xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จับโกหก “ปู-ลิ่วล้อ” ปกปิดเรื่องลับๆ ล่อๆ ที่สวรรค์ชั้น 7 โฟร์ซีซันส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-หลังเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์ “เอกยุทธ อัญชันบุตร” ออกมาเปิดเผยต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ถูกทำร้ายร่างกายว่า มีต้นสายปลายเหตุมาจาก “ภารกิจลับ ว.5” ของ “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีที่สวรรค์ชั้น 7 ณ โรงแรมโฟร์ซีซันส์ ก็เป็นที่เมาท์มอยในทุกซอกหลืบของสังคมด้วยความไม่เข้าใจว่า ถ้านายกฯ ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ไปทำเรื่องอะไรที่ “ลับๆ ล่อๆ” แล้ว ก็น่าจะชี้แจงแถลงไขอย่างชัดถ้อยชัดคำเพื่อสยบข่าวลือทั้งหลายทั้งปวงให้สิ้นข้อกังขา

แต่นายกฯ ปูกลับเลือกที่จะปล่อยเรื่องให้อึมครึมและตอบคำถามที่มิได้สร้างความกระจ่างแจ้งให้เกิดขึ้นแต่อย่างใด แถมยังโบ้ยให้ “ผู้สำเร็จราชการแทนนายกรัฐมนตรี” อย่าง “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่ตัวเธอเองน่าจะอธิบายความลับๆ ล่อๆ ดังกล่าวได้ชัดเจนสุด

ขณะที่บรรดา “ลิ่วล้อ” ต่างออกมาชี้แจงแถลงไขกันไปคนละทางสองทาง โดยที่มิได้ตระเตรียมข้อมูลกันไว้ก่อน จนสังคมมีข้อพิรุธถึงความไม่ธรรมดาของเหตุการณ์วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ณ สวรรค์ชั้น 7 ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์

หลังเกิดเรื่อง 2 วัน นายกฯ คนสวยที่แม้แต่ว่า “คริส อากีโน” น้องสาวคนสวยของประธานาธิบดีเบนีโญ อากีโนที่ 3 แห่งฟิลิปปินส์ยังอยากได้เป็นพี่สะใภ้ตอบคำถามเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่มีอะไรหรอกคะ รายละเอียด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติคะ ไม่มีอะไรจริงๆ”

คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ทำไมต้องให้เป็ดเหลิมตอบคำถามแทน?

จะว่าพูดไม่รู้เรื่องก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเป็ดเหลิมจะไปรู้เรื่องดีกว่าตัวเองได้อย่างไร ซึ่งเป็ดเหลิมก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเพราะตระเตรียมเอกสารหลักฐาน แผนผัง แผนที่และรายละเอียดตั้งโต๊ะแถลงข่าวแทนนายกฯ ยิ่งลักษณ์อย่างเป็นเรื่องเป็นราว

จากนั้น เมื่อ ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯไปประชุมอะไรที่นั้น

น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ตอบว่า “ไม่ได้ประชุมหรอก ในฐานะนายกฯสามารถเจอกับใครก็ได้ และที่สำคัญไปสถานที่เปิดเผย ไม่ได้เสียหายอะไร” ก่อนที่จะทิ้งท้ายก่อนเดินนวยนาดขึ้นรถว่า “ดิฉันเองก็อดทน เชื่อว่า ผู้ที่ฟังอยู่จะพิจารณาเอง เราเองเป็นผู้หญิงก็ยืนยันเราไม่ทำอะไรเสียหายหรอกคะ”

คำถามที่เกิดขึ้นคือ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอดทนเลยแม้แต่น้อยถ้านายกฯ คนสวยไม่ได้ “โดดประชุมสภา” ไปทำอะไรเรื่องลับๆ ล่อๆ จนพลพรรคประชาธิปัตย์ออกมาขย่มต่อเนื่องว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ขวัญใจสาวแก่แม่หม้ายกันอย่างอึกทึกคึกโครม จนคนงงกันว่า ทับซ้อนเรื่องอะไร ใครทับใครหรือใครซ้อนกับใคร

