรนัดแรกที่บ้านเกิด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนัดดังกล่าว นายกฯยิ่งลักษณ์นั่งหัวโต๊ะแจกไม่อั้นก่อนตรุษจีน โดยให้ความเห็นชอบกรอบงบ 128 โครงการ วงเงินลงทุน 387,389.44 ล้านบาท ตามที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัดเสนอผ่านกระทรวงต่างๆ
แม้โครงการที่ผ่านครม.เชียงใหม่ดังกล่าวจะส่งไปให้สำนักงบประมาณและสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองอีกครั้ง แต่ก็ถือว่าเกือบทั้งหมดก็ผ่านครม.มาแล้ว อาจจะมีการปรับลดงบประมาณบ้างบางส่วน แต่หลักๆ ก็คงไม่มีใครกล้าไปตัดออกมาก เพราะทั้งสำนักงบประมาณและสภาพัฒน์ฯ ก็เป็นหน่วยงานของรัฐบาล แม้รัฐบาลจะอ้างว่าหลายโครงการที่ครม.สัญจรเชียงใหม่เห็นชอบดังกล่าวตามกรอบ 3.87 แสนล้านบาทจะอยู่ในงบฟื้นฟูน้ำท่วมหลายส่วนทั้งเงินกู้และงบรายจ่ายปี 56 ด้วย แต่ในทางการเมืองมันก็คือการอนุมัติกรอบการใช้งบทำโครงการพัฒนาจังหวัดให้กับพื้นที่เลือกตั้งภาคเหนือตอนบน ที่เป็นของเพื่อไทยนั่นเอง
ครม.สัญจรภาคเหนือ เคาะไปแล้ว 3.87 แสนล้านบาท แล้ว ครม.อีสาน เมืองหลวงคนเสื้อแดงอย่าง อุดรธานี หลายคนก็อยากรู้ว่าแล้ว ครม.ปูแดงจะสมมาคุณคนอีสานและเสื้อแดง ด้วยการจัดเต็มให้หรือไม่ ?
เพราะตอนครม.เชียงใหม่ ที่เห็นอนุมัติกรอบงบเป็นแสนล้าน รัฐบาลอาจอ้างได้ว่างบส่วนใหญ่เพื่อป้องกันและฟื้นฟูน้ำท่วมในภาคเหนือ แต่อีสาน แม้จะมีน้ำท่วมบ้างแต่ส่วนใหญ่จะแล้งเสียมากกว่า แล้วครม.ปูแดง จะเอาอะไรไปให้เป็นของขวัญชาวอีสาน ที่ผูกเสี่ยวกับเพื่อไทย-ทักษิณ ชินวัตรอย่างเหนียวแน่น จนทำให้ยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะคนอีสานเทคะแนนให้เพื่อไทย
เบื้องต้นมีข่าวว่า รอบนี้จะมีหลายโครงการใหญ่ๆ ในหลายพื้นที่ภาคอีสานไม่ใช่เฉพาะแค่อุดรธานี รอชงให้ครม.อนุมัติ โดยรูปแบบคือก่อนหน้าจะประชุมครม.สัญจร 23 ก.พ. 55 ก็จะให้รัฐมนตรีแต่ละคนลงพื้นที่ไปตรวจดูโครงการต่างๆ ก่อนตามการแบ่งกลุ่มเพื่อทำทีว่าไปติดตามดูงาน และโครงการต่างๆ ที่ทำค้างไว้แล้วอยากได้งบเพิ่มเติมหรือโครงการที่จังหวัดเสนอมาว่าสมควรจะทำ เพื่อพัฒนาจังหวัด
จากนั้นรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่ซึ่งบางจังหวัดก็เป็นรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยที่เป็นส.ส.จังหวัดนั้นๆ ที่เป็นคนลงไปดูโครงการ เข้าทำนอง “ดูเอง-ชงเอง” คือไปดูเป็นพิธีแล้วก็นำเสนอต่อครม.ว่าเห็นควรให้อนุมัติโครงการหรืออนุมัติงบเพิ่มเติมมากน้อยแค่ไหนจากที่เคยได้รับ
