สอดแนมการเมือง
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
ช่วงนี้..ผมใช้ยามว่างจากการคิดเรื่องบ้านเมือง และเวลาหลังเที่ยงคืนตะลุยอ่านหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่า
เฉพาะคืน“วาเลนไทน์”ที่เพิ่งผ่านไป ผมอดคิดไม่ได้ว่าการคลั่งวัฒนธรรมตะวันตกแบบนี้ ทำให้เด็กสาวและไม่สาวต้องเสียตัวไปกี่คน หลังมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว ที่มีปัญญาและความคิดดีคงไม่มีปัญหา
แต่อีกจำนวนไม่น้อยอาจมีปัญหา ให้พ่อแม่พี่น้องและสังคมแก้ไขในภายหน้า เพราะไม่โตพอสำหรับความรักและชีวิตครอบครัว!
แต่ช่างเถอะ..นั่นเป็นมุมมองในแง่ ศีลธรรม-จริยธรรม-คุณธรรม ที่มนุษย์ในประเทศไทยวันนี้..ไม่แยแสสนใจกันแล้ว
ขนาด“ปูแดง”นายกฯ หญิงคนแรกของชาติไทย ยังอ้ำๆ อึ้งๆ อมพะนำกับพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2555 เพราะเธอแอบหลบการประชุมสภาฯ ไปโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ทำไม-เธอไปพบกับใคร-เธอไปทำอะไร? คำตอบยังไม่มี..คำถามจึงค้างเติ่งอยู่ในสังคม!
แล้ว..นายกฯ หญิงที่มีสามีผลุบๆ โผล่ๆ มีปัญหาต้องแยกกันอยู่..จะตอบคำถามเกี่ยวกับศีลธรรม-จริยธรรม-คุณธรรม ให้เยาวชนได้คิดและปฏิบัติบนแนวทางที่ถูกต้องได้อย่างไรเล่า?
เอ..หรือนายกฯ หญิงคนนี้จะเก่งแต่อ่านนิทานหลอก..เอ๊ย..ให้เด็กฟังเท่านั้น?
ทว่า..นายกฯ หญิงที่ไร้มาตราฐาน“ทางปัญญา”ในการจะเป็นนายกฯ ของประเทศไทยคนนี้ เธอยังหน้าทนแดด-ลม-ฝนกับบทนายกฯ “เอ๋อๆ”ไปวันๆ เพราะพี่ชายนายทุนผูกขาดสามานย์ของเธอยังจำต้องใช้คน“ฉลาดน้อยมาก”อย่างเธอให้เป็นสะพานอำนาจเดินสู่การทำมาหากินไม่โปร่งใสนั่นเอง
ผมเลยนึกถึงวาทะปรัชญาเมธี“โสเครตีส”อัครมหาบัณฑิตแห่งกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีก ที่เกิดเมื่อ พ.ศ.73 เสียชีวิตเมื่อ พ.ศ.149 ด้วยอายุ 70 กว่าปี
โสเครตีส-ได้รับการศึกษาในระบบน้อยมาก แต่กลับพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นผู้มีสติปัญญาอันปราดเปรื่องในยุคนั้น เพราะโสเครตีสใช้ชีวิตทั้งหมดถกเถียงปรัชญากับผู้คน แสวงหาสัจจธรรมความจริงด้วยหลักยึดที่ว่า
“ฉันรู้อยู่สิ่งเดียว คือ รู้ว่าฉันไม่มีความรู้อะไร”
กล่าวกันว่า โสเครตีสเป็นปรัชญาเมธีที่ขี้เหร่ไร้ความงาม ทว่า..มีความสง่าผ่าเผยยิ่งนัก เพราะตลอดชีวิตโสเครตีสดำรงตนอยู่ในศีลธรรม-จริยธรรม-ไม่มีด่างพร้อย
โสเครตีสสอนให้ผู้คนกระทำความดีแต่ต้องมีปัญญาด้วย เพราะถ้าทำดีอย่างโง่ๆ ความดีนั้นอาจกลายเป็นความชั่วได้เหมือนกัน โสเครตีสย้ำเสมอว่า
“ชีวิตอันปราศจากการค้นหาความจริงนั้นหาใช่ชีวิตมนุษย์ไม่”
มนุษย์ในที่นี้มิใช่มนุษย์ที่เป็นเพียงคน แต่หมายถึงมนุษย์ที่มีศีล-มีสมาธิ-มีปัญญาโดยสมบูรณ์ โสเครตีสไม่ให้เชื่ออย่างงมงาย แต่ให้ใช้ปัญญามีเหตุผลในความเชื่อ ทำให้พวกโง่แต่อวดฉลาดจงเกลียดจงชัง จึงรวมหัวกันฟ้องร้องโสเครตีสว่าสอนคนหนุ่มสาวให้ละเลยต่อศาสนา
ทั้งๆ ที่โสเครตีสมีสิทธิที่จะเนรเทศตนเองไปอยู่ที่อื่นโดยไม่ถูกลงโทษ แต่โสเครตีสเลือกจะต่อสู้คดีจนได้รับโทษประหารชีวิต
ระหว่างรอการประหารลูกศิษย์จะพาหนี แต่โสเครตีสไม่ไป เพราะโสเครตีสไม่กลัวความตาย สุดท้าย..โสเครตีสต้องดื่มยาพิษ“เฮมล็อก”อันเป็นการลงโทษแบบของกรุงเอเธนส์!