ยิ่งเมื่อนายเอกยุทธออกมาย้ำแผลเพิ่มเติมด้วยการเปิดแถลงข่าวตอบโต้ ร.ต.อ.เฉลิมว่า “สรุปแล้วทั้ง ร.ต.อ.เฉลิมและนายกฯ ควรตอบให้สังคมหายข้อสงสัย หรือนำภาพถ่ายที่ปรากฏในชั้น 7 มาเปิดเผยต่อสาธารณะเลยดีกว่า ว่าไปพบกับใคร โดยเฉพาะเวลานี้ในโลกสังคมออนไลน์มีการตั้งข้อสังเกตไปไกลแล้วว่า หลังนายกฯ เดินทางกลับ มีผู้พบเห็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ปรากฏกายในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมามากมาย จึงเป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องชี้แจงต่อสาธารณะให้คลายความสงสัย ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนใดแอบแฝงหรือไม่ เพราะนายกฯ คือบุคคลสาธารณะ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งคือนักธุรกิจชื่อดัง” ก็ยิ่งทำให้สังคมจินตนาการไปต่างๆ นานา

ประเด็นสำคัญประเด็นแรกที่เป็นข้อพิรุธคือ ตกลงนายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปทำอะไรที่ชั้น 7 ของโรงแรมโฟร์ซีซันส์กันแน่ เพราะขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิมให้ข้อมูลว่า ห้องที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปใช้บริการ ณ ชั้น 7 นั้น เป็นห้องประชุมขนาดเล็ก พร้อมสรุปให้อย่างเสร็จสรรพว่า “ชั้น 7 เป็นห้องประชุมนายกฯ ก็ไปประชุม” เจ้าตัวกลับบอกว่า “ไม่ได้ประชุมหรอก ในฐานะนายกฯสามารถเจอกับใครก็ได้”

โอวววว...นี่ไม่ได้เตี๊ยมกันก่อนดอกหรือ แล้วจะให้สังคมเข้าใจไปในทำนองไหน ไปประชุมหรือไปทำเรื่องส่วนตัวกันแน่

นายกฯ ยิ่งลักษณ์หายไปทำอะไรถึง 2 ชั่วโมงที่ห้องประชุมขนาดเล็กที่สนนราคาค่าใช้บริการสูงถึงราว 2 หมื่นบาท

อย่างไรก็ตาม นอกจากผู้สำเร็จราชการแทนนายกรัฐมนตรีที่ออกมาทำให้เรื่องบานปลายใหญ่โตจนสังคมจับพิรุธบนสวรรค์ชั้น 7 แล้ว บรรดาลิ่วล้อทั้งเบื้องสูงเบื้องต่ำของพรรคเพื่อไทย ตลอดรวมถึงข้าทาสในเรือนเบี้ยของชินวัตรก็ดาหน้ากันออกมาแก้ตัวแทนน้องสาวนายใหญ่กันไปคนละทางสองทาง

เริ่มจาก “นายนพดล ปัทมะ” ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้เงื่อนปมซับซ้อนหนักเข้าไปอีก เพราะแสดงให้เห็นชัดเจนว่า มีการโกหกเกิดขึ้น

ถ้านายกฯ ยิ่งลักษณ์ไม่โกหก นายนพดลกับ ร.ต.อ.เฉลิมก็โกหก

เพราะนายนพดลพูดชัดเจนว่า “การคร่ำหวอดในวงการธุรกิจมา 20 ปี น.ส.ยิ่งลักษณ์อาจจะไปพบนักธุรกิจที่รู้จักมากมาย เพื่อขอความเห็น ขอคำปรึกษา และฟังเสียงสะท้อน เพื่อนำมาปรับใช้กับนโยบายรัฐบาล”

ขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดแถลงข่าวอธิบายอย่างชัดแจ้งถึงภารกิจ ว.5 ของนายกฯ นกแก้วว่า “เป็นการทำงานเพื่อเตรียมผลักดันนโยบายไปสู่พี่น้องประชาชนและประเทศชาติ และที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ เนื่องจากเป็นการเชิญนักธุรกิจ นักวิชาการ มาร่วมคิดเพื่อผลักดันนโยบายใหม่ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยระหว่างทาง จนกว่าการเตรียมการจะแล้วเสร็จ เพราะจะทำให้ประชาชนสับสน แต่เมื่อได้ข้อสรุปชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายแล้ว จะแจ้งให้ประชาชนทราบแน่นอน”

