xs
xsm
sm
md
lg

เหล่าทัพฮึ่ม!สั่งนิติเรดหุบปาก แดงเปลี่ยนหัว ลุยล้มรธน.-ปลุกสาวกสู้ปฏิวัติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-"แก๊งแดง" เตรียมเลือกประธานคนใหม่กลางเดือนก.พ.นี้ ดัน "ไอ้ตู่" ขึ้น แต่ยังตกลงกันไม่ได้ ชูภารกิจเดินหน้าล้มรัฐธรรมนูญปี 50 พร้อมปลุกสาวกต่อต้านปฏิวัติ "อำมาตย์เต้น" ออกโรงป้อง "นิติเรด" เคลื่อนไหวแก้ ม.112 ได้ อ้างเป็นหลักประชาธิปไตย ขณะที่ผบ.เหล่าทัพ กร้าว "แก๊งล้มเจ้า" หยุดได้แล้ว ชี้กระทบความมั่นคง อย่าปรองดองแต่ปาก "เหลิม"รับลูก บอกให้หยุดเสียที

นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยภายหลังงานสัมมนา ที่จ.นครนายก เสร็จสิ้นลง ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงมียุทธศาสตร์ในการต่อสู้ 3 ระยะ และในขณะนี้ก็ถือได้ว่า จะต้องเริ่มต่อสู้ในระยะกลาง หลังจากที่ได้ประสบผลสำเร็จในระยะต้นมาแล้ว คือ การเลือกตั้ง ซึ่งหลังจากนี้ ในระยะกลาง ก็จะต้องเดินหน้ายกเลิกรัฐธรรมนูญ ปี 2550 พร้อมร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง และยุติการรัฐประหารทุกรูปแบบไม่ให้เกิดขึ้น

"ขณะนี้หลายฝ่ายพยายามสร้างกระแสในเรื่องที่คณะนิติราษฎร์ ออกมาเรียกร้องให้แก้ไข มาตรา 112 และพยายามโยงเข้ากับกลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะผู้เสนอ คือ คณะนิติราษฎร์ ต้องแยกออกจากกัน โดยมองว่าคณะนิติราษฎร์ มีความกล้าหาญในการที่จะนำหลักกฎหมายเข้ามาต่อสู้เพื่อให้เกิดนิติรัฐขึ้นในสังคม ไม่ใช่เป็นคนไม่ดี อย่างที่สังคมเข้าใจ"นางธิดากล่าว

นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ รักษาการโฆษก นปช. กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มนปช. มีหน้าที่ที่จะต้องต่อสู้ เปลี่ยนแปลง และปกป้อง ซึ่งถือเป็นแนวทางที่จะต้องดำเนินไป เพื่อต่อสู้กับรัฐประหารที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะฝ่ายผู้มีอำนาจกำลังคิดหาแนวทางในการที่จะทำรัฐประหาร ซึ่งอาจจะใช้ตุลาภิวัฒน์ เหมือนที่ผ่านมา หรือการใช้ทหาร จะเห็นได้ว่ากลุ่ม นปช. รู้ทันในเรื่องนี้ จึงอยากให้ผู้ที่กำลังจะทำรัฐประหารให้หยุด เพราะหากทำก็จะยิ่งทำให้เกิดความรุนแรง

นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ได้ประเมินสถานการณ์ของกลุ่ม นปช. ได้ข้อสรุปว่าน่าจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร และจะเกิดอย่างไร เพราะผู้ที่มีอำนาจเก่ายังไม่ยอมรับในการสูญเสียอำนาจ ทำให้พยายามที่จะหาวิธีโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนไม่พึ่งปราถนาจะให้เกิด เพราะโพลหลายสำนักได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนว่า คนจำนวนมากไม่ต้องการรัฐประหาร แต่ก็น่าเป็นห่วงตรงที่ว่า โพลล์สำรวจว่า หากเกิดรัฐประหาร ก็ไม่มีใครอยากออกมาต่อสู้ ดังนั้น จำเป็นที่เราจะต้องเร่งหาทางในการทำให้ประชาชนออกมาต่อสู้ หากมีการรัฐประหารเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ในการสัมมนาครั้งนี้ ได้มีข้อสรุปว่า จะมีการเลือกตั้งประธาน นปช. และโฆษกของนปช. อย่างเป็นทางการ โดยไม่ใช่เป็นรักษาการอีกต่อไป ซึ่งมีกำหนดจะเลือกกันในช่วงกลางเดือนก.พ.นี้ เพื่อจะได้เป็นนำกลุ่มคนเสื้อแดงในการดำเนินยุทธศาสตร์ในการต่อสู้อย่างเป็นทางการ โดยมีกระแสข่าวออกมาว่า จะให้นางธิดาลงจากตำแหน่งรักษาการ และมีการตกลงที่จะให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย มาเป็นประธาน นปช. แทน แต่ยังตกลงกันไม่ได้ เลยต้องเลื่อนการประชุมออกไปเป็นกลางเดือนก.พ.แทน

