xs
xsm
sm
md
lg

นิติเนรคุณ-แม้ว คู่ขนานแซะสถาบันมุ่งสู่รัฐไทยใหม่!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บ้านพระอาทิตย์

นาทีนี้แทบไม่ต้องสงสัยกันแล้วว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ เป็นลักษณะอาการ มีเป้าหมายเพื่อบ่อนทำลาย ย่ำยี หรือลดบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันกลับไปเพิ่มความสำคัญและอำนาจของ นักการเมืองอย่างเบ็ดเสร็จ โดยให้เข้ามาควบคุมทุกกลไกในสังคม

แรกเริ่มมีข้อเสนอในเรื่องแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ลงโทษต่อผู้ที่เจตนาดูหมิ่น อาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ โดยอ้างว่าหากยังมีกฎหมายดังกล่าวจะกระทบต่อการแสดงความคิดเห็น ต่อเสรีภาพ และมีการนำกฎหมายดังกล่าวไปใช้เพื่อกลั่นแกล้งกันทางการเมือง ซึ่งในเบื้องต้นก่อให้เกิดข้อถกเถียงกันในทางวิชาการ และมีการแสดงความเห็นตามมามากมาย

บางคนอาจจะเคลิบเคลิ้มไปกับเหตุผลที่นำมาอ้างอิงบังหน้า ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วฝ่ายที่เดือดร้อนก็คือ พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น ส่วนชาวบ้านทั่วไป ซึ่งก็รวมถึง นิติราษฎร์ ทั้งหลายก็ไม่เข้าใจว่าจะไปเดือดร้อนตรงไหน เพราะหากไม่ไปจาบจ้วง ดูหมิ่นให้ร้ายก็ไม่มีทางจะถูกดำเนินคดี ไม่มีความผิด ต่อให้มีโทษที่หนักหนาสาหัสกว่านี้ก็ไม่มีใครเดือดร้อน

คนที่เดือดร้อนก็คือพวกที่เจตนาทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น และที่ผ่านมามีความพยายามของคนในกลุ่ม นิติราษฎร์พยายามยกเอากรณี “อากง” ที่ถูกศาลลงโทษจำคุกในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 15 ปี พยายามสร้างกระแสว่า แค่ “ส่งข้อความ” แค่นี้ทำไมโทษถึงแรงจัง หรือลงโทษได้แม้กระทั่ง “คนแก่” น่าสงสาร ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว คนที่เรียกว่าอากงคนนี้คือคนมีเจตนาล้มเจ้าขนานแท้ และที่ผ่านมาก็ร่วมเคลื่อนไหวอยู่กับคนเสื้อแดง เป็น “หัวโจก” ระดับ “ฮาร์ดคอร์” แถวปากน้ำเลยทีเดียว และก็อยู่ในบัญชีดำของสันติบาลอีกด้วย ซึ่งความผิดมีหลายกระทง จากการส่งข้อความจาบจ้วงซ้ำๆ

ถามว่าอากงคนนี้อยู่เฉยๆ แล้วถูกจับกุมนำไปขังคุกหรือเปล่า ก็เปล่า ตรงกันข้ามรู้แล้วยังทำซ้ำซาก ถามว่าแบบนี้แกล้งหรือเปล่า ก็เปล่าอีก ตอนแรกให้การปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ก็จำนนต่อหลักฐานมีการพิสูจน์กันในศาล ซึ่งที่ผ่านมาก็มีความพยายามนำเอาเรื่องดังกล่าวมาสร้างกระแสเพื่อให้สังคมเข้าใจผิดและเจตนาก็เพื่อทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ นั่นเอง

ต่อมาเมื่อยกเอากรณีอากง ซึ่งเป็นสื่อสัญลักษณ์คนแก่ ยังไม่ได้ผลนัก ก็ต้องมุ่งมาที่รายของ “ก้านธูป” ซึ่งเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ถูกหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ให้ไปให้ปากคำในคดีเดียวกัน ซึ่งเจตนาก็คือ ใช้ “เด็ก” ซึ่งเป็นเรื่องอ่อนไหวกับสังคมมาเล่นต่อ ประเภทหากินกับ “เด็กสตรีและคนชรา” ประมาณนั้นแหละ ทั้งที่เด็กหญิงคนนี้เป็นแนวร่วมคนเสื้อแดงกันทั้งครอบครัวขึ้นเวทีชุมนุมเป็นแกนนำนักศึกษา และมีพฤติกรรมโพสต์ข้อความในทางสื่อออนไลน์จาบจ้างสถาบันฯมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน ไม่เห็นกลั่นแกล้งตรงไหน

ถ้าบอกว่าการมีมาตรา 112 กระทบต่อการแสดงความคิดเห็น กระทบต่อเสรีภาพมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกัน เพราะถ้าจะวิจารณ์รัฐบาล วิจารณ์นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร วิจารณ์ฝ่ายค้าน หรือจะวิจารณ์นักการเมืองที่มันห่วยแตก ไม่เป็นประชาธิปไตยก็ทำได้เต็มที่ ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าอย่าให้เลยเถิด เพราะมีกฎหมายหมิ่นประมาทคุ้มครองบุคคล แต่นี่ดันเอามามั่วมาเหมารวม มีเจตนาทำลายสถาบันฯเท่านั้น

