ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เป็นอันเสร็จพิธีสำหรับการแต่งตั้งประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ที่ได้มีการประชุมเพื่อเลือกประธานกลุ่มนปช. แทน นางธิดา ถาวรเศรษฐ ซึ่งเป็นรักษาการ ประธาน นปช. เพราะที่สุดแล้วก็ยังคงเป็น "ธิดาแดง" เจ้าเก่าที่ยังครองตำแหน่งเป็นอย่างเอกฉันท์ เนื่องจากไม่มีผู้เสนอตัวเข้าแข่งขัน
สำหรับนางธิดาต้องถือว่านอนมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการเลือกอย่างเป็นทางการเช่นกัน และการได้มาครองตำแหน่งประธานนปช.ก็เรียกได้ว่ากินบุญเก่ามาพอสมควรเช่นกัน เพราะว่ากันว่า เหตุผลของแกนนำเสื้อแดงส่วนใหญ่เทใจให้นั้น ดูจะเป็นไปในทางเดียวกันทำนองว่า ช่วงที่นางธิดาเป็นรักษาการประธาน นปช. กลุ่มคนเสื้อแดงถูกรุก ไล่ล่า แกนนำติดคดีก่อการร้าย ถูกขังจำคุก และหลบหนีต่างประเทศนับเป็นช่วงวิกฤตที่สุดแต่ภายใต้การนำของนางธิดาเป็นไปด้วยความแข็งแรงและมั่นคงทุกนโยบายและการควบคุมเป็นที่ยอมรับของคนเสื้อแดง รวมทั้งฝ่ายตรงข้าม ทำให้แกนนำ นปช.ซาบซึ้งในศักยภาพของนางธิดา แม้จะมีบางคนวิพากษ์วิจารณ์ แต่สมาชิกส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่านางธิดามีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม ดูแลกลุ่มเสื้อแดงได้เป็นอย่างดี คนทุกกลุ่มยอมรับ
อย่างไรก็ตาม อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าแกนนำคนเสื้อแดงเองก็แย่งกันชิงนำกันเองขนาดไหน ซึ่งจะว่าไปแล้วประธาน นปช.นั้น ถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีบทบาทสำคัญ เพราะเป็นตัวชูโรงในการเคลื่อนไหวในแต่ละครั้ง แถมยังเหมือนเป็นผู้นำคนเสื้อแดงทั้งหลายทั้งแหล่อีกต่างหาก เรียกว่ามีอำนาจเต็ม คุมมวลชนครั้งละจำนวนมากๆ ขนาดนี้ แล้วใครเหล่าจะไม่อยากเป็นจ่าฝูงเสื้อแดงตัวจริง
ดังนั้น อย่าได้แปลกใจอีกเช่นกันหากจะมีหน้าเดิมๆ ที่ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบนางธิดา ออกมาฟาดงวงฟาดงา อย่าง 2 คู่หู "ชินวัฒน์ หาบุญพาด และนายขวัญชัย ไพรพนา ที่ดาหน้าวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกสนานเลยทีเดียว
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำคนเสื้อแดง และที่ปรึกษา รมว.คมนาคม ประกาศด้วยความแข็งกร้าวว่า ไม่ยอมรับการเลือกตั้งประธานนปช.ครั้งนี้ เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย เหมือนล็อกสเปกไว้ ไม่เปิดโอกาส ให้คนอื่นเข้ามา ไม่ต่างจากเผด็จการเสียเอง ทำให้มวลชนคลางแคลงใจ เกิดผลเสียต่อองค์กรในที่สุด
“ก่อนหน้านี้มีคนมาเล่าว่าจะมีการยึดอำนาจ จึงต้องตั้งประธานนปช. แต่ขอถามว่าระหว่างประธาน นปช.ตัวจริงกับรักษาการ มันแตกต่างกันตรงไหน หรือเมื่อเกิดยึดอำนาจแล้วคนจะเชื่อประธานตัวจริงมากกว่าอย่างนั้นหรือ อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังเป็นคนเสื้อแดงเหมือนเดิม ไม่ทำลายองค์กรเด็ดขาด กิจกรรมถ้ามีก็ทำ แต่ผมจะทำในส่วนของตัวเอง”นายชินวัฒน์ระบายอารมณ์ด้วยความคับแค้นใจ