ผมดื่มด่ำกับหนังสือโสเครตีสจน 02.10 น.ของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2555 ผมเห็น“โสเครตีส”ที่จากโลกนี้ไปกว่า 2,400 ปี ย้อนอดีตมาสู่ปัจจุบันเพื่อสั่งสอน“หน้าเหลี่ยม”ว่า
“สิ่งที่น่าคำนึงกันมากที่สุด มิใช่การมีชีวิตอยู่ไปวันหนึ่งๆ หากเป็นการอยู่อย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรมต่างหาก”
โสเครตีสอารัมภบท ก่อนจะยกเรื่องราวนักการเมืองชั่วในกรุงเอเธนส์ แต่ดันมาตรงกับนักการเมืองสามานย์ในไทยยามนี้ว่า
“ท่านสรรเสริญนักการเมืองที่ปรนเปรอให้ประชาชนลุ่มหลงอยู่กับความเพลิดเพลินสนุกสนานตามที่คนต้องการ โดยมิได้คำนึงถึงคุณโทษอะไรเลย ประชาชนก็ยกย่องคนพวกนั้น(นักการเมือง)ว่า ทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองโดยไม่เห็นว่าแท้ที่จริงนั้นบ้านเมืองของเรากำลังเสื่อมทรามลง และ“เน่า”จนถึงแก่นข้างใน นักการเมืองเหล่านั้นต่างหากที่ยัดเยียดระดมสร้างท่าเรือ อู่เรือ กำแพงเมือง สิ่งไร้สาระทั้งหลาย ด้วยเงินภาษีที่ขูดเลือดขูดเนื้อไปจากประชาชน โดยไม่คำนึงถึงความพอดีความควรไม่ควรเลย”
แต่ดูเหมือนมหาโจรการเมือง“หน้าเหลี่ยม”จอมโกง-จอมกู้-จอมหาคะแนนเสียงด้วยนโยบายประชานิยม ไม่แยแสสนใจโสเครตีสเลย งานนี้..โสเครตีสจึงต้องสอนสั่งนักการเมืองสามานย์ซ้ำอีกคราว่า
“การกระทำของแต่ละคนจะเป็นเครื่องตัดสินได้ว่า คนๆ นั้นเป็นคนอย่างไร คนที่เลี่ยงกฎหมาย เขาก็จะคำนึงถึงความเจ็บปวดที่ถูกลงโทษ แต่มองไม่เห็นประโยชน์อะไรทั้งสิ้น แล้วก็โง่เสียจนไม่รู้ว่า
จิตใจที่ชั่วร้ายหยาบช้าสามานย์นั้น เป็นสิ่งที่ทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าร่างกายที่อ่อนแอเจ็บไข้ได้ป่วย คนโง่พวกนี้ยังหมกมุ่นอยู่แต่กับแก้วแหวนเงินทอง มัวเมาอยู่กับเพื่อนฝูง แล้วยังชักชวนให้คนอื่นหลงผิดไปตามตน พยายามทุกวิถีทางที่จะหลีกเลี่ยงกฏหมาย ความชั่วร้ายในจิตใจก็ไม่เคยขจัดให้หมดสิ้นไป”
แต่ดูเสมือนโสเครตีสจะสีซอให้“ควายฟัง”เสียแล้ว เพราะนักการเมืองชั่วเอเธนส์กับไทย สันดานเลวไม่ต่างกัน..จริงไหม..?
