ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ดูจะเป็นสัปดาห์ที่คึกคักของเหล่าแกนนำเสื้อแดงอีกครั้ง เมื่อล่าสุดได้มีการจัดประชุมกันที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งที่บ้านท่าด่าน จังหวัดนครนายก เพื่อระดมสมองหารือกันถึงทิศทางการย่ำยีประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 หรือจะเป็น “การเล่านิทานหลอกเด็ก” ที่พวกเขาอ้างว่าได้มาจากสำนักข่าวกรองของสหรัฐฯว่ามีขบวนการล้มรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ได้ก่อนเดือนเมษายน
และที่เป็นจับตาคงหนีไม่พ้น การจะแต่งตั้งประธาน นปช. คนใหม่ จากเดิมที่มี ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ทำหน้าที่รักษาการประธานอยู่ ซึ่งที่ประชุมว่ากันว่าจะมีข้อสรุปเรื่องการเลือกตั้งประธาน นปช. และโฆษกของ นปช.อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีกำหนดในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ นอกจากนั้นแล้วในวันที่ 25 ก.พ. ยังมีฟรีคอนเสิร์ตใหญ่ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ ครั้งที่ 3 โดยใช้ชื่องานว่า "หยุดรัฐประหาร เปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญ" งานจะเริ่มตั้งแต่เที่ยงวันของวันที่ 25 ก.พ.จนถึง 06.00 น. วันที่ 26 ก.พ.อีกต่างหาก
ทั้งนี้ อีกนัยหนึ่งถ้าพูดถึงการหวังผลทางการเมืองก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่เป็นการส่งสัญญาณบางอย่างให้กับสาวกคนเสื้อแดงอีกครั้ง และคงต้องบอกว่าอีกครั้งว่าการเดินเกมของคนเสื้อแดงคงหนีไม่พ้น นช.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้กดปุ่มอยู่เบื้องหลังอีกวันยังค่ำ และเชื่อได้เลยว่าคงจะเป็นบุคคลที่ นช.ทักษิณ สามารถสั่งการได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเวลานี้ก็มีคนที่กำลังแสดงบทบาทนำให้โดดเด่นหลายต่อหลายคน
ไม่ว่าจะเป็นนายจตุพร พรหมพันธุ์ หรือจะเป็นนายขวัญชัย ไพรพนา
แต่ในที่สุดไม่ว่าจะได้ใครมาเป็น “หัวโจก” คนใหม่หลักการก็คือ ต้องเป็นคนที่ นายใหญ่ดูไบชี้นิ้วสั่งให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้
และยิ่งหากนำการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยมาเป็นจิ๊กซอว์ด้วยแล้ว ก็จะยิ่งเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทางแกนนำเสื้อแดงก็ได้ส่งร่างแก้ฉบับ นปช.ประกบคู่กันเรียบร้อยโรงเรียนชินวัตรแล้วด้วยซ้ำ
นี่คือคำตอบว่าทำไมถึงต้องมีการจัดแถวระดับหัวโจกคนเสื้อแดงเสียใหม่ให้เข้าที่เข้าทาง เพราะกำลังมีภารกิจสำคัญที่ต้องอาศัยคนเสื้อแดงสำคัญหลายอย่าง อาทิ การเคลื่อนไหวด้านมวลชนนอกสภาเพื่อเดินคู่ขนานกันไปกับในสภาโดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อเนื่องไปจนถึงการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ที่กำลังจะตามมา การเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม หรือ พ.ร.บ.ปรองดอง โดยทั้งหมดนี้ มีปลายทางเพื่อทำลายล้างกฎหมาย และล้มล้างคดีเพื่อช่วยเหลือ นช.ทักษิณ ให้ได้โดยไวเท่านั้นเอง
เพราะความจริงอันโหดร้ายก็คือ สภาพของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เริ่มอ่อนเปลี้ยลงทุกวันจากฝีมือบริหารประเทศชนิดบรมห่วยของตัวเอง ดังนั้น จึงต้องมีมวลชนคอยค้ำยันเอาไว้ หรือหากเกิดเหตุไม่คาดหมายต้องเผชิญหน้ากับกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของนิติราษฎร์ที่อาจบานปลายทุกเมื่อ ก็สามารถเป่านกหวีดออกมาชนได้ตลอดเวลา เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดี อีกด้านหนึ่งก็น่าสงสารปนสมเพชคนเสื้อแดงไม่น้อยเช่นกันที่ยังคงหูเบาหลงเชื่อในคำโกหกพกลมของเหล่าแกนนำเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย ที่คอยหลอกใช้ว่าให้ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ซึ่งที่ผ่านมาแท้จริงแล้วก็ไม่ได้ต่างจากการต่อสู้เพื่อตระกูลชินวัตร แต่ก็ยังไม่วายถูกหลอกใช้ให้ออกมาเสียเวลา ตากแดด ตากลม เจ็บแทน ตายแทน อยู่ทุกครั้งที่ นช.ทักษิณ ต้องการกำลังด้านมวลชน มาต่อรองอำนาจทางการเมือง