** "ณัฐวุฒิ"ออกโรงป้อง"แก๊งล้มเจ้า"

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนตามกลไก กติกาของประชาธิปไตย ฉะนั้น การเคลื่อนไหวใดๆ ถ้าเป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย เราต้องเคารพ และคุ้มครองเสรีภาพกับบุคคลทุกฝ่าย ถ้าหากมีประเด็นในข้อกฎหมาย ก็คงเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบต้องดำเนินการพิจารณา แต่เท่าที่ติดตามข่าวสารพบว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ ส่วนใหญ่จะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ จากฝ่ายที่สนับสนุน และฝ่ายที่ไม่สนับสนุน

ส่วนประเด็นทางข้อกฎหมาย ยังไม่ปรากฏชัด ซึ่งสังคมไทย จะต้องใช้วิจารณญาณ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 5 ปี ความขัดแย้งตั้งแต่แรก ถ้าจะทำให้ทุกคน ทุกฝ่าย เกิดการเรียนรู้ว่าการปิดกั้นความคิดและเสรีภาพ อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งหรือผลกระทบที่บานปลาย และเสียหาย ดังนั้น การเปิดรับฟังแบบใจกว้าง จะเป็นวิถีทางที่ทำให้สังคมเดินหน้าไปสู่ความปรองดองได้

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคงไม่มีพื้นที่สำหรับการกระทำที่ล้นเกินจากกรอบของกฎหมาย เป็นแต่เพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองที่ติดตามสถานการณ์อยู่ ก็รับผิดชอบดูแล และคิดว่ายังเป็นการเคลื่อนไหวที่ยังเคารพสิทธิเสรีภาพอยู่

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะแสดงจุดยืนอย่างไรว่า กลุ่มนิติราษฎร์ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับทางรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เชื่อว่าสังคมโดยทั่วไป มีความเข้าใจ เว้นแต่จะมีบางฝ่ายที่จ้องพยายามสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในสังคม เพราะฉะนั้น ท่าทีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่แสดงออกถึงจุดยืนต่างๆ นั้น ได้ประกาศชัดเจนถึงแนวทางเป็นที่สุดแล้ว

เมื่อถามว่า แม้ว่าทางรัฐบาลจะชี้แจงจุดยืนว่า ไม่มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่ทางพรรคประชาธิปัตย์ พยายามสับขาหลอกว่า เป็นการแบ่งบทกันเล่น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ก็มีเพียงช่องทางนี้ ที่จะลดทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลที่จะสร้างประโยชน์ทางการเมือง ตนเชื่อว่าประชาชนจะมีวิจารณญาณในการตัดสินกรณีดังกล่าวนี้ และที่เห็นชัดขึ้นทุกวันว่า ฝ่ายการเมืองใดพยายามที่จะใช้ทุกประเด็นในทุกสถานการณ์ เพื่อสร้างประโยชน์ทางการเมืองทั้งที่หลายเรื่อง เป็นเรื่องที่ไม่บังควร

** “บิ๊กอ๊อด”เชียร์ผบ.ทบ.อัด“นิติราษฎ์”

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่ออกมาปรามกลุ่มนิติราษฎร์ ให้ยุติการเคลื่อนไหวเสนอแก้ไข มาตรา 112 เพราะเกรงว่าจะเป็นการเพิ่มความขัดแย้งในสังคม ว่า อยากจะให้มีข้อยุติเสียที แต่ก็มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด ตอนที่ตนยังตำแหน่งรมว.กลาโหม รับผิดชอบทหาร ตนก็บอกว่าเห็นด้วยกับความคิดของ นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา แต่วันนี้เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาพูด ตนก็เห็นด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่เป็นการจำกัดสิทธิ เสรีภาพของประชาชน เพราะกฎหมายให้แสดงความคิดเห็นได้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า การจำกัด ไม่จำกัด บางเรื่องไม่ควรเอามาพูด หรือมาทำ มาเคลื่อนไหว มันไม่สมควร ก็ควรจะยุติดีกว่า เพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกกันภายในประเทศ และอะไรก็ตามที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อะไรที่กระทบต่อความรู้สึกของประชาชนชาวไทย ที่มีความจงรักภักดี อย่าทำดีกว่า

เมื่อถามต่อว่า เมื่อไรความขัดแย้งจะเลิกลากันเสียที พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าไม่เคลื่อนไหว ก็หมดความขัดแย้งอยู่แล้ว ทหารมีสิ่งหนึ่งที่ยึดถือเหนือเกล้าฯ สูงสุด คือ ความจงรักภักดี โดยเฉพาะตน ถวายชีวิตเลย

เมื่อถามต่ออีกว่าจะหาทางออกอย่างไร ในฐานะที่เป็นรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ต้องดูทางรัฐบาลส่วนใหญ่ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ในส่วนของตนก็มีความคิดเดียวกับทหาร ถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างสุดชีวิต

**"แก๊งล้มเจ้า"หยุดได้แล้ว

พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงจุดยืนของกองทัพเรือ ต่อกรณีกลุ่มนิติราษฏร์ และคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก.112) ออกมาเคลื่อนไหวล่าชื่อประชาชน เพื่อแก้ไข มาตรา 112 ว่า เรื่องนี้มีการพูดกันมาก ตนอยากให้พิจารณากันให้มาก ประเทศอยู่มาถึงจุดนี้ เราต้องมีอดีต วีรบุรุษ บูรพกษัตริย์เจ้า มีสถาบันพระมหากษัตริย์ ในอดีตท่านประกอบคุณูปการต่างๆ ด้านความมั่นคงของประเทศชาติ เราต้องรักษาเทิดทูนไว้ และคิดว่าควรจะหยุดได้แล้ว เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ และความปรองดอง

"ผมคิดว่า แต่ละเหล่าทัพก็เฝ้าดูความเคลื่อนไหวว่าจะกระทบความมั่นคงของประเทศชาติหรือเปล่า ส่วนตัวผมก็เห็นสอดคล้องกับประชาชนส่วนใหญ่ ที่มองว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไรเลย"พล.ร.อ.สุรศักดิ์กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้กระแสเรียกร้อง ขยายวงกว้าง มีการออกไปล่ารายชื่อประชาชนในต่างจังหวัด ผบ.ทร.กล่าวว่า ต้องถามว่า เราต้องการความปรองดอง และความสงบสุขของประเทศชาติหรือไม่ และไม่แค่พูดกัน แต่ต้องทำด้วย มีหลายเรื่องที่ต้องทำก่อน เช่น ภัยพิบัติ การป้องกันในหลายเรื่อง ประเทศชาติของเราจะได้เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งต้องอาศัยความมั่นคง ความสมัครสมานสามัคคี เป็นหนึ่งเดียว

เมื่อถามว่า ควรจะหยุดการเคลื่อนไหวแล้วใช่ หรือไม่ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ควรจะหยุดได้ตั้งนานแล้ว

**ลั่นต้องมี ม.112ไว้คุ้มครองกษัตริย์

พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผูบัญชาการทหารเรือ พูดชัดเจนแล้วว่า กองทัพคิดเห็นอย่างไร พวกเราคิดเห็นไปแนวทางเดียวกับผู้บังคับบัญชา สรุป คือ เราเห็นว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องได้รับความคุ้มครอง เพราะขณะนี้เราคงไม่ปฏิเสธเสียงคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศว่าความมั่นคงของชาตินั้นสถาบันฯ มีส่วนอย่างยิ่งที่จะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนทั้งหมด ดังนั้น ถ้าสถาบันฯ ถูกแตะต้องในทางที่ไม่เหมาะ ไม่ควร ก็จะทำให้กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงได้

"ความจริง ม.112 น่าจะเป็นมาตราที่สนับสนุนความมั่นคงของชาติ หรือมองในแง่สิทธิมนุษยชน ก็เป็นกฎหมายที่ไม่ได้ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน แต่เป็นกฎหมายที่สนับสนุนหลักสิทธิมนุษยชน เพราะสถาบันฯไม่สามารถมาโต้แย้งกับใคร หรือชี้แจงสิ่งใดๆ ที่ใครไปกล่าวทำให้ท่านเกิดความเสื่อมเสีย ดังนั้น ต้องมีกฎหมายที่จะคุ้มครองคนที่ควรได้รับการคุ้มครอง อย่าไปมองแง่ว่า ต้องคุ้มครองคนที่มากล่าวร้าย แต่คนที่ถูกกล่าวร้าย ก็ต้องได้รับความคุ้มครอง ขอให้มองในแง่มุมหลายๆ ด้าน อย่ามองแง่มุมเดียว ถ้ามองหลายด้าน ก็ควรจะเข้าใจว่าสถาบันฯ ควรได้รับความคุ้มครอง ส่วนจะหนักเบาอย่างไรนั้น พวกเราจะเห็นว่า กฎหมายใดก็ตามที่เป็นกฎหมายที่ไม่มีน้ำหนัก ก็จะถูกละเมิดไปเรื่อยๆ เพราะบางกฎหมาย บางคนยอมรับว่าเบาไป ถ้าหนักกว่านี้จึงจะเหมาะสม และจะสามารถทำให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยได้ คนก็จะรู้สึกระมัดระวัง ดังนั้น ควรจะมีน้ำหนักที่เหมาะสม ซึ่งสิ่งที่เป็นอยู่ ก็น่าจะเหมาะสมแล้ว"แม่ทัพภาคที่ 1กล่าว

** "เหลิม"หนุน"บิ๊กตู่"ฮึ่มใส่"นิติเรด"

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกมาห้ามปราม ให้คณะนิติราษฎร์หยุดการเคลื่อนไหวว่า ตนเห็นด้วยกับ ผบ.ทบ. เพราะท่านเป็น ผบ.เหล่าทัพ ทหารทุกคนเขายอมไม่ได้ แล้วทำไมไม่หยุดเสียที ไอ้ผู้ที่เสนอ ก็รู้ว่ามันมีแต่การเสนอ แต่ไม่มีผู้สนอง ฝ่ายการเมืองก็ไม่มีใครเอาด้วย แล้วคุณจะแก้ไขทำไม พูดทำไม หยุดสักทีเถอะ ตนก็อยากให้หยุด แต่ว่าตนไปพูดเสียงเข้ม อย่างผบ.ทบ.ไม่ได้ เพราะตนเป็นนักการเมือง เดี๋ยวจะบอกว่าไม่รับฟังอีก แต่จริงๆแล้ว ตนไม่เคยรับฟังเลย และไม่ให้ราคา แต่เมื่อเป็นข้อเสนอที่ไม่ผิดกฎหมาย มันก็เป็นสิทธิ ซึ่งเราเป็นนักการเมืองก็พูดได้เพียงเท่านี้

"เห็นด้วยอย่างยิ่งกับ ผบ.ทบ. ผมยังอยากให้ ผบ.ทร. ผบ.ทอ. และ ผบ.สส. ออกมาประสานเสียง มันจะได้หยุดกันสักที ไม่มีงานทำหรือ ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่สมควร ท่านผบ.ทบ. ทำถูกแล้ว" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลัวว่าเรื่องนี้จะบานปลายหรือไม่ เพราะกลุ่มนิติราษฎร์ ก็ระบุว่า จะไม่หยุดแสดงความคิดเห็น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า แสดงความคิดเห็นกันไป ยังไม่มีผิดกฎหมายก็ว่าไป แต่คุณไม่ได้เป็นสมาชิกรัฐสภา แล้วคุณจะไปแก้ได้อย่างไร

เมื่อถามว่า วิเคราะห์หรือไม่ เหตุใดกลุ่มนิติราษฎร์ ถึงไม่หยุดแสดงความคิดเห็น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว พร้อมหัวเราะว่า "เป็นสุขส่วนตัว ได้ออกทีวี"
กำลังโหลดความคิดเห็น