เช่นเดียวกับ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ ก็ออกมาถล่มดอกสองทันควันว่า “เป็นไปตามโผก่อนหน้านี้ ถึงอย่างไรก็ต้องออกมาในรูปนี้ คนใต้ก็ต้องเลือกคนใต้ด้วยกัน ไม่ไหว นางธิดาเป็นนักวิชาการ ไม่ค่อยรู้เรื่อง หลังจากนี้ชมรมคนรักอุดรฯ และกลุ่มชมรมคนรักอีสาน 20 จังหวัด จะทำกิจกรรมทางการเมืองในพื้นที่เท่านั้น ไม่ไปร่วมกับกลุ่ม นปช. รวมทั้งที่ นปช.จะจัดกิจกรรมชุมนุมใหญ่กันในวันที่ 25 ก.พ. ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ ก็จะไม่ไปร่วม หากมีคนมาชุมนุมเกิน 1 แสนคน ผมจึงจะยอมรับว่า นปช.ยังขลังอยู่ จุดประสงค์ของตนคือเดินหน้าไปกับรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เพื่อให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้กลับเข้าประเทศเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผมจะร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ด้วยเหตุผลเดียว คือเมื่อทหารตบเท้าออกมาปฏิวัติ”
ขณะเดียวกัน หากจะบอกว่าเป็นสงครามย่อยๆ ในกลุ่มคนเสื้อแดงกันเองก็ไม่น่าจะผิดเพี้ยน เพราะเพียงข้ามวัน นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ โฆษกกระทรวงมหาดไทย หนึ่งในแกนนำเสื้อแดง ก็ได้ออกมากระซวกกลับ 2 คู่หูอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน
“ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ความคิดเห็นของพี่ทั้งสองคน แต่การเลือกตั้งถือเป็นมติส่วนใหญ่ในที่ประชุม นปช. ถ้าอยู่ในระบอบนี้แล้วไม่รับหลักเกณฑ์ ก็ไม่รู้จะวิจารณ์อะไร เพียงแต่เสียใจอยู่เรื่องเดียวในกรณีที่นายขวัญชัยพูดว่า เป็นไปตามโผ คนใต้ก็ต้องเลือกคนใต้ด้วยกัน รวมทั้งบอกว่าไม่ไหว คำพูดของนายขวัญชัยคำนี้ กระทบแรงมากต่อจิตใจของพวกเรา อยากถามกลับนายขวัญชัยว่าแกนนำ นปช. 30 กว่าคนที่เลือกตั้งในวันนั้น มีคนใต้เพียงแค่ 6 คนเท่านั้น คือตน นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ รักษาการ โฆษก นปช. และนายยศวริศ ชูกล่อม มาใช้คำว่าคนใต้ก็ต้องเลือกคนใต้ คิดว่าไม่มีวุฒิภาวะพอในการพูดจาหน้าสื่อ”
“อยากถามนายขวัญชัยว่าตอนที่ติดคุก ปัญหาเรื่องรถ เรื่องที่ดิน ไม่ใช่คนใต้อย่างนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ หรอกหรือที่เป็นคนเคลียร์ ส่วนเรื่องข้าวปลาอาหารน้ำดื่มตอนอยู่ในคุก ไม่ใช่เพราะคนใต้อย่างนางธิดาและนางสิริสกุล ใสยเกื้อ ภรรยานายณัฐวุฒิหรอกหรือ ที่ส่งข้าวส่งน้ำมาให้กินทุกวัน ส่วนกรณีที่วันที่ 25 ก.พ.นี้ที่นายขวัญชัยประกาศว่าคนอุดรและพี่น้องชาวอีสานอีก 20 จังหวัด จะไม่มาร่วมชุมนุมที่โบนันซ่า เขาใหญ่ ก็เป็นเรื่องที่นายขวัญชัยพูดได้ แต่นายขวัญชัยไม่ใช่เจ้าของชีวิตคนเหล่านั้น ทุกคนที่เป็นเสื้อแดงไม่ได้เป็นเสื้อแดงเพราะแกนนำ”นายพิพัฒน์ชัยจวกกลับ
อย่างไรก็ดี หากจะย้อนกลับไปในห้วงที่นางธิดาเป็นรักษาการประธาน ก็มีการขัดใจกันเป็นระยะๆ ระหว่างแกนนำด้วยกันที่เห็นว่านางธิดา มีท่าทีที่แข็งกร้าว เผด็จการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จในการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นกรณีของนายชินวัฒน์ ก็ถึงกับเคยทิ้งระเบิดออกมาบอกว่า เอือมระอากับการที่นางธิดา ทำตัวเป็นเจ้าของ นปช.