พบว่า มีการเตรียมการแบ่งโซนพื้นที่รัฐมนตรีลงดูโครงการแล้วเสนอความเห็นเข้าครม.ออกเป็น ภาคอีสานตอนบน 1คือ อุดรธานี หนองบัวลำภู หนองคาย เลย บึงกาฬ ,อีสานตอนบน 2คือ มุกดาหาร สกลนคร นครพนม ,อีสานตอนกลาง คือขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์
เช่น ที่จ.ร้อยเอ็ด ก็มี ศักดา คงเพชร ที่นอกจากเป็นรมช.ศึกษาธิการแล้วก็ยังเป็นส.ส.ร้อยเอ็ดหลายสมัย ก็จะไปติดตามดูโครงการในจังหวัดตัวเองเช่น โครงการบริหารจัดการน้ำนอกเขตพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้และนอกเขตลุ่มน้ำชี ของกรมชลประทาน งบ 150 ล้านบาท อันเป็นโครงการใหม่ที่ยังไม่เคยมีการทำมาก่อน แต่รอเห็นชอบจากครม.สัญจรพุธนี้ เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาโครงข่ายเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัด ของสำนักงานบำรุงทางร้อยเอ็ด งบ 3,889 ล้านบาท ในอำเภอเกษตรวิสัย ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่รอรับการสนับสนุนในการประชุมครม.สัญจรพุธนี้อีกเช่นกัน
ส่วนจ.อุดรธานี จังหวัดที่จะใช้ประชุมครม.และเป็นเสมือนเมืองหลวงคนเสื้อแดง ซึ่งส.ส.เพื่อไทยชนะเลือกตั้งยกจังหวัด ก็มีโครงการรอชงเข้าครม.หลายโครงการอาทิ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บและการระบายน้ำเขื่อนห้วยหลวง อำเภอเมือง งบ 572 ล้านบาท,โครงการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวคำชะโนด อำเภอบ้านดุง งบ 1,024 ล้านบาท ,โครงการปรับปรุงพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะ ในพื้นที่แยกถนนมิตรภาพ-บ้านผือ-น้ำโสม-นายูง-วัดป่านาคำน้อย งบประมาณ 1,088 ล้านบาท เป็นต้น
แม้จะเป็นการรอชงเรื่องเข้าครม.เห็นชอบ ซึ่งอาจจะได้หรือไม่ได้ เสนอไปอาจได้ไม่ครบ หรือไม่ได้เลย ของแบบนี้ก็ยังไม่รู้ ต้องรอการประชุมครม.วันพุธนี้ก่อนว่าจะเอาอย่างไร แต่ตั้งเรื่องรอเสริฟให้ยิ่งลักษณ์จัดเต็มแบบนี้ คงไม่พลาดแน่นอนแม้อาจได้ไม่ครบหมดทุกจังหวัดตามที่ขอ
แต่การได้สัญจรมาประชุมกันในจังหวัดพื้นที่สำคัญของเพื่อไทยอย่างอุดรธานี แล้วมีข่าวว่าครม.เห็นชอบการพัฒนาจังหวัดภาคอีสานออกมาเป็นจำนวนมาก แค่นี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ตีกิน โกยคะแนนคนอีสานไปเพียบแล้ว
เดินทางไปหลายจังหวัด โดยส่วนใหญ่ก็คือพื้นที่ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดพิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และ ปทุมธานี
เบื้องต้นมีการเคาะกันไว้ว่า งบประมาณในโครงการป้องกันน้ำท่วมในแต่ละพื้นที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)ในส่วนงบประมาณของ 10 จังหวัดต้นน้ำ มี 2,116 โครงการ วงเงิน 49,297 ล้านบาท
