รมต.เสื้อแดงป้อง “นิติราษฎร์” การันตีเคลื่อนไหวตามเสรีภาพ ชี้ไม่ควรปิดกั้นหวั่นบานปลาย แนะเปิดใจกว้างทำสังคมปรองดอง ซัดบางพวกโยงพรรคทำสังคมสับสน ฉะประชาธิปัตย์จ้องดิสเครดิตรัฐสร้างประโยชน์การเมือง อึ้ง “ชวน” แนะให้ “ทักษิณ” จ่ายเยียวยาแดงเอง สับคิดคับแคบ ทำสังคมแตกแยก พร้อมแจงธุรกิจพี่ชาย
วันนี้ (7 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนตามกลไกกติกาของประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นการเคลื่อนไหวใดๆ ถ้าเป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยเราต้องเคารพและคุ้มครองเสรีภาพกับบุคคลทุกฝ่าย ถ้าหากมีประเด็นในข้อกฎหมายก็คงเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบต้องดำเนินการพิจารณา แต่เท่าที่ติดตามข่าวสารพบว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ส่วนใหญ่จะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายที่สนับสนุนและฝ่ายที่ไม่สนับสนุน
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส่วนประเด็นทางข้อกฎหมายยังไม่ปรากฏชัด ซึ่งสังคมไทยจะต้องใช้วิจารณญาณ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 5 ปี ความขัดแย้งตั้งแต่แรก ถ้าจะทำให้ทุกคนทุกฝ่ายเกิดการเรียนรู้ว่าการปิดกั้นความคิดและเสรีภาพ อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งหรือผลกระทบที่บานปลายและเสียหาย ดังนั้น การเปิดรับฟังแบบใจกว้าง หากจะเป็นวิถีทางที่ทำให้สังคมเดินหน้าไปสู่ความปรองดองได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคงไม่มีพื้นที่สำหรับการกระทำที่ล้นเกินจากกรอบของกฎหมายเป็นแต่เพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองที่ติดตามสถานการณ์อยู่ ก็รับผิดชอบดูแลและคิดว่ายังเป็นการเคลื่อนไหวที่ยังเคารพเสรีภาพอยู่
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะแสดงจุดยืนอย่างไรว่ากลุ่มนิติราษฎร์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับทางรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนเชื่อว่าสังคมมีความโดยทั่วไปมีความเข้าใจ เว้นแต่จะมีบางฝ่ายที่จ้องพยายามสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในสังคม เพราะฉะนั้น ท่าทีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคที่แสดงออกถึงจุดยืนต่างๆ นั้นได้ประกาศชัดเจนถึงแนวทางเป็นที่สุดแล้ว
เมื่อถามว่า แม้ว่าทางรัฐบาลจะชี้แจงจุดยืนว่าไม่มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่ทางพรรคประชาธิปัตย์พยายามสับขาหลอกว่าเป็นการแบ่งบทกันเล่น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็มีเพียงช่องทางนี้ที่จะลดทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลที่จะสร้างประโยชน์ทางการเมือง ตนเชื่อว่าประชาชนจะมีวิจารณญาณในการตัดสินกรณีดังกล่าวนี้ และที่เห็นชัดขึ้นทุกวันว่าฝ่ายการเมืองใดพยายามที่จะใช้ทุกประเด็นในทุกสถานการณ์เพื่อสร้างประโยชน์ทางการเมืองทั้งที่หลายเรื่องเป็นเรื่องที่ไม่บังควร อาทิ กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่านายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้สัมภาษณ์แสดงท่าทีถึงการประกาศมาตรการเยียวยาผู้บาดเจ็บเสียชีวิตจากการชุมนุมทางการเมืองเมื่อตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยชี้ไปว่าจะให้นำเงินอยากจะให้นำเงิน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาชดเชยให้กับผู้เสียชีวิต