อย่างไรก็ดี สิ่งที่สังคม “ขาดผึง” รับไม่ได้ก็คือ การเสนอแบบเหิมเกริมขึ้นมาอีกนั่นคือให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้พระมหากษัตริย์ ต้อง “สาบาน” ต่อสภา ความหมายก็คือให้ “ในหลวง” ต้องมายืนสาบานต่อหน้านักการเมืองชั่วๆพวกนั้น ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าแต่ละคนมาจากการฉ้อฉล มาจากเจ้าพ่อบ่อน ค้าของเถื่อน ซื้อเสียงเรียกว่า เลวสารพัด แต่กลับให้ความสำคัญ

นอกจากนี้ยังให้อำนาจนักการเมืองแบบเบ็ดเสร็จ นั่นคือให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลฎีกา (ศาลสูง) โดยความเห็นชอบของสภา ให้อำนาจล้วงลูกแต่งตั้งผู้นำเหล่าทัพและนายทหารระดับสูง รวมไปถึงให้มี “ผู้ตรวจการกองทัพ”

เสนอขึ้นมาแบบนี้ไม่รู้ว่าบ้าหรือเมา กันแน่ เพราะมันกวนโมโห ยั่วยุสร้างอารมณ์โกรธให้กับสังคมโดยแท้

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณากันแบบมีเป้าหมายในภาพรวมข้างหน้า ล้วนแล้วสอดคล้องกับความต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญของ เครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีผิด ทั้งในเรื่องเพิ่มอำนาจให้ฝ่ายการเมือง เพิ่มอำนาจนายกรัฐมนตรีอย่างเบ็ดเสร็จ ขณะเดียวกันได้ลดบทบาทของพระมหากษัตริย์ หรือเลวร้ายที่สุดก็คือยกเลิกไปเลย ซึ่งทำให้หลับตามองเห็นภาพ “รัฐไทยใหม่” เปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่ระบอบประธานาธิบดีในที่สุด และหากพิจารณาจากตัวบุคคล ทั้งนักวิชาการ สื่อ นักเคลื่อนไหวล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงกันทั้งสิ้น ไม่เชื่อก็ลองย้อนกลับไปพิจารณาไล่เรียงรายชื่อเอาเองว่าชัดมั้ย!!

ที่ผ่านมาแม้ว่าฝ่ายรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะพยายามยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่แก้ไข มาตรา 112 และล่าสุดก็ได้ออกมาแถลงเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ก็เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากความไม่พอใจของสังคมเริ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การแสดงออกของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยทำให้สงสัยได้ว่าเพื่อตบตา เพื่อลดความกดดันจากสังคมเท่านั้น เพราะหากพิจารณาในความเป็นจริงแม้ว่ารัฐบาลจะประกาศว่าจะดำเนินคดีต่อเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมาย โดยไม่ยกเว้น แต่กลับไม่ปรากฏเป็นรูปธรรมเลย มิหนำซ้ำคนที่จาบจ้วง ทำผิดบางคนก็อยู่ในรัฐบาล บางคนเป็นหัวโจกคนเสื้อแดงเสียอีก

แล้วอย่างนี้จะไม่ให้มองว่าเป็นพวกเดียวกัน ทำเป็นปากว่าตาขยิบ เหมือนกับกรณีคณะนิติราษฎร์-นิติเนรคุณ ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในเวลานี้ปากก็บอกว่าไม่เกี่ยวกัน แต่ตัวบุคคลล้วนเชื่อมโยงกัน มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะถูกมองว่าเป็นการเคลื่อนไหว “คู่ขนาน” มีเป้าหมายเดียวกัน

ความหมายก็คือตอนนี้แยกกันเดิน แต่จะมาบรรจบกันในเส้นทางข้างหน้า!!
ทักษิณ ชินวัตร
สังคมอย่านิ่งเฉย รวมพลังโต้ นิติเนรคุณ-นิติราษฎร์ ล้มเจ้า !!
ไม่น่าเชื่อว่า คนพวกนี้จะให้ราคานักการเมือง “นักเลือกตั้ง” จนสูงเด่น คิดไปได้ถึงขนาดจะให้ “ในหลวง” มากล่าวคำสาบานต่อหน้า และยังให้อำนาจนักการเมือง ทั้งที่เป็นฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติ แต่งตั้งผู้พิพากษา รวมไปถึงให้อำนาจโยกย้ายผู้นำ และนายทหารระดับสูงในกองทัพ ซึ่งถ้าพิจารณาจากความหมายดังกล่าว กลุ่มนิติราษฎร์ ก็ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องการย่ำยีพระมหากษัตริย์ ให้อยู่ภายใต้พวกนักการเมืองฉ้อฉล เป็นเจตนาต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ “รัฐไทยใหม่” อย่างชัดเจน
กำลังโหลดความคิดเห็น