วงเงิน 49,297 ล้านบาท แบ่งเป็นแผนเร่งด่วน 580 โครงการ วงเงิน 10,700 ล้านบาท และแผนระยะยั่งยืนหรือระยะยาวอีก 1,900 โครงการ วงเงิน 38,500 ล้านบาท
แต่ทั้งหมดต้องรอดูรายละเอียดอีกรอบ เพราะต้องรองบก้อนใหญ่จากพระราชกำหนดกู้ยืมเงินเพื่อเตรียมการป้องกันน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งกำลังรอลุ้นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ในวันพุธที่ 22 ก.พ.นี้ หากพ.ร.ก.ขัดรัฐธรรมนูญ แผนการที่ทางกยน.วางไว้พอสมควรก็คงสะดุด
แต่ที่ไม่ต้องรอลุ้นก็คือ งบที่มีการเสนอขอระหว่างการทัวร์นกขมิ้นที่เป็นงบในส่วนของงบกลาง 1.2 แสนล้านบาทในงบรายจ่ายปี 55 ที่นายกฯรับผิดชอบ พบว่าทัวร์ดังกล่าวเห็นชอบตามที่แต่ละหน่วยราชการและแต่ละจังหวัดขอมา 117 โครงการ ใช้งบเกือบ 5 พันล้านภายใต้ชื่อ “โครงการหลักต้องเร่งดำเนินการ” หรือแฟลกชิป (Flagship)อาทิ โครงการแก้มลิง โครงการเร่งการระบายน้ำ โครงการป้องกันพื้นที่สำคัญ โครงการถนนและคมนาคม โครงการอ่างเก็บน้ำ เป็นต้น
ทัวร์นกขมิ้นจบไปแล้ว ถือว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การหาเสียงการเมืองของยิ่งลักษณ์ และที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกในสัปดาห์นี้ก็คือ การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่อุดรธานี ระหว่าง 21-22 กุมภาพันธ์ 2555
ก่อนหน้านี้ประเดิมครม.สัญจรนัดแรกที่บ้านเกิด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนัดดังกล่าว นายกฯยิ่งลักษณ์นั่งหัวโต๊ะแจกไม่อั้นก่อนตรุษจีน โดยให้ความเห็นชอบกรอบงบ 128 โครงการ วงเงินลงทุน 387,389.44 ล้านบาท ตามที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัดเสนอผ่านกระทรวงต่างๆ
แม้โครงการที่ผ่านครม.เชียงใหม่ดังกล่าวจะส่งไปให้สำนักงบประมาณและสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองอีกครั้ง แต่ก็ถือว่าเกือบทั้งหมดก็ผ่านครม.มาแล้ว อาจจะมีการปรับลดงบประมาณบ้างบางส่วน แต่หลักๆ ก็คงไม่มีใครกล้าไปตัดออกมาก เพราะทั้งสำนักงบประมาณและสภาพัฒน์ฯ ก็เป็นหน่วยงานของรัฐบาล แม้รัฐบาลจะอ้างว่าหลายโครงการที่ครม.สัญจรเชียงใหม่เห็นชอบดังกล่าวตามกรอบ 3.87 แสนล้านบาทจะอยู่ในงบฟื้นฟูน้ำท่วมหลายส่วนทั้งเงินกู้และงบรายจ่ายปี 56 ด้วย แต่ในทางการเมืองมันก็คือการอนุมัติกรอบการใช้งบทำโครงการพัฒนาจังหวัดให้กับพื้นที่เลือกตั้งภาคเหนือตอนบน ที่เป็นของเพื่อไทยนั่นเอง
ครม.สัญจรภาคเหนือ เคาะไปแล้ว 3.87 แสนล้านบาท แล้ว ครม.อีสาน เมืองหลวงคนเสื้อแดงอย่าง อุดรธานี หลายคนก็อยากรู้ว่าแล้ว ครม.ปูแดงจะสมมาคุณคนอีสานและเสื้อแดง ด้วยการจัดเต็มให้หรือไม่ ?