ทั้งนี้ ปัญหาความแตกแยกในขบวน นปช. จะว่าไปแล้วส่วนหนึ่งเพราะต่างคนต่างมีมวลชนของตัวเอง และถือว่าเป็นสายตรง นช.ทักษิณไม่จำเป็นต้องตกอยู่ใต้แกนนำด้วยกัน กรณีที่เห็นชัดเจนก็คงเป็นนายขวัญชัยที่ปักหลักคุมเมืองหลวงเสื้อแดงในภาคอีสาน แยกไปตั้งกลุ่มตัวเองในนาม “แดงอีสาน 21 จังหวัด” ไม่ขอขึ้นตรงกับ นปช.ใหญ่ และต้องยอมรับว่า คนเสื้อแดงประกอบด้วยคนหลากหลายกลุ่มที่เป็นคนจำนวนมาก แถมยังถูกแยกออกเป็นก๊ก เป็นเหล่าตามแกนนำอีกละคนอีกต่างหาก
และดูเหมือน นายจตุพร พรหมพันธุ์ จะทราบรอยร้าวดังกล่าวเป็นอย่างดีว่ามีความระหองระแหงกันเองของคนเสื้อแดงมากเพียงใด ถึงกับต้องสวมบทเจ้าพ่อโรงงานน้ำแข็ง ปั้นน้ำเป็นตัวออกมากุข่าวปฏิวัติ สร้างนิทานหลอกเด็กไปวันๆ เสียยกใหญ่ ว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกสั่นคลอน แต่ในความเป็นจริงอีกด้านหนึ่งก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มคนเสื้อแดงเองที่มีสภาวะไม่ค่อยชอบมาพากลเสียมากกว่า แถมบรรยากาศช่วงนี้ก็ไม่ค่อยจะดูดีอีกเสียด้วย
ที่ต้องขีดเส้นใต้ก็คือ ไม่เว้นแม้แต้คนเสื้อแดงเองด้วยซ้ำก็ยังมีรอยร้าวอยู่ไม่น้อยไปกว่าแกนนำเสื้อแดงเช่นกัน ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 112 นั้นเอง ที่ถือว่าสร้างความแตกแยกให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงแบบเต็มๆ ขนาดที่ว่ากันว่า คนเสื้อแดงยังมีจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์แบบเสียๆ หายๆ ด้วยซ้ำว่า ทำไมถึงไม่ถือหางกลุ่มนิติราษฏร์ ในการเดินหน้าให้แก้ไข มาตรา 112 ซึ่งถือว่าเป็นธงนำ ประเด็นหลักในการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่แกนนำเสื้อแดงได้ฝังหัวไว้มานมนานแล้ว
นี่กระมัง ที่ทำให้นายจตุพรต้องออกมาเป็นคนประสานรอยร้าวไม่ให้แตกแยกไปมากกว่านี้ ฉะนั้น การที่อยู่ดีๆ ก็ออกมาปูดประเด็นกระตุกต่อมเกลียดปฏิวัติ จึงเป็นการเรียกน้ำย่อย กระตุ้นให้คนเสื้อแดงฮึกเหิม โดยหวังใช้ความหวาดระแวงเป็นตัวตั้ง ให้กลับมารวมกลุ่มไม่เกิดการสั่นคลอนอย่างที่ผ่านมา
แปลไทยเป็นไทยก็คือ สร้างประเด็นการเมืองให้มีอะไรเล่นกับคนเสื้อแดงเท่านั้นเอง
