xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ปู” ไม่ไหวจะเคลียร์ “แดงไพร่” อยากเป็น “อำมาตย์” “ตู่” มท.- “เต้น” สำนักนายกฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปฏิเสธไม่ได้ว่า ชัยชนะอย่างถล่มทลายของพรรคเพื่อไทยในศึกเลือกตั้ง 3 ก.ค.นั้น เกิดขึ้นจาก “พลังของมวลชนคนเสื้อแดง” ที่แผ่ขยายไปในทุกขอบขัณฑสีมาของราชอาณาจักรไทย ดังนั้น เมื่อพรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาล และคัดเลือกขุนพลขึ้นดำรงตำแหน่งเสนาบดีว่าการกระทรวงต่างๆ คนเสื้อแดงจึงมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะได้รับการปูนบำเหน็จจาก “นช.ทักษิณ ชินวัตร” ให้สมกับการเสียสละที่พวกเขามอบให้

เพราะเป็นเสียสละให้ได้แม้กระทั่ง “เลือดเนื้อ” และ “ชีวิต” ดังนั้น ถ้าจะไม่ได้รับการปูนบำเหน็จที่สมน้ำสมเนื้อก็ดูเหมือนจะเป็นความอยุติธรรมในความรู้สึกของพวกเขาได้

และปฏิเสธอีกไม่ได้เช่นกันว่า เมื่อชัยชนะทั้งหลายทั้งมวลของพรรคเพื่อไทยและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรมาจากคนเสื้อแดง พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะไล่บี้รัฐบาลที่พวกเขาตั้งขึ้นมากับมือเพื่อกดดันให้กระบวนการยุติธรรมปล่อยตัว “พรรคพวกคนเผาบ้านเผาเมือง” และ “หัวโจกคดีหมิ่นสถาบัน” ที่ยังคงถูกคุมขังอยู่ในคุกในทุกวิถีทาง ซึ่งขณะนี้ปัญหาเรื่องคดีความต่างๆ ของคนเสื้อแดงกำลังส่อเค้าที่จะกลายเป็นพายุใหญ่ที่ถาโถมเข้าใส่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและ นช.ทักษิณ

ดังเช่นที่ นพ.เหวง โตจิราการ ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า “ขอเรียกร้องให้พี่น้องคนเสื้อแดงที่อยู่ในเรือนจำกว่า 100 คนได้รับการประกันตัว”

ดังเช่นที่นายก่อแก้ว พิกุลทองระบุเอาไว้ชัดเจนว่า “แกนนำคนเสื้อแดงไม่ว่าจะเป็นนายจตุพร พรหมพันธุ์หรือนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ควรต้องได้รับรางวัลตอบแทน ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีบ้าง โดยนายณัฐวุฒิควรเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสื่อ นายจตุพรชำนาญด้านการเมืองก็เป็น รมช.มหาดไทย ....พรรคเพื่อไทยที่อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ ได้ชัยชนะแลนสไลด์ก็เพราะกระแสของเสื้อแดง แล้วทำไมถึงมารังเกียจคนเสื้อแดง...ส่วนที่แรงต้านในพรรคมีมากเพราะเขากลัวเราไปตัดโควตารัฐมนตรีจนเหลือน้อย มันเลยเหยียบตีนกันเอง”

และดังเช่นที่นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ รักษาการโฆษก นปช.ประกาศสัจวาจาเอาไว้ว่า “ในการประชุมพรรคเพื่อไทยวันที่ 7 ก.ค.นี้ เรื่องแรกที่ผมจะเสนอในที่ประชุมคือการเสนอปลดนายธาริต เพ็งดิษฐ์”

นี่คือสัจธรรมและความจริงที่เป็นอยู่ภายหลังชัยชนะในศึกเลือกตั้ง 3 ก.ค.

