“มาร์ค” ประกาศไม่ร่วมตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย ระบุนโยบายต่างกันชัดเจน ขณะเดียวกันวอนพรรคเล็กเคารพการตัดสินใจของประชาชน ไม่ควรตั้งขั้วที่ 3 ต่อรองร่วมรัฐบาล รับ 2 ปีที่ผ่านมามีความเห็นต่างจากพรรคร่วมฯ โดยเฉพาะการแก้ไข ม.237 เหตุ ปชป.ยังติดคดียุบพรรค กลัวถูกครหาแก้เพื่อตัวเอง เตรียมเปิดเบื้องลึกการตัดสินใจเรื่องสำคัญผ่านเฟซบุ๊ก แนะชาวดอนเมืองถ้าต้องการความแตกต่าง ได้ ส.ส.ที่มีคุณภาพควรเลือก “แทนคุณ”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาเสนอแนวทางให้พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล พร้อมกันนี้ยังพูดถึงการจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่ 3 ที่มาจากพรรคเล็กรวมตัวกันว่า เวลานี้ทุกอย่างรอการตัดสินใจของประชาชนจะดีกว่า อย่าเพิ่งไปพูดล่วงหน้า แต่ละคนก็แสดงจุดยืนกันไปว่าแต่ละประเด็นในเรื่องของนโยบายเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง จะคิดกันอย่างไรเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจก่อน
“ถ้าบอกว่าทุกพรรคจะมาเป็นรัฐบาลด้วยกัน เดี๋ยวประชาชนก็ถามว่าจะเลือกตั้งไปทำไม ใช่ไหมครับ เราต้องชัดเจน และผมคิดว่าสิ่งสำคัญเป็นเรื่องของนโยบายที่เป็นตัวตั้ง ประชาธิปัตย์อยากมาเป็นรัฐบาลที่ภายใต้แนวคิดและนโยบายของพรรค เช่น ถ้ามาบอกว่าไปร่วมรัฐบาลด้วยกัน และมายกเลิกโครงการประกันรายได้ ผมก็ไม่ยอม หรือไปร่วมรัฐบาลแล้วจะไปออกกฎหมายในลักษณะซึ่งขัดกับหลักนิติรัฐ ผมก็ไม่ยอม ถ้าอย่างนั้นก็ยอมเป็นฝ่ายค้าน แต่ถ้าหากเอาเรื่องของการเป็นรัฐบาลเป็นตัวตั้ง ในที่สุดการเมืองก็จะไม่มีหลักการ เอาเรื่องของนโยบาย ความถูกต้อง ความมั่นใจของแต่ละพรรคว่าตัวเองมีจุดยืนอย่างไร เป็นตัวตั้งเสียก่อน”
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์สามารถทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเสนอหลายอย่างอยู่ในขณะนี้ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะนโยบายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อถามว่าขณะนี้พรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาเกาะกัน และบอกว่าน่าจะได้เสียงประมาณ 100 เสียง และพรรคใหญ่ไม่สามารถจัดตั้งได้ และก็จะตั้งรัฐบาล โดยมีจุดยืนร่วมกันคือ นิรโทษกรรม และแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 237 มีความเห็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ยังไม่ได้ยินว่าเขาบอกอย่างนั้น เห็นแต่ตอนที่มีการมาประกาศของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยว่าจะไม่ร่วมกัน และพรรคชาติไทยพัฒนาก็บอกว่าไม่เกี่ยวกับเขา ตนได้ยินเพียงเท่านี้ และยังไม่เข้าใจว่าจะจับกันอย่างไร
ส่วนที่ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่าการจับมือของพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคภูมิใจไทย มีจุดยืนร่วมกันคือนิรโทษกรรม มีความเห็นอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ถ้าพรรคชาติไทยพัฒนาจับกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคภูมิใจไทยร่วมกับพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ก็ต้องแปลว่าพรรคชาติไทยพัฒนากับพรรคภูมิใจไทยต้องไม่ร่วมกับพรรคเพื่อไทย แต่ตนเองไม่ได้ยินอย่างนั้น ได้ยินแต่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนาพร้อมจะร่วมกับทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคใหญ่อาจจะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ขณะที่พรรคเล็กมีอำนาจการต่อรอง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ โดยหลักถ้าใครได้เสียงข้างมากเด็ดขาดตรงนั้นชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าไม่มีใครได้เสียงข้างมาก ใครรวบรวมเสียงข้างมากได้ก็เป็นรัฐบาล โดยมารยาทคนมาอันดับหนึ่งจะมีโอกาสก่อน แต่การที่พรรคอันดับหนึ่ง หรือพรรคอันดับสอง มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ตนติดว่าพรรคการเมืองที่มาในลำดับลดลงไป จะต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชนเหมือนกัน อย่าไปคิดว่าจะยื่นเงื่อนไขเรียกร้องอะไรเสียทุกอย่าง คิดว่าจะดูกระไรอยู่ และจะกลายเป็นว่าคนได้คะแนนน้อยมีความหมายมากกว่าคนได้คะแนนมากคงจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้
เมื่อถามว่า ทำให้เสียสมาธิในการหาเสียงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ เวลานี้ตนเองไม่ได้ติดตามเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นอกจากเปิดหนังสือพิมพ์ตอนเช้าดูข่าวเท่านั้นเอง แต่สิ่งสำคัญคือการเดินหน้าเรื่องการสื่อสารกับประชาชนมากว่า เพราะตอนนี้ที่ต้องการคือต้องการให้การเลือกตั้งเป็นของประชาชน และทำให้เรามาพูดคุยกับเขาในเรื่องที่อยู่ในความสนใจ และเป็นปัญหาของเขาจริงๆ
