xs
xsm
sm
md
lg

ชทพ.เบรก ปชป.ตั้งรัฐบาลสู้หากได้อันดับ 2 ภท.ฝันนั่งนายกฯ ส้มหล่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชำนิ ศักดิเศรษฐ์  (แฟ้มภาพ)
4 พรรคใหญ่เห็นพ้องเลือกตั้งเป็นทางออก แต่ถ้าไม่เคารพเสียงประชาชนก็ไม่อาจนำประเทศพ้นวิกฤตได้ “ชำนิ” ชี้หลังเลือกตั้งเป็นรัฐบาลผสม แม้ ปชป.ได้คะแนนอันดับ 2 ก็ตั้งรัฐบาลแข่งได้ เหตุเป็นกติกาของ รธน. ขณะที่ “เด็กเติ้ง” เบรก แนะควรมีมารยาทให้พรรคที่ 1 เป็นรัฐบาลก่อน ถ้าไปไม่รอดพรรคเบอร์ 2 จึงเข้ามา เตือนมือที่มองไม่เห็นแทรกแซงจะยิ่งก่อปัญหามากขึ้น “ปลอดประสพ” ขู่หากไม่ยอมรับเสียงข้างมาก ไม่แก้กติกา ความไม่เป็นธรรมยังอยู่ พลังนอกสภาจะรุนแรงมากขึ้น ด้านภูมิใจห้อย ฝันนั่งนายกฯ ส้มหล่น

ที่สถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งของ (กกต.) วันนี้ (4 เม.ย.) จัดการอภิปรายในหัวข้อ “เลือกตั้งอย่างไร ให้เมืองไทยพ้นวิกฤต” โดยนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เลือกตั้งไม่ให้มีวิกฤต คือ เวลาเลือกตั้งต้องไม่มี กกต.ลาออก การเลือกตั้งทุกครั้งเป็นทางออกของวิกฤตได้เสมอ ยกเว้นในบางเวลาที่การเมืองเป็นทางออกไม่ได้ เช่น การเลือกตั้งปี 35 หลังการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (รสช.) และการยุบสภาฯปี 49 ซึ่งนำประเทศสู่วิกฤตทางการเมือง

ขณะที่การเลือกตั้งปี 2550 เป็นการเลือกตั้งที่เอาการเมืองออกจากวิกฤตรัฐประหาร แต่ก็มีวิกฤตซ้ำเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง จนนายกฯ ต้องประกาศว่าจะยุบสภาฯ เพราะวิกฤตการเมืองของประเทศอยู่นอกสภาฯ แรงกดดันนอกสภามีอยู่ตลอดเวลา และรุนแรงถี่มากขึ้นเรื่อยๆ นายกฯจึงตัดสินใจยุบสภาฯเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจของคนส่วนใหญ่ในประเทศ เพราะจะปล่อยให้คนกลุ่มย่อยกดดันการเมืองต่อไปไม่ได้

นอกจากนี้เห็นว่า กกต.เป็นองค์กรที่มีบทบาทเป็นมืออาชีพของการจัดการเลือกตั้ง เลขาฯ กกต.ต้องเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการเลือกตั้ง ไม่ใช่เป็นทางผ่านไปสู่ตำแหน่งอื่น ดังนั้นจึงต้องฝากความหวังไว้กับเจ้าหน้าที่กกต.และประชาชนที่จะมีส่วนช่วยดูแลการเลือกตั้งให้โปร่งใส

ทั้งนี้ การแพ้ชนะการเลือกตั้งมีความสำคัญต่อการจัดตั้งรัฐบาล ในอดีตเรามีปัญหาเพราะการเมืองไทยเป็น 2 ขั้ว ไม่ใช่ 2 พรรค เป็นการแข่งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีการควบรวมพรรคการเมืองเพื่อแข่งกับพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนการตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง มันก็ไม่ใช่ว่าจะมาประกาศกันว่าถ้าได้คะแนนเสียงมาที่ 1 แล้วให้ยอมรับอย่ามาแข่งตั้งรัฐบาล เพราะกติกาของรัฐธรรมนูญมันก็ไปตั้งแข่งกันในสภา ต่างจากอดีตที่ตั้งนอกสภาแล้วเอาชื่อไปเสนอประธานสภาฯ อีกทั้งให้การโหวตนายกฯเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. ทั้งนี้ยังเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่มีพรรคที่ได้เสียงข้างมากแบบเด็ดขาด สูตรการจัดตั้งรัฐบาลอาจไม่ใช่แค่พรรคลำดับที่ 1-2 ส่วนใครที่คิดว่าอยากให้พรรคที่ได้ลำดับ 1 และ 2 ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลนั้น ส่วนตัวยังศรัทธาในการมีฝ่ายค้าน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นถามว่าจะให้พรรคที่ได้ลำดับที่ 3 ทำหน้าที่ตรวจสอบเป็นฝ่ายค้านหรือ มองว่าจะยิ่งเป็นการผลักให้พรรคเหล่านี้ไปเล่นอยู่นอกสภามากกว่า ดังนั้นพรรคที่ได้คะแนนมาลำดับที่ 3 จะเป็นตัวชี้ขาด

ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ตัวแทนจากพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พรรคการเมืองและนักการเมืองเป็นกุญแจสำคัญในการก้าวพ้นวิกฤต แต่ขณะนี้เห็นป้ายโฆษณาพรรคการเมืองแล้วหดหู่ มีแต่จะนำไปสู่ความขัดแย้งที่ไม่ได้แข่งขันกันที่นโยบายเหมือนเลือกตั้งปี 48 และเห็นว่าจะให้เลือกตั้งนำประเทศพ้นวิกฤต กฎหมาย กติกา ระเบียบต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ผู้ปฏิบัติทั้ง กกต. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งต้องทำให้ประชาชนเชื่อถือ ศรัทธา

ที่สำคัญเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาทุกฝ่ายต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งตรงนี้เชื่อมโยงกับมือที่มองไม่เห็น โดยตนเห็นว่าหลังเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองต้องให้เกียรติกับพรรคที่ได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาลก่อนระยะหนี่ง ไม่ใช่ไปจัดตั้งแข่งในทันที หรือถ้าพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่งตั้งรัฐบาลแล้ว บริหารงานไประยะหนึ่งแล้วไปต่อไม่ได้ พรรคที่ได้คะแนนเป็นลำดับ 2 ก็มารวมเสียงตั้งรัฐบาล มันก็ไม่ผิด จริงอยู่ที่ขณะนี้กติกา กระบวนการเลือกตั้งนายกฯเปลี่ยนแปลงไปอยู่ที่ในสภา แต่ก็ต้องมีการคุยตกลงกันก่อนหน้านั้น ไม่เช่นนั้นไม่มีทางตั้งได้ ซึ่งตรงนี้มือที่มองไม่เห็นก็ควรปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และเคารพระบบรัฐสภา ถ้าเป็นอย่างนี้การเลือกตั้งก็จะทำให้การเมืองพ้นวิกฤตแน่นอน โดยหลังการเลือกตั้งก็อย่าคิดว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะทำได้เฉพาะพรรคที่ได้ที่ 1 หรือที่ 2 แต่พรรค 3-4-5-6 อาจได้เป็นรัฐบาลก็ได้

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะให้ประชาชนบอกว่าใครควรได้รับโอกาสให้เข้ามาบริหารประเทศ การเมืองนอกสภาฯหมายถึประชาชนไม่ใช่แค่สีเหลือง สีแดง หวังว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยึดมั่นในคำพูด คือ เลือกตั้งเพื่อแก้ปํญหานอกสภา ดังนั้น ถ้าประชาชนเลือกใครมาต้องยอมรับในการตัดสินใจ โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าเลือกตั้งจะข้ามพ้นวิกฤตเพราะกติกายังไม่เป็นประชาธิปไตย ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นธรรมไม่เสมอภาค ใครหน้าไหนมาเป็นรัฐบาลก็ไม่มีทางที่จะบริหารประเทศอย่างราบรื่น