แน่นอน นายใหญ่ที่ผ่านการกรำศึกหนักมาตั้งแต่การรัฐประหาร 19 ก.ย.49 ย่อมรู้ซึ้งถึงปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี เพราะถ้าหากไม่สามารถจัดวาง “แกนนำแดง” ให้อยู่ในตำแหน่งแห่งหนที่เหมาะสม ทั้งกรณีเก้าอี้รัฐมนตรีและการเร่งรีบช่วยเหลือให้ออกจากคุกแล้ว สุดท้ายก็จะกลายเป็นปัญหาที่สั่นคลอนรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้พังพินาศไปในระยะเวลาอันรวดเร็วได้

เพราะขณะที่นายใหญ่และว่าที่นายกฯหญิงปักธงปรองดอง แกนนำแดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาย “ฮาร์ดคอร์” ย่อมรู้สึกอึดอัดเพราะต้องการให้ลากศัตรูทางความคิดของตนเองมาลงโทษ จะโยกจะย้าย จะจับยัดเข้าคุก ย่อมเป็นเรื่องที่สาแก่ใจทั้งสิ้น แต่นั่นก็ปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่ากระทบโดยตรงต่อแผนการปรองดองและแผนการเถลิงอำนาจ

นช.ทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์จะทำอย่างไรกับขุนพลคนสำคัญที่ชื่อ “อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง” แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ได้ออกแถลงการณ์ผ่านทางเว็บไซต์เครือข่ายกลุ่มคนเสื้อแดงในหัวข้อ “แถลงการณ์ไม่มอบตัว จากหัวใจอริสมันต์” เมื่อวันที่ 6 ก.ค

ทั้งนี้ เนื่องจากถ้าหากวิเคราะห์ทุกถ้อยแถลงแล้ว จะเห็นได้ว่า เป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัสสำหรับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการประกาศว่า “จะยังไม่เข้าไปเพื่อมอบตัวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะผมไม่ได้กระทำความผิด คนที่ฆ่าประชาชนและพยายามฆ่าผม คือคนทำความผิด ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง DSI”

หรือประโยคที่กดดันและข่มขู่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปในตัวว่า “ผมหวังว่ารัฐบาลนี้จะไม่ลืมสัญญาประชาคมที่เคยให้ไว้ว่าจะไม่ทอดทิ้งวีรชนผู้เสียชีวิตผู้พิการผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จากการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย แผลที่อยู่ในใจมันบาดลึกยังไม่หาย ผมจะขอให้ท่านอดีตนายกฯทักษิณเป็นเจ้าภาพและผมจะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องนี้ ….หากรัฐบาลดำเนินการล่าช้า ผมจะหาทางช่วยในด้านอื่นต่อไป”

ขณะเดียวกันเมื่อถึง “ยุคแดงเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” การทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงชามข้าวก็บังเกิดขึ้น เพราะนั่นหมายความว่า ตำแหน่งแห่งหนในขบวนการ นปช.จะสามารถต่อรองและนำมาซึ่งผลประโยชน์ รวมถึงลาภยศสรรเสริญที่จะได้รับการปูนบำเหน็จจากนายใหญ่อย่างมิอาจคาดถึงได้ ซึ่งนั่นเป็นปัญหาที่ นช.ทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องเร่งบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ เพราะไม่สามารถปล่อยให้กระทำตามอำเภอใจอย่างเช่นที่เกิดขึ้นในช่วงการชุมนุมเพื่อยึดอำนาจการปกครองประเทศได้

และในที่สุดเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา สัญญาณร้ายของการแย่งชิงชามข้าวก็ได้บังเกิดขึ้นให้เห็นเป็นรูปธรรมเรียบร้อยแล้วในระหว่างการประชุมก่อนการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือ นปช.ที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว เมื่อแกนนำคนสำคัญในสายฮาร์ดคอร์ส่วนหนึ่ง ได้แก่ นพ.ประแสง มงคลศิริ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ 6หรือแรมโบ้อีสาน นางไพจิตร อักษรณรงค์ นายวิสา คัญทัพ นายวันชนะ เกิดดี ฯลฯ ได้ร่วมกันบอยคอตไม่เข้าประชุม พร้อมมอบหมายให้ตัวแทนกลุ่มคือ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ทำหน้าที่เข้าประชุมแทน