ถ้าฟังจากคำให้สัมภาษณ์ของ 4 คนก็จะเห็นว่า 3 คน ได้แก่ นายอนุสรณ์ นายนพดลและร.ต.อ.เฉลิมตอบไปในทิศทางเดียวกันคือ ไปประชุมเพื่อผลักดันนโยบายอะไรบางอย่าง ขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์บอกว่าไปทำเรื่องส่วนตัว ไม่ได้ไปประชุม

ถ้านางสาวยิ่งลักษณ์พูดความจริง ก็แสดงว่ารัฐบาลกำลังบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยนายอนุสรณ์ นายนพดลและร.ต.อ.เฉลิมโกหกเพื่อต้องการเบี่ยงเบนประเด็นเรื่องลับๆ ล่อๆ ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี 

แต่ถ้านางสาวยิ่งลักษณ์โกหกก็จะต้องแสวงหาคำตอบจากคำให้สัมภาษณ์ของทั้ง 3 คนเพราะนั่นหมายความว่า เป็นภารกิจลับที่ไม่ชอบมาพากลและสามารถเข้าใจได้ว่า อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือการทุจริตเชิงนโยบายเกิดขึ้นบนชั้น 7 ของโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ เพราะถ้าเป็นเรื่องเปิดเผยหรือมีความบริสุทธิ์ใจ ทำไมถึงไม่ใช้ทำเนียบรัฐบาลในการขอคำปรึกษาครั้งนี้

ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นประจักษ์พยานชัดเจนคือ คำให้สัมภาษณ์ของนายอนุสรณ์ที่ระบุว่า “เป็นการทำงานเพื่อเตรียมผลักดันนโยบายไปสู่พี่น้องประชาชนและประเทศชาติ และที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ เนื่องจากเป็นการเชิญนักธุรกิจ นักวิชาการ มาร่วมคิดเพื่อผลักดันนโยบายใหม่ จึงยังไม่สามารถเปิดเผยระหว่างทาง จนกว่าการเตรียมการจะแล้วเสร็จ เพราะจะทำให้ประชาชนสับสน แต่เมื่อได้ข้อสรุปชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายแล้ว จะแจ้งให้ประชาชนทราบแน่นอน”

นโยบายสำคัญอะไรที่ทรงอิทธิพลถึงขนาดทำให้นายกฯ โดดประชุมสภาไปถกภารกิจลับครั้งนี้

เพราะการพบกันนอกรอบในลักษณะนี้น่าจะเข้าข่าย “การล็อบบี้” เพื่อร้องขออะไรบางอย่างจากตัวนายกรัฐมนตรีมากกว่า

ดังเช่นที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า หากเป็นอย่างนั้นก็ชี้แจงให้สาธารณะรับทราบไม่ต้องมาระรานคนอื่น เพราะสิ่งที่ฝ่ายคานตั้งข้อสังเกตคือ ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ต้องประชุมสภา เหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงไม่ร่วมประชุมสภามีการเปลี่ยนกำหนด การบอกว่าเป็นเรื่องลับจนกระทั่งมีเหตุเกิดขึ้น ก็มีหน้าที่ชี้แจง ไม่ใช่ระรานคนอื่น และการชี้แจงที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยตรงกัน ซึ่งฝ่ายค้านก็เป็นห่วงในเรื่องธุรกิจว่าเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รู้ดีที่สุดควรชี้แจงเรื่องนี้ เพราะเป็นผู้เดินทางไปทำอะไรมาก็ควรชี้แจง

หรือใช่เป็นอย่างที่ “มัลลิกา บุญมีตระกูล” ที่บอกว่า.....

