ASTVผู้จัดการรายวัน - เปิดบัญชีทรัพย์สิน “เต้น-ณัฐวุฒิ” ไพร่ระดับเสนาบดีเกษตรหน้าใหม่” พบอยู่บ้านจัดสรรสุดหรู 270 กว่าตร.ว.ราคาร่วม 10 ล้าน รถ 3 คัน หนึ่งคันทะเบียน “777” “ก่อแก้ว” ขึ้นชั้นมหาเศรษฐีรวยหุ้น-ห้องชุดเฉียด 80 ล้าน “เมียกี้ร์” ไม่ระบุรายได้ แต่ ขี่ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน 3 ปี ซื้อรถ 3 คัน
การแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นับเป็นการสร้างความประหลาดใจให้กับสังคมไทยเป็นอย่างมาก ประการหนึ่งเนื่องจากนายณัฐวุฒินั้น ถือเป็นแกนนำระดับตัวกลั่น หรือหากเรียกภาษาวัยรุ่น ก็คือ “ซุป’ตาร์” ของกลุ่ม นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่ว่าจากเหตุการณ์การบุกไปทำลายทรัพย์สินสาธารณะที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ที่พักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2550, การเป็น 1 ใน 3 ผู้ดำเนินรายการหลักของรายการ “ความจริงวันนี้” เรื่อยมาจนถึงเหตุการณ์สงกรานต์เลือด 2552 และเผาบ้านเผาเมือง 2553
ทั้งนี้ คำปราศรัยของนายณัฐวุฒิ ที่ติดหูติดตาชาวบ้านชาวเมืองมากที่สุด คงหนีไม่พ้นประโยคที่ว่า “เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง” ซึ่งในเวลาต่อมาก็เกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองอย่างที่นายณัฐวุฒิ กล่าวยุยงจริงๆ
อีกประการหนึ่งก็คือ นายณัฐวุฒิ นั้น ถือเป็นผู้ที่นำวาทกรรม “อำมาตย์-ไพร่” มาใช้กันอย่างแพร่หลายในการชุมนุมและบนเวทีของกลุ่มคนเสื้อแดง ในปี 2553
“อะไรเป็นตัวชี้วัดว่าใครเป็น “ไพร่” ใครเป็น “อำมาตย์” นั่นคือ รูปการณ์จิตสำนึก จิตสำนึกของไพร่ต้องยอมรับในความเสมอภาคและเท่าเทียม ไม่ดำรงชีวิตแบบอภิสิทธิ์ชน ไม่ใช้โอกาสที่ดีกว่าไปเบียดบังคนอื่นที่ด้อยกว่า ไพร่คือประชาชนธรรมดาที่เคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์” นั่นคือ ความแตกต่างระหว่างไพร่ กับ อำมาตย์ ในทัศนะของ นายณัฐวุฒิ ที่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อเดือนมีนาคม 2553
เมื่อ นายณัฐวุฒิ ได้รับแต่งตั้งเป็น รมช.เกษตรฯ เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2555 ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการ จึงสืบค้นข้อมูล การเปิดเผยรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายณัฐวุฒิ และครอบครัว หลังเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากการเลือกตั้งทั่วไป 3 ก.ค.2554 พบว่า นายณัฐวุฒิและครอบครัว ที่ประกาศตนว่าเป็นไพร่นั้น มีทรัพย์สินมากถึง 21.86 ล้านบาท ขณะที่มีหนี้สินราว 6.74 ล้านบาท หรือทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินถึง 15.12 ล้านบาท
ในวันที่ 2 ส.ค.2554 นายณัฐวุฒิ ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.ว่า ครอบครัวมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 21,864,458.69 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของนายณัฐวุฒิ 14,896,105.84 บาท ทรัพย์สินของ นางสิริสกุล ใสยเกื้อ ภรรยา (อดีตทำงานเป็นพนักงาน บ.การบินไทย) 5,754,746.41 บาท และบุตร 2 คน ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1,213,606.44 บาท ขณะที่ครอบครัวมีหนี้สิน 6,738,043.40 บาท
ทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุดของ นายณัฐวุฒิ และครอบครัว คือ ที่ดิน 6 รายการในจังหวัดนนทบุรี นครศรีธรรรมราช และ สุราษฎร์ธานี แบ่งเป็นที่ดินของนายณัฐวุฒิ เอง 5 รายการ และภรรยา 1 รายการ รวมมูลค่า 9,326,800 บาท โดยที่ดินใน จ.นนทบุรี ยังเป็นที่ตั้งของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง มูลค่า 1,500,000 บาท อีกด้วย
จากบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหน้าที่ 7 และ 8 ของ นายณัฐวุฒิ ระบุว่า สิ่งปลูกสร้างและที่ดินใน จ.นนทบุรี ของ นายณัฐวุฒิ คือ บ้านจัดสรรในหมู่บ้านเศรษฐสิริ ถนนนนทบุรี ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เนื้อที่ 274 ตารางวา ตั้งอยู่บนโฉนดเลขที่ 220018 ได้มาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2548 มูลค่ารวม 9.0 ล้านบาท (แบ่งเป็นมูลค่าที่ดิน 7.5 ล้านบาท และ สิ่งปลูกสร้าง 1.5 ล้านบาท)
เมื่อผู้สื่อข่าวสืบค้นจากรายละเอียดจากอินเทอร์เน็ต พบว่า บ้านในหมู่บ้านเศรษฐสิริที่เป็นทรัพย์สินของนายณัฐวุฒิ น่าจะเป็นหมู่บ้านเศรษฐสิริ สนามบินน้ำ ที่พัฒนาโดย บมจ.แสนสิริ โครงการประเภทบ้านเดี่ยว สไตล์ Thai Contemporary ราคาเริ่มต้น 5-16 ล้านบาท ขณะที่ราคาขายต่อในปัจจุบันอยู่ที่ราว 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยผู้สื่อข่าวตรวจสอบในเว็บไซต์ขายบ้านแห่งหนึ่ง พบว่า “บ้านเดี่ยว 2 ชั้น หมู่บ้านเศรษฐสิริ-สนามบินน้ำ เนื้อที่ 104.40 ตร.วา นนทบุรี สภาพพร้อมอยู่” ถูกตั้งราคาขายไว้ที่ 13.5 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าบ้านและที่ดินของนายณัฐวุฒิในปัจจุบันน่าจะสูงกว่านี้มาก และน่าจะสูงกว่า 9 ล้านบาท เนื่องจากที่ดินของนายณัฐวุฒิและครอบครัวมีเนื้อที่มากถึง 274 ตร.วา
นอกจากบ้านและที่ดินแล้ว นายณัฐวุฒิ และครอบครัวยังมีทรัพย์สิน เป็นรถยนต์อีก 3 คัน ประกอบไปด้วย รถยนต์ทะเบียน ฮธ 777 กรุงเทพมหานคร (ได้มาเมื่อ 4 มี.ค.53) มูลค่าปัจจุบันประมาณ 3 ล้านบาท, รถยนต์ทะเบียน กพ 4141 นนทบุรี (26 ธ.ค.50) มูลค่า 750,000 บาท และ รถยนต์ทะเบียน กย 530 นนทบุรี (22 พ.ย.53) มูลค่า 938,000 บาท
เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าทรัพย์สินและหนี้สินที่นายณัฐวุฒิมี กับเพื่อนๆ แกนนำ นปช.แล้ว นายณัฐวุฒิ นับว่า มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินมากกว่าเพื่อนๆ หลายคน เพราะทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินสุทธิกว่า 15 ล้านบาท ขณะที่เกลอแกนนำ นปช.อย่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่วาสนายังไม่ถึงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 8,224,825.64 บาท, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท มีทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้สิน 65,151.89 บาท, นายพายัพ ปั้นเกตุ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 2,445,586.41 บาท
อย่างไรก็ตาม นอกจาก นายณัฐวุฒิ ที่เรียกตัวเองว่า “ไพร่” แต่กลับมีทรัพย์สินมากมายในหลักสิบล้านบาทแล้ว ในกลุ่มแกนนำ นปช.ซึ่งในเวลานี้ยกระดับสถานะทางสังคมเป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ก็ยังมีผู้ที่มีทรัพย์สินที่มากมายไม่แพ้กัน และอาจจะมากกว่าด้วย อย่างเช่น นพ.เหวง โตจิราการ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 15,254,319.34 บาท ขณะที่ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ก็มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินสูงถึง 74.05 ล้านบาท
