xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ไม่เห็นด้วย” แต่ก็ “ไม่คัดค้าน” นกแก้ว “เอาอยู่” แล้วค่าาา!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ถึงแม้รัฐบาลพรรคเพื่อแม้ว โดยการนำของนายกฯ นกแก้ว จะออกมาส่งเสียงเจื้อยแจ้วและทำท่าที “ขึงขัง” สร้างภาพว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าด้วยโทษฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่ก็มีการ “แทงกั๊ก” แอบให้ท้ายอยู่ในทีว่า “ไม่คัดค้าน” หากขบวนการ “นิติเรด-นิติราษฎร์” ที่ยกระดับเป็นคณะกรรมการรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 หรือ “ครก.112” จะออกมาเคลื่อนไหว โดยอ้างว่าเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ

“ไม่เห็นด้วย” แต่ก็ “ไม่คัดค้าน” ไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยชาวบ้านเขาก็รู้ “ไต๋” ว่ารัฐบาลเพื่อแม้ว โดยการนำของนกแก้ว “เอาอยู่” กับพวกนิติเรด-นิติราษฎร์ ที่แปลงร่างเป็น “ครก.112” จากนัยที่สื่อ จากความหมายที่ส่งไป ก็เป็นอันเข้าใจตรงกันแล้วว่า นกแก้วแอบ “เอาอยู่” กับขบวนการคิดแก้มาตรา 112 ที่ส่อเจตนาบ่อนทำลายเบื้องสูง

แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่า 'พรรคเพื่อแม้ว' นั้นมีกิตติศัพท์ลือลั่นในเรื่อง “ความสับปลับ” กลับกลอก ปลอกปลิ้น กลับไปกลับมาอยู่แล้ว และผลจาการแอบให้ท้าย “เอาอยู่” นี้ ทำให้พวกนิติเรด-นิติราษฎร์ ที่แปลงร่างเป็นครก.112 ได้ใจจนเกิดความเหิมเกริม กำเริบเสิบสาน เมินกระแสต้านของสังคม เดินหน้าล่าชื่อแก้มาตรา 112 ว่าด้วยโทษฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และรุกคืบเดินสายทั่วประเทศ ส่อเจตนาบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง สุมไฟความแตกแยกของคนในชาติ อีกทั้งยังท้าทายและยั่วยุกองทัพ !

ทั้งนี้ แทนที่รัฐบาลนกแก้วจะปราม แต่กลับตี “สองหน้า” แอบให้ท้าย “เอาอยู่” ในที โดยล่าสุดนายกฯนกแก้ว กล่าวหน้าตาเฉยว่า การเคลื่อนไหวของ ครก.112 เป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพทางวิชาการ ทั้งๆ ที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศเตือนอย่างแข็งกร้าวให้ทุกฝ่ายหยุดเคลื่อนไหวเรื่องมาตรา 112 รวมถึง “พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์” ผู้บัญชาการทหารเรือ และ “พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร” แม่ทัพภาคที่ 1 ก็ออกโรงมาปรามขบวนการเคลื่อนไหวแก้ไขมาตรา 112 ว่า “ควรหยุดได้แล้ว”

ทั้งๆ ที่บริหารบ้านเมือง “ล้มเหลว” ในแทบทุกเรื่องและทุกด้าน แทนที่จะปรับปรุงแก้ไขการบริหารบ้านเมืองให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และใส่ใจกับเรื่องปากท้อง-เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง แต่รัฐบาลนกแก้วกลับหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อนายใหญ่ ขณะที่ประชาชน “จน” จะกินแกลบกันอยู่แล้ว รัฐบาลนกแก้วยังมีแก่ใจ “ลุแก่อำนาจ” สร้างแต่ปัจจัยลบ จุดชนวนความแตกแยกขึ้นมาในบ้านเมือง โดยเฉพาะการแอบอยู่ข้างหลัง “เอาอยู่” กับขบวนการนิติเรดที่แปลงร่างเป็น “ครก.112” ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความขัดแย้ง-แตกแยกของผู้คนในสังคม ต่อกรณีที่เกิดจากความฉ้อฉลของขบวนการคิดแก้มาตรา 112 ที่ส่อเจตนาบ่อนทำลายเบื้องสูงอยู่ในขณะนี้ “ยินดี วัชรพงศ์ ต่อสุวรรณ” นักกฎหมายและศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ ได้เขียนถึงกรณีดังกล่าวไว้อย่างแหลมคมและน่าสนใจว่า...

เหตุผลของวัตถุประสงค์ที่นิติราษฎร์นำเสนอต่อสาธารณชนนั้น ไม่มีความชัดเจนในทางวิชาการว่า การยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 นั้น เป็นการปฏิรูปแก้ไขกฎหมายเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงยั่งยืนสถาพร เป็นหลักแห่งความมั่นคงของราชอาณาจักรไทยตลอดไปหรือไม่

แต่การแสดงออกต่อสาธารณชน มีแนวโน้มของการไล่ล่าสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สูญสิ้นซึ่งศักดิ์ศรีของความเป็นประมุขที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติ สูญสิ้นในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ที่แทบจะไม่มีที่ยืนในผืนแผ่นดินไทย อารมณ์ของประชาชนที่มีความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์จึงได้พร้อมใจกันลุกขึ้นมา คัดค้านต่อต้านการกระทำของนิติราษฎร์ แทบจะทันทีที่นิติราษฎร์ได้แถลงจุดยืนของ นิติราษฎร์ที่จะแก้ไขมาตรา 112 และความต้องการของนิติราษฎร์ที่จะให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในสถานะอย่างไร เมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 จึงมีประเด็นในทางวิชาการว่า เป็นการแก้ไขโดยหลักการทางวิชาการของกฎหมายหรือไม่

อาจารย์ยินดีอธิบายว่า กฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นกฎหมายที่มิได้ห้ามเด็ดขาดมิให้ผู้ใดกระทำ แต่เป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นเพื่อปกป้องคุ้มครองประมุขของรัฐที่มีสถานะเป็นพระมหากษัตริย์และเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ อันอยู่ในสถานะที่มีความเกี่ยวพันทางวัฒนธรรม ประเพณีและความมั่นคงของประเทศ ซึ่งผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไม่ได้

มาตรา 112 เป็นเพียงกฎหมายห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการดังกล่าวเท่านั้น ดังนั้น ผู้ใดจะหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์หรือสถาบันพระมหากษัตริย์ย่อมกระทำได้ แต่ผู้นั้นก็ต้องรับผิดชอบกับการถูกดำเนินคดี ถูกศาลพิพากษาลงโทษเอง

ฎหมายมาตรา 112 จะมีผลกระทบต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเฉพาะก็ต่อเมื่อบุคคลนั้น ได้กระทำการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อ พระมหากษัตริย์ การที่บุคคลใดจะกระทำการดังกล่าวนั้น จะต้องมีการกระทำของบุคคลนั้นเกิดขึ้น โดยบุคคลนั้นจะต้องมีการคิด มีการตกลงใจ และมีการลงมือกระทำตามที่ตกลงใจ การกระทำหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรืออาฆาตมาดร้ายจึงจะเกิดขึ้น

อาจารย์ยินดีชี้ว่า การยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 จึงเป็นการกระทำในทางที่เป็นคุณหรือเกิดประโยชน์แก่ผู้กระทำความผิด ผู้ที่มีความประสงค์ร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และต่อความมั่นคงของราชอาณาจักร การยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 จึงเป็นการกระทำเพื่อช่วยเหลือผู้ที่กระทำความผิดเพื่อไม่ให้มีความผิด หรือไม่ต้องรับโทษ หรือได้รับโทษน้อยลง และไปสนับสนุนผู้ที่ไม่คิดกระทำการหมิ่นฯ ให้กระทำการหมิ่นฯ เพราะการกระทำดังกล่าวไม่มีความผิด หรือมีโทษน้อยลง

ความคิดในการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 จึงเป็นความคิดที่เปรียบเสมือนเป็นการช่วยเหลือคนชั่วให้ทำชั่วได้มากยิ่งขึ้น และย่ามใจที่จะทำชั่วได้สะดวกยิ่งขึ้น และไม่ปกป้อง คุ้มครองคนดี ซึ่งมีสถานะเป็นพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นประมุขของประเทศและเป็นสัญลักษณ์แห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้หมดสภาพการดำรงอยู่ในสถานภาพแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นวิธีการไล่ล่าหรือรุกไล่ เพื่อให้พ้นไปจาก สถานะความเป็นพระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายโดยผู้ที่ประสงค์ร้ายต่อพระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์สามารถกระทำได้อย่างกว้างขวางและทำได้อย่างเสรี

วัตถุประสงค์ของนิติราษฎร์ที่ปรากฏต่อสาธารณชนอีกประการหนึ่งคือ การห้ามบุคคลทั่วไปหรือประชาชนกล่าวโทษผู้ที่กระทำความผิด อันเป็นการเปลี่ยนสถานภาพของความเป็นผู้เสียหายของพระมหากษัตริย์ และของประชาชนที่พบเห็นการกระทำความผิดไม่ให้เป็นผู้เสียหายได้อีกต่อไป โดยพระมหากษัตริย์ไม่อาจเป็นผู้เสียหายได้ทั้งฐานะเป็นบุคคลธรรมดา และในฐานะเป็นพระมหากษัตริย์ เพราะการกระทำความผิดอาญาดังกล่าวไม่ใช่เป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดินอีกต่อไป เพราะจะให้สำนักราชเลขาธิการฯ มีอำนาจเป็นผู้กล่าวโทษแทนเท่านั้น เป็นการแก้ไขกฎหมายให้พระมหากษัตริย์และสถาบันไร้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีสถานะต่ำกว่าสามัญชน เพราะสามัญชนยังมีสิทธิในความเป็นผู้เสียหายที่จะร้องทุกข์ กล่าวโทษ แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่หมิ่นประมาท ดูหมิ่นตนเองได้ แต่พระมหากษัตริย์ไม่อาจเป็นผู้เสียหาย แม้จะถูกอาฆาตมาดร้ายเอาชีวิต ก็ไม่อาจเป็นผู้เสียหายได้ การจะเป็นผู้เสียหายหรือไม่กลับต้องอยู่ในดุลพินิจของข้าฯในพระองค์ คือ สำนักราชเลขาธิการฯ

จึงเป็นการแก้ไขกฎหมายที่ทำให้พระมหากษัตริย์ สถาบันพระมหากษัตริย์ และราชวงศ์ปราศจากซึ่งศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ เป็นการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เกิดช่องทางการดูหมิ่น เหยียดหยามพระมหากษัตริย์ สถาบันพระมหากษัตริย์ และราชวงศ์ได้ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง และทำได้โดยการโฆษณาหรือทางสื่อได้ทุกประเภท อันเป็นการทำให้พระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่มีสถานะของความเป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ แยกพระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากประชาชน โดดเดี่ยวพระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้ดูเสมือนหนึ่งประชาชนไม่สนใจแยแสในระบอบพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด

การแก้ไขมาตรา 112 ดังกล่าวจึงไม่ใช่เป็นการแก้ไขกฎหมายโดยอาศัยหลักการทางวิชาการ แต่เป็นการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการโดดเดี่ยวและเหยียบย่ำ พระมหากษัตริย์ สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สิ้นไป โดยอาศัยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย...

สิ่งที่ “อาจารย์ยินดี” อธิบาย คงทำให้หลายคนตาสว่าง รู้ทันแนวคิด-แนวทางของขบวนการ “นิติเรด” ที่แปลงร่างเป็น “ครก.112” ว่าส่อเจตนาบ่อนทำลายเบื้องสูงอย่างไร รู้ทันแนวคิด-แนวทางของขบวนการคิดแก้มาตรา 112 ว่ามีความ “บิดเบือน” ฉ้อฉล และหลอกลวงประชาชนขนาดไหน เพื่อนำไปสู่สิ่งที่พวกเขาและ “ใครบางคน” ตั้งเป้าหมายเอาไว้!
กำลังโหลดความคิดเห็น