ส่วนการล็อกเรื่องนิรโทษกรรม และแก้มาตรา 237 ซึ่งเป็นจุดยืนที่ตรงข้ามกับพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นความเห็นของนายสมศักดิ์ หรือเปล่า เพราะจริงๆ แล้วมีอีกหลายเรื่องซึ่งเหลืออีกหลายกลุ่ม และพรรคการเมืองยังไม่ได้พูดชัดขนาดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราระมัดระวังคือ ทำอย่างไรไม่ให้ถูกมองว่านักการเมือง สุดท้ายพยายามกลับไปมีอำนาจเพื่อแก้ไขปัญหาของนักการเมืองด้วยกันเองมากว่าการแก้ไขปัญหาของประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าจำเป็นต้องเป็นรัฐบาลผสมร่วมกัน ห่วงหรือไม่จะเกิดการกดดันเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเหมือนที่เคยเกิดขึ้น ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีความเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง มีแรงกดดันอยู่บ้างแต่ในที่สุดแล้วก็มีการหาข้อยุติร่วมกัน ที่เราคิดว่าเหมาะสม เหมือนกับที่ผ่านมา มาตรา 237 พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้แก้ เพราะเห็นว่าตอนนั้นคดีของพรรคยังมีอยู่ ซึ่งจะเป็นปัญหาว่ากลายเป็นทำเพื่อตัวเองอย่างนี้เป็นต้น
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีเขียนผ่านเฟซบุ๊กชัดเจนว่าจะมีการทำบันทึกจากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ เกี่ยวกับเหตุผลการตัดสินใจในเหตุการณ์สำคัญๆ ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้น่าจะเรียบร้อยแล้ว แต่ตนยังไม่ได้ตรวจสอบให้ทีมงานทำอยู่ ซึ่งเป็นการย้ำช่วงที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีได้พยายามสื่อสารต่อประชาชนในเรื่องนโยบายเป็นหลัก ไม่ค่อยอยากพูดเรื่องการเมือง ไม่อยากเป็นเงื่อนไขความขัดแย้ง แต่ตั้งแต่มีการยุบสภาหาเสียงกันมามีการไปพูดจาถึงเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งตนเห็นว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ดังนั้นต้องการที่จะมีบันทึกเอาไว้เป็นหลักเป็นฐานว่าความจริงที่เกิดขึ้น การตัดสินใจของตนในแต่ละครั้งในเรื่องสำคัญๆ เป็นอย่างไร ฉะนั้นบันทึกนี้จะได้เป็นสิ่งที่ทำให้พี่น้องประชาชนรับทราบว่าเวลาตนตัดสินใจในเหตุการณ์สำคัญๆ ที่มาที่ไปของมันคืออะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าการหาเสียงโค้งสุดท้ายจะเน้นเรื่องการเมืองมากขึ้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราสื่อสารทุกเรื่องและคิดว่าประชาชนอาจจะมีคำถามเรื่องการเมืองมากขึ้น แต่ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่เราอยากมุ่งเน้นเรื่องของนโยบายที่เป็นปัญหาของประชาชน นั่นคือสิ่งที่อยู่ในใจเขามากที่สุด
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงในเขตดอนเมืองว่า ความจริงตนมาดอนเมืองทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง ส.ส.หรือ ส.ก.แม้ว่าจะไม่ใช่พื้นที่ที่คนมองว่ามีฐานคะแนนเสียงของพรรค แต่ก็มีประชาชนจำนวนมากที่พร้อมจะรับฟัง และให้การสนับสนุน เรารู้ว่าพื้นที่ดอนเมืองเป็นรองมากแต่ความมุ่งมั่น ความตั้งใจและที่สำคัญคือตัวผู้สมัครที่เรานำเสนอ ตนเชื่อว่าเป็นความแตกต่างจากสิ่งที่พี่น้องชาวดอนเมืองมีอยู่ในขณะนี้อย่างชัดเจน และมั่นใจในคุณภาพของผู้สมัครและความตั้งใจของเราที่จะทำงาน ขอโอกาส เพียงแค่เราเข้าถึงพี่น้องประชาชนชาวดอนเมือง คิดว่าเราจะมีโอกาส
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความแตกต่างระหว่างนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ของสมัครของพรรคประชาธิปัตย์ และนายการุณ โหสกุล จากพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พี่น้องประชาชนที่ติดตามข่าวสารบทบาทของทั้ง 2 คนจะทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นความแตกต่างโดยสิ้นเชิง อยากให้พี่น้องชาวดอนเมืองสนับสนุนนายแทนคุณ และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายแทนคุณได้ลงพื้นที่หนัก และรับทราบปัญหาของพี่น้องประชาชนที่นี่เป็นอย่างดี และเราได้พูดคุยกันอยู่หลายเรื่อง และหลายเรื่องเป็นนโยบายระดับชาติ ไม่ใช่เพียงประเด็นของท้องถิ่นเท่านั้น
เมื่อถามว่าคิดว่ามีโอกาสจะคว่ำนายการุณได้หรือไม่ หัวหน้าประชาธิปัตย์กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน ถ้าประชาชนชาวดอนเมืองอยบากเปลี่ยนแปลงอยากได้ผู้แทนที่เป็นหน้าเป็นตาแบบนายแทนคุณ ตนคิดว่าก็มีโอกาส อย่างไรก็ตาม ต้องเคารพการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน