xs
xsm
sm
md
lg

ภท.-ชทพ.ประกาศจับมือทางการเมือง กั๊กร่วมงานเพื่อไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา” ชื่นมื่น ประกาศ “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร กั๊กจับมือเพื่อแม้ว ยกธรรมเนียมปฏิบัติพรรคใดได้ ส.ส.เป็นอันดับหนึ่ง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ที่โรงแรมสยามซิตี้ วันนี้ (14 มี.ค.) พรรคภูมิใจไทยได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับพรรคชาติไทยพัฒนาภายใต้ชื่องานว่า “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” โดยก่อนเวลาเริ่มงาน นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ซึ่งสวมเสื้อฟุตบอลทีมบุรีรัมย์พีอีเอ พร้อมแกนนำพรรคบางส่วน อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรค นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ได้ลงมายังห้องรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นห้องจัดเลี้ยงเพื่อดูแลความเรียบร้อยด้วยตัวเอง พร้อมปฏิเสธให้กับสัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

ส่วนแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาที่เดินทางมาล่วงหน้าเพื่อมาต้อนรับนายบรรหาร ได้แก่ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม และ ส.ส.พรรคบางส่วน

ขณะที่สื่อมวชนได้แซวนายเนวิน ว่า “ทำไมเมนูอาหารวันนี้ไม่มีหูฉลามที่ท่านบรรหารชอบ” ซึ่งนายเนวิน อมยิ้มแล้วตอบกลับมาว่า “วันนี้พรรคภูมิใจไทยเป็นเจ้าภาพครับเลยไม่มีหูฉลาม”

สำหรับเมนูอาหารที่พรรคภูมิใจไทยจัดไว้ ประกอบด้วย ปอเปี๊ยะทอด เป็ดย่าง ไก่ตุ๋นเห็ดหอม ฉู่ฉี่เนื้อปลา บล็อกเคอรี่ผัดกุ้ง ปลานึ่งมะนาว ข้าวสวย ขนมไทย และ ผลไม้สด

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อถึงเวลางาน นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ซึ่งสวมเสื้อเชิ๊ตสีเหลืองและในสูทสีดำทับได้ลงมาจากรถตู้พร้อมด้วยไม้เท้าพยุงร่างกาย และเมื่อเดินเข้ามาภายในโรงแรม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เป็นตัวแทนของพรรคเข้าไปต้อนรับพร้อมกับจับมือร่วมกันแสดงความยินดี ส่วน นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ได้ชูมือนายชวรัตน์ขึ้นเหนือศีรษะด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มและเป็นกันเองก่อนที่จะเดินทางเข้าไปรับประทานกับนายเนวินและแกนนำพรรคภูมิใจไทยต่อไป

อย่างไรก็ตาม ระหว่างเดินทางเข้าไปในห้องรับประทานอาหาร ปรากฏว่า นายบรรหาร มีสีหน้าที่ไม่พอใจ พร้อมกล่าวกับผู้จัดงานว่าได้มีการจัดห้องรับประทานอาหารที่เป็นส่วนตัวเอาไว้หรือไม่เพราะจะต้องมีการพูดคุยกันกับผู้ใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสถานที่ของโรงแรมไม่สามารถให้คำตอบได้ ทำให้ นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ต้องมาชี้แจงและทำความเข้าใจกับนายบรรหาร ว่า ห้องรับประทานที่จัดไว้นี้จะไม่ให้สื่อมวลชนเข้ามาสังเกตุการณ์โดยจะเป็นการปิดห้องหารือเป็นการส่วนตัวระหว่างสองพรรค โดยได้จัดสถานที่ให้สื่อมวลชนเป็นการเฉพาะเอาไว้แล้ว โดยเมื่อนายบรรหารได้รับฟังคำชี้แจงดังกล่าวจึงเดินเข้าห้องเพื่อรับประทานอาหาร

จากนั้นเวลา 13.00 น.แกนนำพรรคทั้งสองพรรคได้เข้าร่วมแถลงข่าวเพื่อประกาศจุดยืนและท่าทีทางการเมืองร่วมกัน ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวปรากฎว่าแกนนำพรรคที่อยู่ในระหว่างถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองอาทิ นายบรรหาร ศิลปอาชา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล นายเนวิน ชิดชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ปฏิเสธที่จะนั่งแถลงโต๊ะแถลงข่าวที่ได้มีการเตรียมเอาไว้ แต่มานั่งเก้าอี้ที่เตรียมไว้สำหรับสื่อมวลชน ทั้งนี้ นายเนวิน ได้ขอความร่วมมือให้ ส.ส.ของทั้งสองพรรคเข้าไปยืนด้านหลังที่นั่งที่ทั้งนายชุมพล และ นายชวรัตน์ จะแถลงข่าว โดยกล่าวกับสส.ของพรรคภูมิใจไทยว่า “ถ้าใครอยากเป็น ส.ส.ให้ไปยืนข้างหลัง” ซึ่งในช่วงแรกของการแถลงข่าวนายเนวินได้แสดงท่าทีจะไม่เข้ามาในห้องแถลงข่าว ทำให้นายบรรหารพูดออกมาว่า “ถ้าเนวินไม่เข้า อาออก” ทำให้นายเนวิน ต้องรีบวิ่งเข้ามา

นายชวรัตน์ และ นายชุมพล อ่านแถลงการณ์ร่วมกัน ว่า ทั้งสองพรรคได้หารือถึงแนวทางในการทำงานทางการเมืองในโอกาสที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งได้มีข้อตกลงร่วม 1.ทั้งสองพรรคจะมุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อปกป้องสถาบันสูงสุด และสร้างความปรองดองให้แก่คนในชาติ 2.ทั้งสองพรรคตกลงให้สัจจะวาจานับแต่นี้จะดำเนินการทางการเมืองร่วมกันมีจุดยืนเดียวกัน 3.หลังการเลือกตั้งไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรทั้งสองพรรคจะตัดสินใจร่วมกัน ขอยืนยัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทั้งสองพรรคเสนอเป็นตัวแปรทางการเมืองใช่หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า เจตนานี้เพื่อทำภารกิจทางการเมืองร่วมกัน เพราะปัญหาของประเทศสะสมมานานแล้ว สังคมไทยต้องการความปรองดองเป็นหัวใจสำคัญ การรวมตัวกันไม่ใช่เป็นตัวแปรแต่เป็นการทำงานเพื่อสร้างความปรองดอง ไม่ให้มีการเลือกข้างและสองมาตรฐาน และที่สำคัญผลการเลือกตั้งยังไม่ออกมาคงทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นตัวแปรทางการเมืองเพื่อต่อรองทางการเมือง เพราะการเลือกตั้งยังไม่มาถึงทำให้ไม่รู้ว่าแต่ละพรรคจะได้เท่าไหร พรรคชาติไทยพัฒนาอาจจะได้แค่ 5 เสียง ภูมิใจไทย ได้ 10 เสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ นายชุมพล พูดในประเด็นนี้เรื่องจำนวนเสียง ส.ส.ส่งผลให้เกิดฮือฮาจากส.ส.และแกนนำของพรรค ทำให้นายชุมพล กล่าวติดตลกว่า “ผมอาจจะพูดโอเวอร์ไป” ขณะที่ นายบรรหาร ตะโกนขึ้นไปว่า “ถ้าอย่างนั้นเติมเลขศูนย์เข้าไปก็ได้”

“มารวมกันเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ในอนาคตเราอาจเชิญพรรคอื่นๆ มาร่วมกันเป็นไปได้ เราไม่ได้ตัดโอกาส วันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นทางการเมืองเท่านั้น ผลประโยชน์ของชาติมาก่อน สำหรับสนามเลือกตั้งคงปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติไม่มีการฮั้วทางการเมืองแบบที่หลบให้กันทางการเมืองแบบนี้ไม่มีแน่นอน ในเขตเลือกตั้งระหว่างสองพรรคยังสู้กันเต็มที่” นายชุมพล กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า มีความเป็นไปได้ที่จะไปจับขั้วการเมืองกับพรรคเพื่อไทย นายชุมพล กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคตยังตอบไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาได้มีการร่วมงานกันทางการเมืองมานานแล้ว และถ้าพรรคใดเห็นด้วยกับแนวทางของเราก็พร้อมให้เข้ามาร่วมงานกับเราได้ ไม่มีการกีดกันแน่นอน

ต่อข้อถามว่า ทั้งสองพรรคเห็นด้วยกับการประกาศยุบสภาช่วงเดือน พ.ค.หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า การยุบสภาฯเป็นอำนาจและความเหมาะสมของนายกรัฐมนตรี ถ้าท่านตัดสินไม่ดีนายกรัฐมนตรีก็ต้องรับผิดชอบเสียคะแนนไป อย่างไรก็ตาม การยุบสภาส่วนใหญ่จะเลือกในโอกาสและจังหวะที่รัฐบาลได้เปรียบเท่านั้น ทั้งนี้การจัดตั้งรัฐบาลเรายังถือธรรมเนียมปฎิบัติที่ทำกันมา คือ พรรคใดได้เสียงข้างมากเป็นอันดับหนึ่งก็ต้องได้จัดตั้งรัฐบาลก่อนตามธรรมเนียม แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของประเทศชาติในเวลานั้นว่าจะเป็นอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากพิธีการแถลงข่าวเสร็จสิ้นที่บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ในส่วนของแกนนำพรรคทั้งสองพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะแถลงข่าวทั้งนายเนวินและนายบรรหารได้มีการคุยกันตลอดเวลา ทั้งนี้นายเนวิน กล่าวว่า วันนี้ตนกับนายบรรหารถือเป็นผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหญิงฝ่ายชายที่จะมาอยู่รวมกันและอยู่กันนานแน่นอน จากนั้นผู้สื่อข่าวเลยแซวกับไปว่าใครเป็นฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ซึ่งนายบรรหาร แซวกลับมาว่า ยังไม่รู้ว่าใครเป็นชายใครเป็นหญิง หรืออาจเป็นผู้ชายกับผู้ชายก็ได้












กำลังโหลดความคิดเห็น