“ไอ้ตู่” หน้าระรื่น ขึ้นเบิกความฟ้อง “วัชระ เพชรทอง” ขณะที่ทนายความเตรียมขอหนังสือรับรองการเป็น ส.ส.จาก กกต. เพื่อนำไปยื่นขอประกันตัว ด้าน นปช.เตรียมยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อศาลด้วย ขณะที่ "ธิดาแดง" เชื่อ "ไอ้กีร์" ยังรอให้พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลเสร็จก่อนจึงจะเข้ามอบตัว
วันนี้ (7 ก.ค.) วันนี้ (7 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณา 911 ศาลอาญา ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก คดีหมายเลขดำที่ อ.3856/2552 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และว่าที่ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวัชระ เพชรทอง ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปิตย์ บริษัท สารสู่อนาคต จำกัด และนายทวีสิน สถิตรัตนชีวิน บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.ไทยโพสต์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ กรณีระหว่างวันที่ 24-25 ก.ย.52 จำเลยทั้งสามใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยการโฆษณาผ่านสื่อทุกแขนง โดยมีเจตนาให้ประชาชนเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนเลว เป็นคนนิสัยไม่ดี ชอบด่า ไม่เป็นไทยแก่ตัวเอง ต้องคอยกระทำการไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกคำสั่ง และคำว่าเป็นปากเสียงให้ทรราช ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง วันนี้ทั้งสองฝ่ายมาศาล พร้อมแถลงศาลว่ามีความประสงค์จะเจรจากัน ศาลเห็นควรให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากัน เพื่อความปรองดองสมานฉันท์ จึงนัดประนอมข้อพิพาทในวันที่ 21 ก.ค.นี้ เวลา 9.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมายังศาลอาญาในครั้งนี้ นายจตุพรมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับกล่าวขอบคุณประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการยื่นประกันตัวนายจตุพรนั้น ทีมทนายความเตรียมประสานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เพื่อขอให้ออกหนังสือรับรองสถานภาพ ส.ส.เป็นกรณีพิเศษ หากได้หนังสือรับรองจาก กกต.จะนำมายื่นขอประกันตัวต่อศาลอีกครั้ง
ขณะที่นางธิดา โตจิราการ รักษาการประธาน นปช. กล่าวถึงกรณีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย ว่า ขอให้พรรคดำเนินการโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนมากกว่าเป็นการจัดสรรตำแหน่งเพื่อผลประโยชน์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง กรณีมีข่าวว่าตนถูกปลดออกจากตำแหน่งประธาน นปช. นั้น อาจเป็นการเข้าใจผิด และเกิดจากการกระทบกระทั่งกันในการทำงาน ซึ่งยืนยันว่ายังอยู่ในตำแหน่ง ไม่ได้ถูกปลดตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ส่วนเหตุที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ยังไม่เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในขณะนี้นั้น เชื่อว่า อาจยังไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม คาดว่าคงรอให้พรรคเพื่อไทยดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยก่อนจึงจะเข้ามอบตัว เนื่องจากเกรงว่าอำนาจรัฐบาลเดิมจะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ระบุว่า กรณีที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง ว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้แสดงความเห็นว่า สมควรมอบตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ให้แก่นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นั้น เรื่องดังกล่าวเป็นความเห็นส่วนตัวของ นายก่อแก้ว ทางกลุ่ม นปช. ไม่ได้คาดหวังในตำแหน่งรัฐมนตรี และขอให้เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามมติของคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่าที่ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า วันนี้จะเดินทางไปที่ กกต. เพื่อขอรับความเห็นฝ่ายกฎหมาย กกต. ที่เสนอให้ กกต. รับรองสภาพ ส.ส. จำนวน 125 คน ที่มีนายจตุพร ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบระบบบัญชีรายชื่อในลำดับที่ 8 พรรคเพื่อไทย รวมอยู่ด้วย โดยขอเอกสารเพื่อประกอบการยื่นคำร้องขอประกันตัวนายจตุพร ออกไปทำหน้าที่ ส.ส. ส่วนเรื่องคดีความต่างๆ ก็จะดำเนินตามไปกระบวนการ ส่วนประเด็นที่มีข่าวความขัดแย้งกันระหว่าง นายชินวัฒน์ หาบุญพาด กับ นางธิดา โตจิราการ ประธาน นปช. นั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และทำความเข้าใจกันมาตลอด โดยเรื่องนี้จะเชิญทุกคนที่เกี่ยวข้องมาหารือปรับความเข้าใจกัน อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวยืนยันว่าไม่มีใครขุ่นข้องหมองใจ เพียงแค่มีความเห็นไม่ตรงกันเท่านั้น ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้ตามปกติ ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า หากกลุ่มคนเสื้อแดงจัดตั้งกันเกินครึ่งประเทศ อาจทำให้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองนั้น ตนเห็นว่านายสุเทพ คงยังผิดหวังจากผลการเลือกตั้ง ขอให้หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว การเคลื่อนไหวของ นปช. ไม่มีผลใดๆที่ส่งผลร้ายต่อระบอบการปกครอง แต่หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่หยุด จะเป็นผลเสียร้ายแรง เพราะพรรคประชาธิปัตย์รับใช้เผด็จการ ไม่เช่นนั้นผลการเลือกตั้งที่ผ่านคงไม่เป็นเช่นนี้
"ขอให้นายสุเทพ ตั้งสติ หันไปแข่งกันทำงานให้บ้านเมือง เพื่อที่ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ใช้ใส่ร้ายกัน ส่วนเรื่องการรับตำแหน่งในในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ทั้งผมและนายจตุพร ยืนยันว่าไม่ว่าพรรคจะให้รับผิดชอบในหน้าที่ไหน ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติหรือ บริหาร ผมพร้อมจะทำหน้าที่ ไม่มีข้อเรียกร้องแต่อย่างใด" นายณัฐวุฒิ กล่าว
