“อธิบดีดีเอสไอ” ยืนยันแกนนำ นปช.19 คน ผู้ต้องหาในคดีล้มเจ้าจะเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 7 ก.ค. ตามกำหนดการเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดแม้รัฐบาลจะเปลี่ยนใหม่ ย้ำส่วนตัวไม่รู้สึกหวั่นไหว หากถูกสั่งย้ายพร้อมน้อมรับ ชี้เป็นอำนาจของรัฐบาลที่สามารถโยกย้ายข้าราชการประจำได้
วันนี้ (4 ก.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายพร้อมได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งข้าราชการระดับ 10 ตามกระแสผู้นำรัฐบาลนั้นว่า ตนไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวแต่อย่างใด ซึ่งในฐานะข้าราชการประจำมีหน้าที่ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลใหม่ แต่หากจะต้องถูกคำสั่งย้ายออกจากตำแหน่ง ก็ถือว่าเป็นอำนาจของรัฐบาลที่สามารถโยกย้ายข้าราชการประจำได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตนได้ปฏิบัติตามหน้าที่ตามกรอบของกฎหมาย ไม่ได้มีอคติกับใคร ดังนั้นหากจะถูกย้ายก็น้อมรับ
อธิบดีดีเอสไอกล่าวอีกว่า ในวันที่ 7 ก.ค.ที่จะถึงนี้ แกนนำ นปช.ทั้ง 19 คน ผู้ต้องหาในคดีล้มเจ้า ก็จะมารับทราบข้อกล่าวหาตามกำหนด ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการเดิม ส่วนคดีที่ค้างคาอยู่ซึ่งเป็นคดีเกี่ยวเนื่องกับการเมือง โดยเฉพาะเรื่องที่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ และนายแก้วสรร อติโพธิ ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้การเท็จในคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หากยังอยู่ในตำแหน่งก็จะดำเนินการต่อไปตามหน้าที่ แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ตนไม่ทราบว่าคนใหม่จะทำต่อหรือไม่
ทั้งนี้ สำหรับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกดีเอสไอออกหมายเรียกดำเนินคดีฐานหมิ่นเบื้องสูงรวม 19 คน ประกอบด้วย
1.นายจตุพร พรหมพันธุ์ (บัญชีรายชื่ออันดับ 8 รอ กกต.ชี้มูล กรณีไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง)2.นพ.เหวง โตจิราการ ได้เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย 3.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย 4.นายก่อแก้ว พิกุลทอง ได้เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย 5.นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ 6.นายการุณ โหสกุล ได้เป็น ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย 7. นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ได้เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย
8.นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ได้เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย 9.นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ 10.นายชินวัฒน์ หาบุญพาด 11.นายวิเชียร ขาวขำ ได้เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย 12.นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน 13.นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา 14. นายนิสิต สินธุไพร 15.จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ 16.นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ 17.นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ 18.นายสมชาย หรือพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ 19.นายพายัพ ปั้นเกตุ ได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม มีเพียงนายจตุพร และนายนิสิต ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ 2 คน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอจะเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวให้ทราบถึงในเรือนจำต่อไป
โดยคดีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.มอบอำนาจให้ พ.อ.จีรพล หลงประดิษฐ์ นายทหารพระธรรมนูญจากสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก กองทัพบก เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.54 เพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายจตุพร พรหมพันธุ์, นายวิเชียร ขาวขำ, นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ในความผิดฐาน ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีแกนนำ นปช.ทั้ง 3 คน ปราศรัยด้วยถ้อยคำที่เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงบนเวที นปช.บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 10 เม.ย.54 และครั้งแรก พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้นัดให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด เข้ารับทราบข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.54 แต่ทนายความ นปช.ได้ขอเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 7 ก.ค.54 โดยอ้างเหตุผลและยื่นคำร้องแยกเป็น 3 กลุ่ม ว่า
กลุ่มแรก เป็นแกนนำ นปช.10 คน เป็นผู้สมัคร ส.ส.ทั้งระบบบัญชีรายชื่อและระบบเขต โดยให้เหตุผลว่าต้องออกไปหาเสียงเลือกตั้งทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด
กลุ่มที่ 2 เป็นแกนนำ นปช.และสมาชิกพรรคการเมือง ต้องเตรียมการเลือกตั้ง
กลุ่มสุดท้าย แกนนำ นปช.ที่ถูกควบคุมในเรือนจำ แจ้งว่าหากดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาอาจได้รับผลกระทบต่อการหาเสียง โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 กลุ่มยืนยันว่าจะไม่หลบหนี และจะมาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 7 ก.ค.54