ทั้งนี้ ความจริงอันโหดร้ายที่จะต้องพูดถึงก็คือ ฝันหวานที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมจะประเคนเงินโบนัสเผาเมือง ตกรายละ 7.75 ล้านบาท มาถึงวันนี้มันก็ไม่แน่นอนแล้วว่า จะได้ตามจริงอย่างที่รัฐบาลดีแต่โม้ไว้หรือไม่
นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเยียวยาทางแพ่ง และฟื้นฟูด้วยวิธีการอื่น กล่าวถึงหลักเกณฑ์จ่ายเงินชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมืองว่า จะประชุมคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองช่วงก่อนเกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 จนถึงเดือน พ.ค. 2553 คาดว่า จะได้ข้อสรุปถึงหลักเกณฑ์การเยียวยาว่า กลุ่มไหนจะได้เท่าไหร่ อย่างไร จากนั้นจะสรุปผลให้นายยงยุทธวิชัยดิษฐ รองนายกฯ เห็นชอบ
"เนื่องจากเป็นข้อถกเถียงในเวลาการทำงานของเรา ที่สังคมมีข้อวิพากษ์อยู่โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และทุพพลภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ ต้องตรวจสอบว่ามีสถานะทางคดีอยู่ หรือถูกตรวจสอบอะไรหรือไม่ และคดีที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมอยู่ในขั้นตอนใด ซึ่งทางคณะกรรมการได้เน้นย้ำให้มีการค้นหาข้อมูลโดยเร็วเพื่อความชัดเจน จากตัวเลขข้างต้นของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ ขณะนี้มีจำนวน 2,000 ราย และตนคิดว่าไม่ใช่ทั้ง 2,000 ราย ที่มีสถานะทางคดี หรือเกี่ยวข้องทางคดีอาญาทั้งหมด จึงต้องขอเวลาหาข้อมูลที่ชัดเจน"
ทั้งนี้ แปลไทยเป็นไทยก็คือ พวกที่ติดคดีอยู่ก็จะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินที่ รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้โม้ไว้ ด้วยซ้ำ นอกจากนี้จะว่าไปแล้วคงต้องกล่าวความจริงสำหรับสาวกคนเสื้อแดงที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ยอมเปิดเผยความจริงก็คือ ถึงแม้ว่าคณะทำงานของนายธงทองจะสำเร็จลุล่วงไปแล้ว แต่ก็อาจไปเจอตอยักษ์ที่ว่า กรณีเสื้อแดงเสียชีวิตอาจเกิดปัญหาไม่สามารถเบิกจ่ายได้
ว่ากันว่า มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อนุมัติวงเงิน 2 พันล้านบาทเพื่อเยียวยาผู้เสียชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากทางการเมือง รายละ 7.75 ล้านบาท ซึ่งคณะอนุกรรมการเยียวทางแพ่งและฟื้นฟู เพื่อเบิกจ่ายต่อไปนั้นกรณีดังกล่าวอาจเกิดปัญหาไม่สามารถเบิกจ่ายได้ เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายรองรับ ดังเช่นที่มีข่าวเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินจากกรมบัญชีกลาง
แต่อย่างไรก็ตาม งานนี้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ เองก็ปิดข่าว ปิดปากเงียบสนิท เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะหากคนเสื้อแดงรู้ความจริงอันโหดร้ายเข้าไปก็คงต้องบอกว่าดูไม่จืดแค่ไหน และมีสิทธิ์จะฝันสลายตอนจบเอาดื้อๆ
เพราะตามขั้นตอนก็คือ กรณีการนำเงินภาษีของประชาชนทั้งประเทศมาจ่ายกลุ่มคนเสื้อแดง ถ้าจะทำได้นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะต้องทำหนังสือพร้อมลายเซ็นมาเป็นลายลักษณ์อักษรให้กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังจ่ายเงิน หรือไม่ก็บรรจงจดลายเซ็นของตนเองเพื่อนำงบกลางอันเป็นอำนาจโดยตรงของนายกรัฐมนตรีมาแจกให้กับคนเสื้อแดง
และจนแล้วจนรอด ก็ยังไม่ปรากฏว่า จะมีการดำเนินการตามช่องทางที่ควรจะเป็นเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น อย่าได้แปลกใจเลย หากจะได้เห็น นายธงทอง จันทรางศุ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่ง เล่นบทซื้อเวลา ด้วยข้ออ้างรอคดีที่ติดตัวคนเสื้อแดงได้ข้อยุติเสียก่อน
ที่สำคัญคือ เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นที่นักการเมืองเล่นจะมามัวเกมซื้อใจกองเชียร์เสื้อแดง หากแต่เป็นหน้าที่ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ดำเนินการ
แน่นอน เรื่องนี้เป็นดาบสองคมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แบบไม่ต้องสงสัย ซึ่งเธอเองก็น่าพอทราบข้อมูลจากกรมบัญชีกลางมาบ้างแล้วว่า กรณีไม่มีหลักเกณฑ์ และกฎหมายรองรับ เพราะหากขืนกล้าไปเซ็นคำสั่ง ก็อาจจะเจอฟ้องร้องเอาผิดทางอาญาเอาได้อีกต่างหากซึ่งก็คงต้องถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะกล้าเสี่ยงเอาตัวไปคอพาดเขียง ติดคดีอาญาแลกกับสาวกเสื้อแดงที่ถูกหลอกออกมาเจ็บมาตาย แทน นช.ทักษิณ หรือ...
ขณะเดียวกัน คงจะต้องฉายภาพอาการฝันค้างของสาวกเสื้อแดงกันอีกคำรบอย่างเป็นทางการ กรณีนายสาธิต ปิตุเตชะ สส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดเผยว่า ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องที่ตนได้ไปยื่นตีความ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา กรณีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้จ่ายเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยศาลให้เหตุผลไม่รับฟ้องว่า เนื่องจากมติครม.ยังไม่มีสภาพเป็นคำสั่งตามมาตรา 9 ของศาลปกครองกลาง ซึ่งหมายความว่า มติครม.ดังกล่าวนั้นจะยังทำอะไรไม่ได้ จนกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงบประมาณจะเสนอหลักเกณฑ์การจ่ายเงินกลับมายังครม.อีกครั้ง
...ที่ต้องขีดเส้นใต้ก็คือประโยคที่ว่า มติครม.ดังกล่าวนั้นจะยังทำอะไรไม่ได้ จนกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงบประมาณจะเสนอหลักเกณฑ์การจ่ายเงินกลับมายังครม.อีกครั้ง ซึ่งหมายความว่า มติ ครม.ไม่มีผลใดๆ ศาลจึงไม่รับฟ้องนั้นเอง และที่ลืมไม่ได้ก็คือการอนุมัติโดยลายเซ็นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ก็แน่ชัดแล้วว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็เลือกไม่พูดความจริงกับสาวกเสื้อแดง ที่คอยเฝ้าฝันจะได้ยลโฉมเงินแสน เงินล้าน อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ข่าวร้ายก็คือจากนี้ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหน
และที่น่าอดสูอีกก็คือ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็เพิ่งตื่นรอให้สังคมต้องตั้งคำถามถึงกรณีตบรางวัลแก๊งเผาเมืองนำไปเปรียบเทียบกับ เหตุการณ์ความรุนแรงภาคใต้ เสียชีวิตสะสมกันมานับพันศพ ทั้งทหาร พลเรือน ครู ว่าทำไมถึงไม่ได้รับการชดเชยบ้าง แต่สุดท้ายก็ยังไม่วายถูกรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ นำมาประกบกับเรื่องจ่ายเงินเสื้อแดง เพื่อให้ดูดีมีความชอบธรรมอีกด้วยซ้ำไป
สุดท้ายกรณีนี้คงจะสอนให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีรอยหยักในสมองเพิ่มขึ้นอีกว่า เงินหลวง ต้องจ่ายตามที่กฎหมายรองรับ มีข้อกำหนดชัดเจน ไม่ใช่จ่ายคำสั่งตามใจ นช.ทักษิณ ที่ร่อนเร่อยู่เมืองนอกคอยสั่งการเท่านั้น และยิ่งถ้าหากสาวกเสื้อแดงได้รู้ความจริงอันโหดร้าย ปล่อยให้รอเงินหลักแสน หลักล้าน แบบลมๆแล้งๆ นานวันเข้า ก็เกรงว่าอาจจะหมดเรี่ยวหมดแรงออกมาต่อสู้ให้ตระกูลชินวัตรตามภาษาประชาธิปไตยกินได้ ก็เป็นได้