“สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล” ให้การปฏิเสธคดีปกปิดบัญชีทรัพย์สิน 28 ล้าน ศาลฎีกานักการเมืองนัดตรวจหลักฐาน 2 ส.ค.นี้
วันนี้ (9 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง นายมานัส เหลืองประเสริฐ ประธานแผนกคดีพาณิชย์ในศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีหมายเลขดำที่ อม.4/2554 พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน นัดพิจารณาคดีครั้งแรกที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ยื่นคำร้องกล่าวหานายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้คัดค้าน จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ
โดยในวันนี้นายสมศักดิ์เดินทางมาพร้อมทีมทนายความ เมื่อถึงเวลาศาลได้อ่านอธิบายคำฟ้องสรุปว่า ขณะที่ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ หรือ ส.ส., รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวม 8 ครั้ง ซึ่งมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค. 2540 ก่อนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 11 ต.ค. 2540 จนถึงปัจจุบันรวม 21 บัญชี โดยผู้ร้องตรวจสอบพบว่ามีเงินของผู้คัดค้านจำนวน 28 ล้านบาทกระจายตามบัญชีต่างๆ ดังกล่าว แต่ผู้คัดค้านไม่ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช. ผู้ร้อง รวมทั้งยังมีบ้านพักเลขที่ 5/5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง พร้อมที่ดิน ที่มีชื่อผู้อื่นถือกรรมสิทธิ์ แต่จากหลักฐานทางการไต่สวนพบว่าบ้านและที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้คัดค้าน การกระทำของผู้คัดค้านจึงเป็นการจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ม.263 และขอให้ศาลฎีกาฯ ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ม.119 และมีคำสั่งห้ามผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลฎีกาฯมีคำสั่ง
นายสมศักดิ์ได้ให้การปฏิเสธ โดยยืนยันตามเอกสารคำให้การที่ได้ยื่นต่อศาลไปเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2554 ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานคู่ความทั้งสองฝ่ายในวันที่ 2 ส.ค. นี้ เวลา 09.30 น. พร้อมกำชับให้คู่ความทั้งสองฝ่ายยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลและทำแนวทางการไต่สวนพยานที่ประสงค์จะไต่สวนยื่นให้ศาลภายใน 14 วันก่อนวันนัดตรวจพยาน จากนั้นศาลจะทำสำเนาส่งให้คู่ความและให้คู่ความทั้งสองฝ่ายส่งคำโต้แย้งภายใน 7 วันก่อนวันนัดตรวจพยาน และหากหลักฐานใดอยู่ในความครอบครองของบุคคลภายนอก ให้ทำคำร้องยื่นต่อศาลเพื่อให้ศาลออกหมายเรียกเอกสารนั้น โดยองค์คณะได้มอบหมายให้เลขานุการศาลฎีกาฯ และเลขานุการองค์คณะทำหน้าที่ในการตรวจสอบพยานหลักฐานร่วมกันกับคู่ความก่อนถึงวันนัดและรายงานให้องค์คณะทราบ