ทว่า..โสเครตีสก็ไม่ยอมแพ้..ยังคงให้แง่คิดต่อไปอีกว่า
“มนุษย์เราควรพยายามหลีกเลี่ยงการทำความชั่วให้มากที่สุด ไม่ควรหลบหนีเอาตัวรอดจากการถูกลงโทษ และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด มนุษย์ต้องพยายามทำความดีทุกอย่าง ไม่ใช่เสแสร้งทำตบตาคนอื่นว่าตนกำลังทำความดี แต่ต้องทำความดีจริงๆ เสียเลย ทั้งหน้าที่การงานส่วนตัวและหน้าที่ต่อประเทศชาติ
ถ้าเขาเป็นคนเลวก็ต้องยอมรับโทษทัณฑ์แต่โดยดี เพราะสิ่งนี้เป็นความดีข้อที่สองรองจากความยุติธรรม การลงโทษจะทำให้คนปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้นและสุดท้ายวาทะศิลป์ซึ่งเหมือนกับศาสตร์อื่นๆ ควรจะใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรมเสมอ เพื่อดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมเท่านั้น”
โสเครตีส-ท่าจะคว้าน้ำเหลวเสียแล้ว จอมโจรการเมือง“หน้าเหลี่ยม”มองปรัชญาเมธีผู้ยิ่งใหญ่ของโลกอย่างหยามหยัน แต่โสเครตีสก็ยังสวมวิญญาณอาจารย์ใหญ่สอนต่อไปว่า
“ไม่มีใครมีความสุขไปกว่าใครเลย ไม่ว่าจะเป็นคนที่ต้องการจะรวบอำนาจเผด็จการ หรือคนที่ถูกลงโทษอย่างทารุณ ทั้งสองคนมีความทุกข์ด้วยกันทั้งคู่ จะเรียกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีความสุขก็ไม่ได้ แต่คนที่มีความทุกข์กว่าก็คือคนที่หลบหนีไปสร้างอำนาจจนกลายเป็นทรราชในที่สุด”
เฮ้อ..พอเถอะท่าน“โสเครตีส” อย่าหวังให้มหาโจรการเมือง“หน้าเหลี่ยม” รับโทษทัณฑ์ที่ทำผิดเลย เพราะ“หน้าเหลี่ยม”กำลังจะแก้รัฐธรรมนูญ หรือออกกฎหมายปรองดอง เพื่อยกความผิดทั้งปวงให้กับตัวเองแล้ว
เรื่องสร้างอำนาจเบ็ดเสร็จเป็นเผด็จการรัฐสภายุคกรุงเอเธนส์ก็เกิดมิใช่รึ? ยุคนี้“หน้าเหลี่ยม”ก็ขะมักเขม้นกับการสร้างประวัติศาสตร์ ยึดอำนาจรัฐไทยเก่า-สร้างรัฐไทยใหม่ขึ้นแทนที่ ส่วนการเป็นทรราชนั้น“หน้าเหลี่ยม”ไม่สนคร้าบบบ..
แต่..โสเครตีสก็ยังอุตส่าห์ให้คำสอนสุดท้ายกับ“หน้าเหลี่ยม”ว่า
“มีบางอย่างที่ข้าพเจ้าเห็นว่ามันเป็นการหลอกลวงจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจหรืออะไรก็ตาม สิ่งนั้นเป็นการกระทำเพียงเพื่อความพอใจอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงความดีความชั่วในการกระทำนั้นเลย”
โอ้ย..โสเครตีส-ท่านช่างไม่ทันยุคสมัยแล้วล่ะ “หน้าเหลี่ยม”ถือว่าการหลอกลวงที่เนียนจนคนไม่รู้เท่าทันนั้น เป็นการเมืองแบบการตลาด-การโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อเอาชนะหรือกอบโกยก่อน ส่วนใครจะรู้ทันทีหลัง..ค่อยแก้ไข หากแก้ไม่ได้ก็ใส่“ตีนหมา”โกยแน่บไป..ก็เท่านั้นเอง
ดูเหมือนโสเครตีสจะหมดแรงสอนอีกต่อไปแล้ว โถ..ก็“โสเครตีส”สอน แต่“หน้าเหลี่ยม”เมินตลอด การสอนมหาโจรการเมือง“หน้าเหลี่ยม”ให้ละชั่วหันมาทำดีนั้น..เป็นไปไม่ได้
เสมือนอยากให้“งาช้างงอกออกมาจากปากหมา” ก็คนบางคนนั้นชั่วโดย“สันดาน”มิใช่ชั่วโดย“สันดอน”ที่ขุดลอกได้นี่ครับ
“โสเครตีส”จากไปเมื่อผมตื่น แต่“หน้าเหลี่ยม”ยังดื้อแพ่ง ไม่ยอมลาจากโลกนี้ ยังคงกร่างเป็น“แดงดูไบ”บงการ“ปูแดง”ต่อไป!