วันนี้ (7 ก.ค.) วันนี้ (7 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณา 911 ศาลอาญา ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก คดีหมายเลขดำที่ อ.3856/2552 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และว่าที่ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวัชระ เพชรทอง ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปิตย์ บริษัท สารสู่อนาคต จำกัด และนายทวีสิน สถิตรัตนชีวิน บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.ไทยโพสต์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ กรณีระหว่างวันที่ 24-25 ก.ย.52 จำเลยทั้งสามใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยการโฆษณาผ่านสื่อทุกแขนง โดยมีเจตนาให้ประชาชนเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนเลว เป็นคนนิสัยไม่ดี ชอบด่า ไม่เป็นไทยแก่ตัวเอง ต้องคอยกระทำการไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกคำสั่ง และคำว่าเป็นปากเสียงให้ทรราช ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง วันนี้ทั้งสองฝ่ายมาศาล พร้อมแถลงศาลว่ามีความประสงค์จะเจรจากัน ศาลเห็นควรให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากัน เพื่อความปรองดองสมานฉันท์ จึงนัดประนอมข้อพิพาทในวันที่ 21 ก.ค.นี้ เวลา 9.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมายังศาลอาญาในครั้งนี้ นายจตุพรมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับกล่าวขอบคุณประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการยื่นประกันตัวนายจตุพรนั้น ทีมทนายความเตรียมประสานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เพื่อขอให้ออกหนังสือรับรองสถานภาพ ส.ส.เป็นกรณีพิเศษ หากได้หนังสือรับรองจาก กกต.จะนำมายื่นขอประกันตัวต่อศาลอีกครั้ง
ขณะที่นางธิดา โตจิราการ รักษาการประธาน นปช. กล่าวถึงกรณีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย ว่า ขอให้พรรคดำเนินการโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนมากกว่าเป็นการจัดสรรตำแหน่งเพื่อผลประโยชน์ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง กรณีมีข่าวว่าตนถูกปลดออกจากตำแหน่งประธาน นปช. นั้น อาจเป็นการเข้าใจผิด และเกิดจากการกระทบกระทั่งกันในการทำงาน ซึ่งยืนยันว่ายังอยู่ในตำแหน่ง ไม่ได้ถูกปลดตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ส่วนเหตุที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ยังไม่เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในขณะนี้นั้น เชื่อว่า อาจยังไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม คาดว่าคงรอให้พรรคเพื่อไทยดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยก่อนจึงจะเข้ามอบตัว เนื่องจากเกรงว่าอำนาจรัฐบาลเดิมจะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ระบุว่า กรณีที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง ว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้แสดงความเห็นว่า สมควรมอบตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ให้แก่นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นั้น เรื่องดังกล่าวเป็นความเห็นส่วนตัวของ นายก่อแก้ว ทางกลุ่ม นปช. ไม่ได้คาดหวังในตำแหน่งรัฐมนตรี และขอให้เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามมติของคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่าที่ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า วันนี้จะเดินทางไปที่ กกต. เพื่อขอรับความเห็นฝ่ายกฎหมาย กกต. ที่เสนอให้ กกต. รับรองสภาพ ส.ส. จำนวน 125 คน ที่มีนายจตุพร ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบระบบบัญชีรายชื่อในลำดับที่ 8 พรรคเพื่อไทย รวมอยู่ด้วย โดยขอเอกสารเพื่อประกอบการยื่นคำร้องขอประกันตัวนายจตุพร ออกไปทำหน้าที่ ส.ส. ส่วนเรื่องคดีความต่างๆ ก็จะดำเนินตามไปกระบวนการ ส่วนประเด็นที่มีข่าวความขัดแย้งกันระหว่าง นายชินวัฒน์ หาบุญพาด กับ นางธิดา โตจิราการ ประธาน นปช. นั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และทำความเข้าใจกันมาตลอด โดยเรื่องนี้จะเชิญทุกคนที่เกี่ยวข้องมาหารือปรับความเข้าใจกัน อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวยืนยันว่าไม่มีใครขุ่นข้องหมองใจ เพียงแค่มีความเห็นไม่ตรงกันเท่านั้น ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้ตามปกติ ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า หากกลุ่มคนเสื้อแดงจัดตั้งกันเกินครึ่งประเทศ อาจทำให้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองนั้น ตนเห็นว่านายสุเทพ คงยังผิดหวังจากผลการเลือกตั้ง ขอให้หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว การเคลื่อนไหวของ นปช. ไม่มีผลใดๆที่ส่งผลร้ายต่อระบอบการปกครอง แต่หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่หยุด จะเป็นผลเสียร้ายแรง เพราะพรรคประชาธิปัตย์รับใช้เผด็จการ ไม่เช่นนั้นผลการเลือกตั้งที่ผ่านคงไม่เป็นเช่นนี้
"ขอให้นายสุเทพ ตั้งสติ หันไปแข่งกันทำงานให้บ้านเมือง เพื่อที่ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ใช้ใส่ร้ายกัน ส่วนเรื่องการรับตำแหน่งในในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ทั้งผมและนายจตุพร ยืนยันว่าไม่ว่าพรรคจะให้รับผิดชอบในหน้าที่ไหน ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติหรือ บริหาร ผมพร้อมจะทำหน้าที่ ไม่มีข้อเรียกร้องแต่อย่างใด" นายณัฐวุฒิ กล่าว