“ผมไม่นึกเลยว่าจะได้ยินคำพูดนี้หรือท่าทีที่แสดงออกเช่นนี้จากนักการเมืองอาวุโสระดับนายชวน ถ้าหากเป็นทีมโฆษกของประชาธิปัตย์ซึ่งต้องพยายามแย่งชิงพื้นที่สื่อเพื่อแสดงบทบาททางการเมืองก็พอจะเข้าใจได้ ซึ่งท่าทีของนายชวนที่แสดงออกมานั้น หมายความว่าทิศทางหลักของพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นเช่นนี้ นี่จึงเป็นการชี้นำทางความคิดของคนในพรรคประชาธิปัตย์ว่าท่าทีของนายชวน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เพราะมาตรการเยียวยาของรัฐบาลก็ประกาศเยียวยาผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง หมายความว่าหมายรวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย พันธมิตรฯ ด้วย และผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปฏิบัติการต่างๆ ด้วย ฉะนั้นการแสดงความคิดเห็นที่ให้นำเงินของอดีตนายกฯมาเยียวยานั้นสะท้อนความคับแคบทางความคิด” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับประชาชนที่ติดตามข่าวสารจะทราบว่ามาตรการเยียวยาคือจุดเริ่มต้นหรือก้าวที่หนึ่งของความปรองดอง แต่เมื่อนายชวนแสดงท่าทีเช่นนี้ก็เลยไม่เข้าใจว่าความปรองดองสำหรับพรรคประชาธิปัตย์คืออะไร ถ้าหากเงินในจำนวนที่จะเอามาเยียวยาเหยื่อ ทุกคนทุกฝ่ายทุกสีเสื้อที่เกิดความเสียหายทางการเมืองสร้างความไม่พอใจให้กับนายชวน ก็ไม่เข้าใจว่า 6 พันล้านบาทที่ใช้ในการปราบปราบประชาชนจะต้องไปวางบิลเก็บเงินเอาที่ใคร ทรัพย์สินเงินทองที่นายชวน บอกว่าไม่เคยเลี้ยงกาแฟใครมาเลยจะต้องมารับผิดชอบต่อกับ 6 พันล้านบาทที่รัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ใช้ไปหรือไม่ ตนไม่อยากจะให้ความคิดเห็นเช่นนี้ ปรากฏผ่านสื่อมวลชนสร้างความเก็บช้ำน้ำใจหรือความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอีก ดังนั้น ตนจึงขออนุโมทนากับทุกคน ถ้าไม่เห็นด้วยก็แสดงความคิดเห็นในเชิงที่มีเหตุมีผล แต่การแสดงความคิดเห็นแบบนี้ไม่น่าจะออกมาจากระดับนายชวน
เมื่อถามถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าบริษัท ไทย คอนซัลแตนท์ แอนด์ พับบลิค รีเลชั่น จำกัด มีพี่ชายเป็นนอมินีในการถือหุ้นแทนซึ่งเป็นการกระทำที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนโดยอาศัยตำแหน่งทางการเมือง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เรื่องนี้มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาชัดเจน ตนก็พร้อมหากจะต้องมีการชี้แจงในเรื่องนี้ โดยตนเริ่มต้นทำธุรกิจสร้างเนื้อสร้างตัวมาวันหนึ่งที่เห็นว่าจะต้องเข้าสู่การเมือง ก็ละวางจากการปฏิบัติภารกิจก็เลยยุติบทบาททางธุรกิจและเดินหน้าเข้าสู่เส้นทางการเมือง หลังจากนั้นก็ไม่เคยไปข้องเกี่ยวในเรื่องดังกล่าวอีก แม้กระทั่งการเข้าไปแทรกแซงบริหารจัดการหรือเข้าไปยังที่ทำการก็ยังไม่เคยเข้าไปเลย
ต่อข้อถามว่าจะมีการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินกับต่อ ป.ป.ช.เมื่อใด นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนก็จะยื่นแสดงทรัพย์สินภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งตลอดนับตั้งแต่เป็นรองโฆษกรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ก็ได้ทำการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์เช่นกัน