จากนั้นนายชินวัฒน์ได้เสนอมติของกลุ่มต่อที่ประชุมว่า ขอให้นางธิดาลาออกจากตำแหน่งรักษาการประธาน นปช. นอกจากนี้ยังมีการเสนอปรับเปลี่ยนชื่อขององค์กร นปช.ใหม่เพื่อสลัดให้หลุดจากภาพลักษณ์ของความรุนแรง ซึ่งข้อเสนอดังกล่าว สร้างความไม่พอใจให้นางธิดา ทำให้มีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงระหว่างนางธิดาและนายชินวัฒน์ถึงขั้นทุบโต๊ะ โดยนางธิดาชี้ว่าที่แกนนำออกจากคุกหรือกลับมาเมืองไทยได้นั้นเพราะการขับเคลื่อนของตน ส่วนนายชินวัฒน์ก็เบรกว่าไม่ควรนำเรื่องนี้มาทวงบุญคุณ ซึ่งการถกเถียงไม่มีท่าทีสิ้นสุด แกนนำบางส่วนที่อยู่ในที่ประชุม เช่นนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ นายสมหวัง อักษราสี นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋งดอกจิก จึงเชิญนายชินวัฒน์ออกไปหารือนอกรอบ ที่ห้องรับประทานอาหาร

ทั้งนี้ นายชินวัฒน์ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า จะไม่ละความพยายามที่จะขอให้มีการเปลี่ยนประธาน นปช.ใหม่ และเปลี่ยนชื่อองค์กร นปช.ด้วย โดยให้คนเสื้อแดงทั่วประเทศเป็นคนตัดสิน เหตุผลเป็นเพราะนางธิดามักไม่รับฟังความคิดเห็นคนอื่น รวบอำนาจ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ทำให้มีปัญหากับคนเสื้อแดงกลุ่มย่อยๆหลายกลุ่ม รวมทั้งแกนนำหลายคนที่ทะเลาะกันถึงขั้นเจอหน้าไม่ยกมือไหว้ ต้องยอมรับว่าองค์กรของคนเสื้อแดงประกอบด้วยคนหลายกลุ่ม จะให้หันไปทิศทางเดียวกันคงไม่ได้ ต้องฟังความเห็นคนอื่นด้วย

พร้อมกันนั้นนายชินวัฒน์ประกาศเสนอชื่อนายคณิน บุญสุวรรณ อดีต ส.ส.ร.เข้ามานั่งเก้าอี้แทนนางธิดา โดยอ้างเหตุผลว่าอนาคตของ นปช.จะไม่มีการเคลื่อนไหวตามท้องถนน แต่ต้องทวงความยุติธรรมให้มวลชนที่เจ็บตาย จึงควรมีนักกฎหมายมาทำหน้าที่หัวเรือใหญ่ อย่างไรก็ตาม หากนางธิดาไม่ยอมปรับเปลี่ยน ทางกลุ่มก็คงบอยคอตไม่ร่วมกิจกรรม แต่คงไม่ลาออกจาก นปช. เพียงแต่อาจจะแยกไปจัดกิจกรรมมวลชนของตัวเองตามภาคต่างๆ

นอกจากนี้ นายชินวัฒน์ก็ประกาศความในใจที่ชัดเจนยิ่งว่า ไม่เห็นด้วยกับท่าทีของพรรคเพื่อไทยที่มักมีข่าวออกมาตลอดว่าจะไม่ให้แกนนำคนเสื้อแดง ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เข้ามารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ ดังนั้นจึงอยากฝากไปยังพรรคเพื่อไทยว่า ที่ชนะการเลือกตั้งก็เพราะคนเสื้อแดง ก็ไม่ควรจะไปอายถ้ามีคนเสื้อแดงเข้ามารับตำแหน่ง