“ทั้งตนเองและประชาชนสงสัยมาตลอดว่าทำไมนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงบริหารจัดการน้ำผิดพลาดอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะการผันน้ำก็หนักไปทางทิศทางที่ไม่ใช่ทางของน้ำ "ฟลัดเวย์"นั่น ไม่ได้ผันน้ำไปทางตะวันออกตอนน้ำท่วมนั้นคนต้องตาย ไฟดูดตายหมู่ในทางทิศตะวันตก แท้จริงแล้วเพราะติดเรื่องโครงการหมู่บ้านของ"ชายผู้นั้น"ที่มีคนพบเห็นเขาในเวลาช่วงเดียวกันเดินไล่หลังกันมาใช่หรือไม่” 

“ถ้าคำตอบคือใช่ก็เท่ากับว่าผู้หญิงคนหนึ่งได้บริหารประเทศบริหารวิกฤติที่เกี่ยวข้อง​ของชีวิตประชาชนด้วยเหตุผลส่วนตัวจึงเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดที่สุด หากไม่ใช่แล้วนายกรัฐมนตรีควรตอบคำถามให้ชัดเจนว่า 1.ทำไมมีคนเห็นนายกรัฐมนตรีออกมาจากโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์โซนข้างบนที่แปลว่าห้องพัก 2.สถานที่เดียวกันในโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ได้ไปพบกับผู้ชายที่เป็นเจ้าของหมู่บ้านนั้นหรือไ​ม่ 3.เจ้าของโครงการหมู่บ้านคนนี้เกี่ยวพันกับการบริหารจัดการน้ำท่วมอย่างผิดพลาดที่ผ่​านมาหรือไม่ และต้องเกี่ยวข้องอีกในการบริหารจัดการน้ำที่จะมีขึ้นในปีนี้ด้วยหรือไม่ 4.หากไม่มีการประชุมชั้น 7 ของโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์จริงตามที่นายกรัฐมนตรีชี้แจงเบื้องต้นแล้ว แต่ยอมรับว่าไปโรงแรมนั้นมาในเวลานั้น14.00น.-16.00น.เป็นเวลาราชการซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)ทุกคนเขาทำหน้าที่กันอยู่ในสภาฯ​ แล้วนายกรัฐมนตรีในฐานะเป็นทั้งฝ่ายบริหารและสส.มาทำภารกิจใดอยู่ในโรงแรมกันแน่ นี่คือสิ่งที่ต้องชี้แจงส่วนรวมมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิต ทรัพย์สิน ความเสียหายของคนจำนวนมาก และเกี่ยวข้องกับแผนการใช้งบประมาณแผ่นดินด้านจัดการน้ำจำนวนมากแถมไม่ใช่เงินของคุณ​ยิ่งลักษณ์หรือเงินของเจ้าของหมู่บ้านรายใด แต่เป็นเงินภาษีของประชาชนแล้วประชาชนต้องเป็นหนี้เพราะนายกฯยิ่งลักษณ์ไปทำเรื่องกู​้มา หากชี้แจงไม่ได้และรู้สึกว่าตัวไม่พร้อมจะเป็นผู้นำในฐานะนายกรัฐมนตรีตัวแค่ต้องการ​เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่แสนจะธรรมดาก็กรุณาลาออกไปเสียก่อนที่วงจรปิดหรืออะไรต่อมิอะไ​รมันจะหลุดออกมา”

นางสาวมัลลิกากำลังตั้งคำถามว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ได้ใช้ห้องประชุมชั้น 7 ปฏิบัติภารกิจลับอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ “พื้นที่รับน้ำ” หรือไม่
       
แน่นอน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของการทะเลาะกับสุภาพสตรีเหมือนที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวหานายเอกยุทธว่า ไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย เพราะไม่ว่าภารกิจลับ ว.5 ที่ชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์คืออะไร เรื่องส่วนตัวหรือการประชุม นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรก็มีหน้าที่ที่จะต้องตอบคำถามให้ชัดเจน เพราะต้องไม่ลืมว่า เธอคือนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ไม่ใช่ภรรยาของนายอนุสรณ์ อมรฉัตรหรือน้องสาวของ นช.ทักษิณ ชินวัตร

นายกรัฐมนตรีคือบุคคลสาธารณะที่สังคมจำเป็นต้องตั้งคำถามและตรวจสอบพฤติกรรมไม่ว่าจะเป็นส่วนตัวหรือส่วนร่วม ถ้าหากภารกิจลับนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
กำลังโหลดความคิดเห็น