xs
xsm
sm
md
lg

ยึด100ล้านเงินค้ายา "เหลิม"รุกคืบโทษประหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ดีเอสไอขยายผล ตรวจสอบเส้นทางการเงินของขาใหญ่คุกระยอง อายัดทรัพย์สินได้กว่า 100 ล้านบาท เตรียมตรวจสอบบัญชีบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกว่า 200 บัญชี เชื่อเครือข่ายนี้มีทรัพย์สินรวมกันถึงพันล้านบาท ด้าน"เฉลิม"เดินหน้าแนวคิดประหารชีวิตนักโทษยาเสพติด โดยอธิบดีกรมคุกเห็นด้วยการกำหนดวันตาย

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงแนวทางการขยายผลอายัดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดของนายไกรฤกษ์ นาคปฐม อายุ 44 ปี นักโทษคดียาเสพติดในเรือนจำจังหวัดระยอง หลังสนธิกำลังตำรวจ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าอายัดทรัพย์สิน ว่า หลังจากการสนธิกำลังเข้าอายัดทรัพย์สินของเครือข่าย นายไกรฤกษ์ นักโทษจำคุกตลอดชีวิตคดียาเสพติดรายสำคัญ ล่าสุดมียอดทรัพย์สินของเครือข่ายนายไกรฤกษ์ ที่ถูกอายัดเป็น 100 ล้านบาท แยกเป็นเงินสด 2 ล้านบาท ทองคำแท่งหนัก 30 บาท ทองรูปพรรณหนัก 15 บาท เงินในบัญชีธนาคาร 53 ล้านบาท รถยนต์ 18 คัน รถจักรยานยนต์ 15 คัน บ้านและที่ดิน 1 หลัง และที่ดิน 12 แปลง

"ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งตรวจสอบยอดเงินในบัญชีธนาคารของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 200 บัญชี ที่ถูกเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.อายัดบัญชีไว้ โดยเจ้าหน้าที่ ปปง.จะตรวจสอบความเชื่อมโยงของเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว หากเจ้าของบัญชีธนาคารไม่สามารถชี้แจงที่มาของจะถูกยึดทรัพย์ทันที"

นอกจากนี้ จากแนวทางการสืบสวนทราบว่า เครือข่ายยาเสพติดของ นายไกรฤกษ์ ยังมีทรัพย์สินอีกประมาณ 800-1,000 ล้านบาท เบื้องต้นดีเอสไอ จะรวบรวมพยานหลักฐานเข้าอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมอีกครั้งประมาณ 50-100 ล้านบาท

ในส่วนของผู้ต้องหาเครือข่ายค้ายาเสพติดของนายไกรฤกษ์ ดีเอสไอได้ออกหมายจับ 6 ราย ตามจับตัวได้ 4 ราย โดยล่าสุดสืบทราบที่กบดานของ น.ส.ปราณี บัวขาว ที่ทำหน้าที่ชักจูงให้บุคคลอื่นเปิดบัญชีธนาคารจนหลายคนผันตัวเป็นสมาชิกในเครือข่ายค้ายาเสพติดดังกล่าว ทางญาติของ น.ส.ปราณี ได้ติดต่อขอนำเข้ามอบตัวใน 2-3 วัน หากไม่มาจะตามจับต่อไป

**“เฉลิม”เดินหน้าประหาร 60 วัน**

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวคิดกำหนดวันประหารชีวิตนักโทษคดียาเสพติด

ว่า เวลาตนให้สัมภาษณ์ สื่อมวลชนก็ไปเขียนไม่ตรง ตนบอกคดียาเสพติดมันมีเปลี่ยนแปลงพิจารณาคดี เมื่อศาลชั้นต้นตัดสินพิจารณาลงโทษ จำเลยจะไปอุทธรณ์ตามศาลอุทธรณ์ภาคไม่ได้ ต้องมาอุทธรณ์ยังศาลอุทธรณ์กลาง ที่กรุงเทพมหานคร เมื่อศาลชั้นต้นตัดสินประหาร และศาลอุทธรณ์กลางตัดสินประหาร จำเลยหมดสิทธิฎีกา แต่ที่ผ่านมา เมื่อประหารชีวิตแล้ว จะมีการหาช่องทาง ตนก็ให้คณะกรรมกฤษฎีกาไปดำเนินการว่า จะทำอย่างไรให้เขียนออกมาให้ชัดว่าเมื่อตัดสินประหารชีวิตแล้วกรมราชทัณฑ์ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาล

"ผมตั้งใจภายใน 60 วัน ซึ่งต้องไปดูว่า 1.กรณีเป็นพระราชอำนาจหรือไม่ 2.ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือเปล่า 3.มีกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ หากไม่มีก็ให้รีบยกร่างและนำเข้าสู่สภา ซึ่งจะเอาจริงแน่เรื่องนี้ ถ้าไม่ขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายก็จะดำเนินการเร็วๆ นี้ จากที่ดูรายการโทรทัศน์ เอาข่าวนี้ไปจั่วหัวประชาชน 97 เปอร์เซ็นต์เห็นด้วย ควรตายเถอะ ไม่ตายเข้าไปอยู่ในเรือนจำก็ก่อเหตุอีก ไม่อย่างนั้นมันแก้ไม่ได้"

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าจะเป็นการกำจัดสิทธิไปหรือเปล่า เพราะกระบวนการก็จะต้องเข้าสู้ 3 ศาลอย่างทุกคดี ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ เพราะตอนนี้กฎหมายเขาแก้ไว้แล้วเป็น 2 ศาล แก้เสร็จตั้งนานแล้ว เริ่มต้นตั้งแต่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แล้วคดีอื่นทั่วไป 20 ปี คดียาเสพติด 30 ปี ซึ่ง 2 ศาลแก้มานานแล้วและใช้มาแล้วด้วย ไม่ใช่พึงมาแก้

ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า วันนี้ (15 ก.พ.) เวลา 16.00 น. จะเดินทางเยือนสาธารณะรัฐประชาชนจีนระหว่างวันที่ 15-17 ก.พ.นี้ เมืองปักกิ่ง พบกับรัฐมนตรีฝ่ายความมั่งคง หารือแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกันเพื่อให้เขาช่วยคุยประเทศเพื่อนบ้าน

**กรมคุกเห็นด้วยต้องทำให้กลัว**

พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวในเรื่องเดียวกันนี้ว่า ในภาพรวมกรมราชทัณฑ์มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งมาตรการประหารชีวิตผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่อย่างจริงจัง เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องเอามาใช้ เพราะโทษจำคุกดูเหมือนนักโทษยาเสพติดจะไม่กลัว อย่างน้อยที่สุดจะเป็นการป้องปรามไม่ให้คนหลงผิดเข้าสู่วงจรการค้ายาเสพติด เพราะมาตรการประหารชีวิตจะสร้างความกลัวในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะปัจจุบันเท่าที่ประเมินแล้วเห็นว่า นักโทษคดียาเสพติดไม่กลัวการติดคุก ขนาดนักโทษต้องโทษหนัก ยังไม่เกรงกลัวพยายามกระทำผิดซ้ำในเรือนจำ แต่หากมีนโยบายประหารชีวิต นักโทษคดียาเสพติดหลังศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาออกมา กรมราชทัณฑ์พร้อมสนับสนุนนโยบายดังกล่าวต่อไป โดยสถิตินักโทษคดียาเสพติดที่คดีสิ้นสุดรอประหารชีวิตในขณะนี้มีประมาณ 100 คน

ส่วนความคืบหน้าการย้ายนักโทษคดียาเสพติดรายสำคัญไปขังที่เรือนจำกลางเขาบิน จังหวัดราชบุรี ขณะนี้ได้ย้ายนักโทษรายสำคัญไปควบคุมที่เรือนจำกลางเขาบินแล้ว 283 คน นักโทษคดียาเสพติดรายสำคัญที่เหลือได้ให้เรือนจำส่งรายชื่อให้คณะกรรมการพิจารณาการย้ายนักโทษภายในวันที่ 15 ก.พ. เพื่อพิจารณาว่ามีความจำเป็นต้องย้ายไปควบคุมที่เรือนจำกลางเขาบินหรือเพียงย้ายไปควบคุมที่เรือนจำความมั่นคงสูง
กำลังโหลดความคิดเห็น