และยิ่งเมื่อประกอบจิ๊กซอว์จะมีการจัดงานเลี้ยงใหญ่คนเสื้อแดง ซึ่งนับว่าเป็นการอุ่นเครื่องมวลชนคนเสื้อแดงครั้งแรกนับแต่เป็นรัฐบาล คือ ชุมนุมใหญ่ในรูปแบบฟังคอนเสิร์ตที่โบนันซ่า จ.นครราชสีมา ในวันที่ 25 ก.พ. เพื่อปลุกคนเสื้อแดงซักซ้อมสู่การขับเคลื่อนที่จะมีขึ้นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ นช.ทักษิณ ต้องการอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็จะถือว่าเช็คเรทติ้ง ของคนเสื้อแดงไปในตัวอีกด้วย ว่ายังเหนียวแน่นอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า หลังจากคนเสื้อแดง ออกอาการหัวเสียจากการที่แกนนำตัวเป้ง อย่างนายจตุพร นายณัฐวุฒิ พลิกลิ้นชนิดที่คนเสื้อแดงแทบหัวใจวาย ซ้ำร้ายล่าสุดยังสวมบทปรองดองกับ "อำมาตย์" กลุ่มคนที่เขาเคยด่าไล่เทสาดเสียกันมานับครั้งไม่ถ้วนอีกต่างหาก
ย้อนกลับไปในส่วนของธิดาแดงนั้น จะว่าไปแล้ว ก็ต้องถือว่าเป็นสัญลักษณ์ด้านตรงข้ามของกลุ่มอำมาตย์ และถือเป็นหัวหอกคนสำคัญในการสนับสนุนให้แก้ไขมาตรา 112 อีกต่างหาก โดยหลังจากนี้ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ว่า คงจะต้องเล่นบทลดโทนการโจมตีอำมาตย์ลงอีกเช่นกัน รวมไปถึงการแก้ไข มาตรา 112 ด้วย เพราะจะว่าไปแล้ว บุคคลที่ถือหางธิดาแดงให้มาเป็นจ่าฝูงของคนเสื้อแดงได้ ก็หนีไม่พ้นการดันจาก "เดอะตู่"นี่เอง ฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจนักหากต่อไปจะเห็นบทบาทก้าวร้าวของ "ธิดาแดง" ที่อาจเปลี่ยนไป ซึ่งหมากเกมต่อไปที่ นช.ทักษิณ วางไว้ให้แกนนำเสื้อแดงก็คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อฟอกผิดตัวเองให้ได้กลับประเทศแบบไม่มีความผิดตัวตัวซึ่งต้องอาศัยการหนุนของคนเสื้อแดงอีกอยู่วันยังค่ำ
ดังนั้น ความจริงอันโหดร้ายจึงหนีไม่พ้นคนเสื้อแดงตาดำๆ ที่ยังคงต้องถูกหลอกใช้ให้ออกมาตากแดด ตากลม ในภารกิจต่างๆนานา เพื่อ นช.ทักษิณ ในการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้คนเสื้อแดงจะยังทำใจได้หรือยังที่แกนนำเสื้อแดง พลิกลิ้นไปจูบปากกับอำมาตย์
คำตอบลางๆ ก็คงพอจะเห็นได้ในงานใหญ่ ของคนเสื้อแดงที่กำลังจะถึงอีกไม่กี่วัน ซึ่งมาถึงวันนี้คงต้องกล่าวว่ารอยร้าวของคนเสื้อแดงได้ลุกลามไปตั้งแต่หัวยันหางเรียบร้อยโรงเรียน นปช.แล้ว