การที่มองกันว่าหลังเลือกตั้งแล้วยังเป็นรัฐบาลผสม ก็ทำให้มีการเอื้อต่อการทุจริตเสมอเป็นการให้สัมปทานกับพรรคอื่น ผู้ตรวจสอบอยู่ในเรือลำเดียวกัน ซึ่งตนพยากรณ์ได้เลยว่า ด้วยกติกาไม่เป็นธรรม ความไม่เป็นประชาธิปไตยทั้งหลาย สิ่งเหล่านี้จะสำแดงฤทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้การเมืองหลังการเลือกตั้งบ้านเมืองไม่สงบสุข และยิ่งถ้าผลการเลือกตั้งออกมาแล้วฝ่ายตรงข้ามไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชน พลังนอกสภาจะยิ่งรุนแรงกว่าเดิม

“ที่พรรคเพื่อไทยท้าพรรคการเมืองอื่นให้ยอมรับการตัดสินใจของประชาชน ถ้าพรรคไหนได้เสียงข้างมาก จะไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลแข่ง ก็เพราะเรากลัวจะไม่ชนะ แต่ก็คิดว่ามาขนาดนี้แล้ว ถ้าแพ้ก็เป็นฝ่ายค้าน ก็กลับไม่มีพรรคไหนยอมรับคำท้า ซึ่งอยากขอยืมคำพูดสวยๆ ของท่านนายกฯอภิสิทธิ์ที่ชอบพูดเสมอว่า 1 เสียงก็มีความหมาย 1 ผู้เสียชีวิตก็ต้องเคารพ ฉะนั้นถ้าเราอยากจะให้การเลือกตั้งนำบ้านเมืองพ้นวิกฤตก็ต้องเคารพเสียงของประชาชนที่ให้กับพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง แม้ว่าจะมีคะแนนเสียงมากกว่าพรรคที่มาอันดับ 2 เพียงเสียงเดียวก็ตาม”

นายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ ประธานส.ส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า การระบุว่ากระทรวงมหาดไทยคุมผู้ว่าราชการจังหวัดจะส่งผลให้ชนะการเลือกตั้งเป็นการให้เครดิตผู้ว่าฯมากเกินไป ตัวอย่างมีให้เห็นจากผู้ว่าฯ ที่เกษียณอายุราชการลงสมัครเลือกตั้งก็ไม่ชนะ ข้อวิจารณ์ดังกล่าวจึงเป็นเพียงการคาดคิดว่าความใกล้ชิดกับพรรคการเมืองจะช่วยได้ เชื่อว่าผู้ว่าฯยืนถ่างขา รอว่าใครจะได้กลับมา กรณี 1 หมื่น 1 อำเภอ ถ้าทำได้พรรคภูมิใจไทยคงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย แต่เชื่อว่าจะไม่มีพรรคใดได้เสียงเกิน 250 พรรคภูมิใจไทยยืนยันจะยึดมั่นในกติกาของรัฐธรรมนูญ ที่ก็ไม่ได้เขียนว่าผู้ได้เสียงข้างมากจะได้เป็นนายกฯ เลย แต่ต้องไปเลือกกันในสภา ดังนั้นถ้าหากพรรคที่ได้เสียงข้างมากมาเชิญไปร่วมรัฐบาลก็จะนำไปตัดสินใจ หรือถ้าพรรคภูมิใจไทย ได้ 60 เสียงใครมาเชิญไปเป็นนายกฯ เชื่อว่าหัวหน้าพรรคคงไม่ปฏิเสธ

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าผ่านไป 1 เดือน สถานการณ์จะยุ่ง คนที่ไม่ยึดมั่นในกติกาจะออกจากสภามาเล่นนอกสภา
กำลังโหลดความคิดเห็น