กระนั้นก็ดี ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น หลายคนมองว่า อาจเป็นส่วนหนึ่งในแผนการบริหารจัดการคนเสื้อแดงของ นช.ทักษิณก็เป็นได้ เพราะตราบใดที่แกนนำคนเสื้อแดงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การควบคุมของ นช.ทักษิณก็จะทำได้ยากขึ้น แต่ถ้าหากเกิดความขัดแย้งและความแตกแยกในกลุ่มคนเสื้อแดง การบริหารจัดการก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

แน่นอนว่า สำหรับปัญหารัฐมนตรีสีแดง นช.ทักษิณย่อมรู้ถึงปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี ดังนั้น จึงตัดสินใจต่อสายมาถึง “นายขวัญชัย ไพรพนา” ประธานชมรมคนรักอุดรฯ และนั่นก็ได้กลายเป็นที่มาแห่งคำให้สัมภาษณ์ของนายขวัญชัยที่ขัดใจโจกแดงหลายต่อหลายคนที่หวังเก้าอี้เสนาบดีเป็นอย่างมาก

“ตำแหน่ง ส.ส.ก็พอสมควรกับ นปช.แล้ว เพราะ นปช.เข้าไปสมัครเป็นปาร์ตี้ลิสต์ก็มากเกินพอแล้ว ดังนั้น เมื่อเข้าไปเป็น ส.ส.แล้ว ไม่ควรจะไปเรียกร้องขอตำแหน่งรัฐมนตรี แม้แต่ณัฐวุฒิที่มีข่าวว่าจะได้ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ผมก็บอกว่าควรจะไปเป็นโฆษกรัฐบาล เป็นกันชนให้กับคุณยิ่งลักษณ์ดีกว่า แต่จตุพรอาจจะไปเป็นรัฐมนตรีช่วยอะไรก็ได้ แค่คนนึงก็พอแล้ว คือไม่ให้ภาพมันเสียมากกว่านี้ เพราะ นปช.เข้าไปในพรรคเพื่อไทย 20 กว่า มันก็ทำให้เครดิตของพรรคของ นปช.ลดไปเยอะ ....ความปรองดองมันจะหายไป พวกบรรดาภาคเอกชนเขาจะตำหนิ เขาจะไม่ไว้วางใจเพราะภาพคนเสื้อแดง นปช.มันเป็นภาพของคนรุนแรง เราต้องซอฟต์ตรงนี้ให้ได้”

“นายต้องคุยกับ นปช.และเชื่อว่า คนอย่างณัฐวุฒิมีวุฒิภาวะ น่ารักมากที่สุดในขบวนการของคนเสื้อแดง ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว รู้ว่าอะไรควร ไม่ควร ส่วนจตุพรนั้นควรจะให้รางวัลเขาบ้าง เพราะเขาสู้แบบเอาตัวเข้าแลกทั้งชีวิตก็ควรให้เขา ไม่ใช่การต่อรอง เพียงแต่ว่าเป็นการสมนาคุณให้แก่คนที่เอาชีวิตเข้าแลกกับการต่อสู้ นี่คือสิ่งที่นายจะต้องให้ แต่คนอื่นเป็น ส.ส.ก็เพียงพอแล้ว” นายขวัญชัยกล่าว

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พลังอำนาจของคนเสื้อแดงที่มีต่อพรรคเพื่อไทย ที่มีต่อ นช.ทักษิณและว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็ได้ปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว เพราะในที่สุด ครม.ยิ่งลักษณ์ 1 ก็ไม่สามารถปฏิเสธการเข้าร่วมรัฐบาลของแกนนำคนเสื้อแดงได้ เพราะหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เคยประกาศว่าจะไม่มีโควตาของแกนนำคนเสื้อแดงเข้ามาเป็นรัฐมนตรี แต่ในที่สุด เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็กลับลำและพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า จะไม่ปิดกั้นโอกาสในการร่วมคณะรัฐบาลของตนเอง

นี่คือ พลังอำนาจของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ นช.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์จำต้องบริหารจัดการให้ดี มิฉะนั้นแล้ว รัฐนาวาที่เฝ้าเพียรพยายามปลุกปั้นมาอาจจะถึงกัลปาวสานก่อนเวลาอันสมควร


กำลังโหลดความคิดเห็น