สำหรับ นายก่อแก้ว ซึ่งในอดีตเป็นหนึ่งในพิธีกรตัวเสริมของรายการความจริงวันนี้ ทรัพย์สินในบัญชีที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนในบริษัท นิวสตาร์อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด จำนวน 112,500 หุ้น มูลค่าสูงถึง 58,018,897.01 บาท และ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 20 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน นางระพิพรรณ พงษ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และภรรยาของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ในวันที่ 2 ส.ค.2554 ก็แจ้งรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตนเองและสามีหลังเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย โดยไม่ได้แจ้งรายได้-รายจ่ายประจำ ทั้งของตนเองและสามี (นายอริสมันต์) แต่มีทรัพย์สินเป็นเงินฝาก 2,988,135.78 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 3,720, 267.43 บาท และยานพาหนะมูลค่า 4,590,000 บาท ขณะที่มีหนี้สินรวม 9,715,357.51 บาท
กระนั้น แม้ นางระพิพรรณ ไม่ระบุถึงรายได้ของตัวเองในเอกสารที่ยื่นแก่ ป.ป.ช.แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นางระพิพรรณ และครอบครัวกลับครอบครองรถใหม่ถึง 3 คัน คือ ปี 52 รถยนต์โตโยต้า ทะเบียน ศจ 7793 กรุงเทพ (ได้มาเมื่อ 22 ก.ย.2552) มูลค่าปัจจุบันประมาณ 3 ล้านบาท, ปี 53 รถฮาร์เลย์ เดวิดสัน ทะเบียน ลขล 333 กรุงเทพ (ได้มา 11 ต.ค.2553) มูลค่าปัจจุบัน 9.9 แสนบาท (นางระพิพรรณ น่าจะกรอกเอกสารผิดเป็น 9.9 ล้านบาท) และ รถยนต์ฮอนด้า (ได้มา 3 ก.พ.2554) มูลค่าปัจจุบัน 6 แสนบาท (นางระพิพรรณ น่าจะกรอกเอกสารผิดเป็น 6 ล้านบาท) รวมมูลค่าทั้งหมด 4,590,000 บาท
หลังเข้ารับตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ แม้ นายณัฐวุฒิ จะพยายามแก้ตัวว่า ถึงจะได้เลื่อนชั้นเป็นอำมาตย์ระดับเสนาบดี แต่ตัวเองยังยืนยันในจุดยืนของความเป็นไพร่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่มูลค่าทรัพย์สินระดับเศรษฐีของตนเองและพรรคพวก รวมถึงคำให้สัมภาษณ์ที่ว่า “ไพร่ต้องไม่ดำรงชีวิตอย่างอภิสิทธิ์ชน” ก็จะยังคงค้ำคอและหลอกหลอน รมช.เกษตรฯ และ เศรษฐีไพร่คนนี้ไปตลอดกาล
การแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นับเป็นการสร้างความประหลาดใจให้กับสังคมไทยเป็นอย่างมาก ประการหนึ่งเนื่องจากนายณัฐวุฒินั้น ถือเป็นแกนนำระดับตัวกลั่น หรือหากเรียกภาษาวัยรุ่น ก็คือ “ซุป’ตาร์” ของกลุ่ม นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่ว่าจากเหตุการณ์การบุกไปทำลายทรัพย์สินสาธารณะที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ที่พักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2550, การเป็น 1 ใน 3 ผู้ดำเนินรายการหลักของรายการ “ความจริงวันนี้” เรื่อยมาจนถึงเหตุการณ์สงกรานต์เลือด 2552 และเผาบ้านเผาเมือง 2553
ทั้งนี้ คำปราศรัยของนายณัฐวุฒิ ที่ติดหูติดตาชาวบ้านชาวเมืองมากที่สุด คงหนีไม่พ้นประโยคที่ว่า “เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง” ซึ่งในเวลาต่อมาก็เกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองอย่างที่นายณัฐวุฒิ กล่าวยุยงจริงๆ
อีกประการหนึ่งก็คือ นายณัฐวุฒิ นั้น ถือเป็นผู้ที่นำวาทกรรม “อำมาตย์-ไพร่” มาใช้กันอย่างแพร่หลายในการชุมนุมและบนเวทีของกลุ่มคนเสื้อแดง ในปี 2553
“อะไรเป็นตัวชี้วัดว่าใครเป็น “ไพร่” ใครเป็น “อำมาตย์” นั่นคือ รูปการณ์จิตสำนึก จิตสำนึกของไพร่ต้องยอมรับในความเสมอภาคและเท่าเทียม ไม่ดำรงชีวิตแบบอภิสิทธิ์ชน ไม่ใช้โอกาสที่ดีกว่าไปเบียดบังคนอื่นที่ด้อยกว่า ไพร่คือประชาชนธรรมดาที่เคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์” นั่นคือ ความแตกต่างระหว่างไพร่ กับ อำมาตย์ ในทัศนะของ นายณัฐวุฒิ ที่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อเดือนมีนาคม 2553