เพราะตอนครม.เชียงใหม่ ที่เห็นอนุมัติกรอบงบเป็นแสนล้าน รัฐบาลอาจอ้างได้ว่างบส่วนใหญ่เพื่อป้องกันและฟื้นฟูน้ำท่วมในภาคเหนือ แต่อีสาน แม้จะมีน้ำท่วมบ้างแต่ส่วนใหญ่จะแล้งเสียมากกว่า แล้วครม.ปูแดง จะเอาอะไรไปให้เป็นของขวัญชาวอีสาน ที่ผูกเสี่ยวกับเพื่อไทย-ทักษิณ ชินวัตรอย่างเหนียวแน่น จนทำให้ยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะคนอีสานเทคะแนนให้เพื่อไทย
เบื้องต้นมีข่าวว่า รอบนี้จะมีหลายโครงการใหญ่ๆ ในหลายพื้นที่ภาคอีสานไม่ใช่เฉพาะแค่อุดรธานี รอชงให้ครม.อนุมัติ โดยรูปแบบคือก่อนหน้าจะประชุมครม.สัญจร 23 ก.พ. 55 ก็จะให้รัฐมนตรีแต่ละคนลงพื้นที่ไปตรวจดูโครงการต่างๆ ก่อนตามการแบ่งกลุ่มเพื่อทำทีว่าไปติดตามดูงาน และโครงการต่างๆ ที่ทำค้างไว้แล้วอยากได้งบเพิ่มเติมหรือโครงการที่จังหวัดเสนอมาว่าสมควรจะทำ เพื่อพัฒนาจังหวัด
จากนั้นรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่ซึ่งบางจังหวัดก็เป็นรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยที่เป็นส.ส.จังหวัดนั้นๆ ที่เป็นคนลงไปดูโครงการ เข้าทำนอง “ดูเอง-ชงเอง” คือไปดูเป็นพิธีแล้วก็นำเสนอต่อครม.ว่าเห็นควรให้อนุมัติโครงการหรืออนุมัติงบเพิ่มเติมมากน้อยแค่ไหนจากที่เคยได้รับ
พบว่า มีการเตรียมการแบ่งโซนพื้นที่รัฐมนตรีลงดูโครงการแล้วเสนอความเห็นเข้าครม.ออกเป็น ภาคอีสานตอนบน 1คือ อุดรธานี หนองบัวลำภู หนองคาย เลย บึงกาฬ ,อีสานตอนบน 2คือ มุกดาหาร สกลนคร นครพนม ,อีสานตอนกลาง คือขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์
เช่น ที่จ.ร้อยเอ็ด ก็มี ศักดา คงเพชร ที่นอกจากเป็นรมช.ศึกษาธิการแล้วก็ยังเป็นส.ส.ร้อยเอ็ดหลายสมัย ก็จะไปติดตามดูโครงการในจังหวัดตัวเองเช่น โครงการบริหารจัดการน้ำนอกเขตพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้และนอกเขตลุ่มน้ำชี ของกรมชลประทาน งบ 150 ล้านบาท อันเป็นโครงการใหม่ที่ยังไม่เคยมีการทำมาก่อน แต่รอเห็นชอบจากครม.สัญจรพุธนี้ เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาโครงข่ายเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัด ของสำนักงานบำรุงทางร้อยเอ็ด งบ 3,889 ล้านบาท ในอำเภอเกษตรวิสัย ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่รอรับการสนับสนุนในการประชุมครม.สัญจรพุธนี้อีกเช่นกัน
ส่วนจ.อุดรธานี จังหวัดที่จะใช้ประชุมครม.และเป็นเสมือนเมืองหลวงคนเสื้อแดง ซึ่งส.ส.เพื่อไทยชนะเลือกตั้งยกจังหวัด ก็มีโครงการรอชงเข้าครม.หลายโครงการอาทิ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บและการระบายน้ำเขื่อนห้วยหลวง อำเภอเมือง งบ 572 ล้านบาท,โครงการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวคำชะโนด อำเภอบ้านดุง งบ 1,024 ล้านบาท ,โครงการปรับปรุงพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะ ในพื้นที่แยกถนนมิตรภาพ-บ้านผือ-น้ำโสม-นายูง-วัดป่านาคำน้อย งบประมาณ 1,088 ล้านบาท เป็นต้น
แม้จะเป็นการรอชงเรื่องเข้าครม.เห็นชอบ ซึ่งอาจจะได้หรือไม่ได้ เสนอไปอาจได้ไม่ครบ หรือไม่ได้เลย ของแบบนี้ก็ยังไม่รู้ ต้องรอการประชุมครม.วันพุธนี้ก่อนว่าจะเอาอย่างไร แต่ตั้งเรื่องรอเสริฟให้ยิ่งลักษณ์จัดเต็มแบบนี้ คงไม่พลาดแน่นอนแม้อาจได้ไม่ครบหมดทุกจังหวัดตามที่ขอ
แต่การได้สัญจรมาประชุมกันในจังหวัดพื้นที่สำคัญของเพื่อไทยอย่างอุดรธานี แล้วมีข่าวว่าครม.เห็นชอบการพัฒนาจังหวัดภาคอีสานออกมาเป็นจำนวนมาก แค่นี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ตีกิน โกยคะแนนคนอีสานไปเพียบแล้ว