เมื่อ นายณัฐวุฒิ ได้รับแต่งตั้งเป็น รมช.เกษตรฯ เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2555 ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการ จึงสืบค้นข้อมูล การเปิดเผยรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายณัฐวุฒิ และครอบครัว หลังเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากการเลือกตั้งทั่วไป 3 ก.ค.2554 พบว่า นายณัฐวุฒิและครอบครัว ที่ประกาศตนว่าเป็นไพร่นั้น มีทรัพย์สินมากถึง 21.86 ล้านบาท ขณะที่มีหนี้สินราว 6.74 ล้านบาท หรือทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินถึง 15.12 ล้านบาท
ในวันที่ 2 ส.ค.2554 นายณัฐวุฒิ ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.ว่า ครอบครัวมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 21,864,458.69 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินของนายณัฐวุฒิ 14,896,105.84 บาท ทรัพย์สินของ นางสิริสกุล ใสยเกื้อ ภรรยา (อดีตทำงานเป็นพนักงาน บ.การบินไทย) 5,754,746.41 บาท และบุตร 2 คน ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1,213,606.44 บาท ขณะที่ครอบครัวมีหนี้สิน 6,738,043.40 บาท
ทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุดของ นายณัฐวุฒิ และครอบครัว คือ ที่ดิน 6 รายการในจังหวัดนนทบุรี นครศรีธรรรมราช และ สุราษฎร์ธานี แบ่งเป็นที่ดินของนายณัฐวุฒิ เอง 5 รายการ และภรรยา 1 รายการ รวมมูลค่า 9,326,800 บาท โดยที่ดินใน จ.นนทบุรี ยังเป็นที่ตั้งของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง มูลค่า 1,500,000 บาท อีกด้วย
จากบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหน้าที่ 7 และ 8 ของ นายณัฐวุฒิ ระบุว่า สิ่งปลูกสร้างและที่ดินใน จ.นนทบุรี ของ นายณัฐวุฒิ คือ บ้านจัดสรรในหมู่บ้านเศรษฐสิริ ถนนนนทบุรี ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เนื้อที่ 274 ตารางวา ตั้งอยู่บนโฉนดเลขที่ 220018 ได้มาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2548 มูลค่ารวม 9.0 ล้านบาท (แบ่งเป็นมูลค่าที่ดิน 7.5 ล้านบาท และ สิ่งปลูกสร้าง 1.5 ล้านบาท)
เมื่อผู้สื่อข่าวสืบค้นจากรายละเอียดจากอินเทอร์เน็ต พบว่า บ้านในหมู่บ้านเศรษฐสิริที่เป็นทรัพย์สินของนายณัฐวุฒิ น่าจะเป็นหมู่บ้านเศรษฐสิริ สนามบินน้ำ ที่พัฒนาโดย บมจ.แสนสิริ โครงการประเภทบ้านเดี่ยว สไตล์ Thai Contemporary ราคาเริ่มต้น 5-16 ล้านบาท ขณะที่ราคาขายต่อในปัจจุบันอยู่ที่ราว 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยผู้สื่อข่าวตรวจสอบในเว็บไซต์ขายบ้านแห่งหนึ่ง พบว่า “บ้านเดี่ยว 2 ชั้น หมู่บ้านเศรษฐสิริ-สนามบินน้ำ เนื้อที่ 104.40 ตร.วา นนทบุรี สภาพพร้อมอยู่” ถูกตั้งราคาขายไว้ที่ 13.5 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าบ้านและที่ดินของนายณัฐวุฒิในปัจจุบันน่าจะสูงกว่านี้มาก และน่าจะสูงกว่า 9 ล้านบาท เนื่องจากที่ดินของนายณัฐวุฒิและครอบครัวมีเนื้อที่มากถึง 274 ตร.วา
นอกจากบ้านและที่ดินแล้ว นายณัฐวุฒิ และครอบครัวยังมีทรัพย์สิน เป็นรถยนต์อีก 3 คัน ประกอบไปด้วย รถยนต์ทะเบียน ฮธ 777 กรุงเทพมหานคร (ได้มาเมื่อ 4 มี.ค.53) มูลค่าปัจจุบันประมาณ 3 ล้านบาท, รถยนต์ทะเบียน กพ 4141 นนทบุรี (26 ธ.ค.50) มูลค่า 750,000 บาท และ รถยนต์ทะเบียน กย 530 นนทบุรี (22 พ.ย.53) มูลค่า 938,000 บาท
เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าทรัพย์สินและหนี้สินที่นายณัฐวุฒิมี กับเพื่อนๆ แกนนำ นปช.แล้ว นายณัฐวุฒิ นับว่า มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินมากกว่าเพื่อนๆ หลายคน เพราะทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินสุทธิกว่า 15 ล้านบาท ขณะที่เกลอแกนนำ นปช.อย่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่วาสนายังไม่ถึงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 8,224,825.64 บาท, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท มีทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้สิน 65,151.89 บาท, นายพายัพ ปั้นเกตุ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 2,445,586.41 บาท
อย่างไรก็ตาม นอกจาก นายณัฐวุฒิ ที่เรียกตัวเองว่า “ไพร่” แต่กลับมีทรัพย์สินมากมายในหลักสิบล้านบาทแล้ว ในกลุ่มแกนนำ นปช.ซึ่งในเวลานี้ยกระดับสถานะทางสังคมเป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ก็ยังมีผู้ที่มีทรัพย์สินที่มากมายไม่แพ้กัน และอาจจะมากกว่าด้วย อย่างเช่น นพ.เหวง โตจิราการ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 15,254,319.34 บาท ขณะที่ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ก็มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินสูงถึง 74.05 ล้านบาท
สำหรับ นายก่อแก้ว ซึ่งในอดีตเป็นหนึ่งในพิธีกรตัวเสริมของรายการความจริงวันนี้ ทรัพย์สินในบัญชีที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนในบริษัท นิวสตาร์อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด จำนวน 112,500 หุ้น มูลค่าสูงถึง 58,018,897.01 บาท และ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 20 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน นางระพิพรรณ พงษ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และภรรยาของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ในวันที่ 2 ส.ค.2554 ก็แจ้งรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตนเองและสามีหลังเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย โดยไม่ได้แจ้งรายได้-รายจ่ายประจำ ทั้งของตนเองและสามี (นายอริสมันต์) แต่มีทรัพย์สินเป็นเงินฝาก 2,988,135.78 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 3,720, 267.43 บาท และยานพาหนะมูลค่า 4,590,000 บาท ขณะที่มีหนี้สินรวม 9,715,357.51 บาท
กระนั้น แม้ นางระพิพรรณ ไม่ระบุถึงรายได้ของตัวเองในเอกสารที่ยื่นแก่ ป.ป.ช.แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นางระพิพรรณ และครอบครัวกลับครอบครองรถใหม่ถึง 3 คัน คือ ปี 52 รถยนต์โตโยต้า ทะเบียน ศจ 7793 กรุงเทพ (ได้มาเมื่อ 22 ก.ย.2552) มูลค่าปัจจุบันประมาณ 3 ล้านบาท, ปี 53 รถฮาร์เลย์ เดวิดสัน ทะเบียน ลขล 333 กรุงเทพ (ได้มา 11 ต.ค.2553) มูลค่าปัจจุบัน 9.9 แสนบาท (นางระพิพรรณ น่าจะกรอกเอกสารผิดเป็น 9.9 ล้านบาท) และ รถยนต์ฮอนด้า (ได้มา 3 ก.พ.2554) มูลค่าปัจจุบัน 6 แสนบาท (นางระพิพรรณ น่าจะกรอกเอกสารผิดเป็น 6 ล้านบาท) รวมมูลค่าทั้งหมด 4,590,000 บาท
หลังเข้ารับตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ แม้ นายณัฐวุฒิ จะพยายามแก้ตัวว่า ถึงจะได้เลื่อนชั้นเป็นอำมาตย์ระดับเสนาบดี แต่ตัวเองยังยืนยันในจุดยืนของความเป็นไพร่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่มูลค่าทรัพย์สินระดับเศรษฐีของตนเองและพรรคพวก รวมถึงคำให้สัมภาษณ์ที่ว่า “ไพร่ต้องไม่ดำรงชีวิตอย่างอภิสิทธิ์ชน” ก็จะยังคงค้ำคอและหลอกหลอน รมช.เกษตรฯ และ เศรษฐีไพร่คนนี้ไปตลอดกาล