ASTVผู้จัดการรายวัน - "บุญทรง" ลุยจับมือเวียดนามยกระดับราคาข้าวในตลาดโลก เตรียมบินถกมี.ค.นี้ พร้อมร่วมมือในสินค้ามัน ยาง และข้าวโพดกับ เพื่อนบ้านด้วย ยันไม่มีแผนระบายข้าวในสต๊อกช่วงนี้ เหตุตลาดยังเป็นของผู้ซื้อ
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายการทำงานให้แก่กรมการค้าต่างประเทศ วานนี้ (6 ก.พ.) ว่า ได้มอบหมายให้ไปเพิ่มความร่วมมือในการทำตลาดข้าวกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อยกระดับราคาข้าวในตลาดโลก โดยในเดือนมี.ค.นี้ มีแผนที่จะเดินทางไปหารือกับเวียดนามเพื่อยกระดับความร่วมมือในการค้าข้าว หลังจากที่ก่อนหน้า นี้ได้เคยมีการพูดคุยกันมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ไปเพิ่มความร่วมมือในสินค้าอื่นๆ ด้วย ทั้งยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพด เพื่อไม่ให้มีการขายตัดราคากันและช่วยกันยกระดับราคา
"เราเป็นอาเซียนเหมือนกัน น่าจะคุยกันได้ และที่ผ่านๆ มาก็คุยกันมาบ้างแล้ว โดยเรื่องข้าว เป็นเรื่องต่อเนื่องที่จะต้องคุยกับเวียดนาม และไม่กังวลว่าการที่ไทยผลักดันราคาข้าว จะทำให้ไทยเสียแชมป์ส่งออก เพราะเป้าหมายของรัฐบาลคือการขายข้าวให้ได้ราคาแพง และช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ สูงขึ้น ส่วนยางพารา ก็จะคุยกับมาเลเซีย มันสำปะหลัง ข้าวโพด ก็คุยกับลาว กัมพูชา ซึ่งคิดว่าความร่วมมือจะเกิดขึ้น ได้" นายบุญทรงกล่าว
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ไปจัดทำแผนยกระดับราคาข้าวไทยในตลาดโลก โดยต้องเร่งสร้างความแตกต่างของข้าวไทยว่ามีคุณภาพและมาตร- ฐานดีกว่าข้าวของประเทศอื่นๆ อย่างไร เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อ รวมทั้งการจัดคณะผู้แทนการค้าออกเดินทางไป ทำตลาดข้าวไทยในประเทศต่างๆ
ส่วนการระบายข้าว ยังไม่มีแผน ที่จะระบายในช่วงนี้ แต่ได้เร่งรัดให้มีการสีแปรสภาพข้าวเปลือกที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวนาปี ปีการผลิต 2554/55 ที่ยังเหลืออยู่ให้เสร็จ และส่งมอบเข้าโกดังกลางภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้าวสารเพิ่มอีกประมาณ 2.4 ล้านตัน จากที่มีการส่งมอบแล้ว 1.1-1.2 ล้านตัน เพื่อทำให้โรงสีว่างและสามารถรองรับการรับจำนำข้าวนาปรังที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.นี้ได้
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า สาเหตุที่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่มีแผนในการระบายข้าวในสต๊อกที่คาดว่าจะมีสูงถึง 5.5 ล้านตัน ทั้งข้าวเก่าและข้าวใหม่ เนื่องจากในขณะนี้ตลาดยังเป็นของผู้ซื้อ เพราะอินเดียและเวียดนามยังคงมีข้าวส่งออกอย่างต่อเนื่อง และขายในราคาที่ต่ำกว่าไทยถึงตันละ 100 เหรียญสหรัฐ ทำให้ข้าวไทยแข่งขันได้ลำบาก ทำให้ในช่วงนี้ไทย จะเน้นการทำตลาดข้าวคุณภาพดีเป็นหลัก และวางแผนไว้ว่าจะเริ่มทำตลาดตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป เพื่อผลักดันการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งช่วงนั้นอินเดียและเวียดนามน่าจะไม่มีข้าวส่งออกแล้ว
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายการทำงานให้แก่กรมการค้าต่างประเทศ วานนี้ (6 ก.พ.) ว่า ได้มอบหมายให้ไปเพิ่มความร่วมมือในการทำตลาดข้าวกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อยกระดับราคาข้าวในตลาดโลก โดยในเดือนมี.ค.นี้ มีแผนที่จะเดินทางไปหารือกับเวียดนามเพื่อยกระดับความร่วมมือในการค้าข้าว หลังจากที่ก่อนหน้า นี้ได้เคยมีการพูดคุยกันมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ไปเพิ่มความร่วมมือในสินค้าอื่นๆ ด้วย ทั้งยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพด เพื่อไม่ให้มีการขายตัดราคากันและช่วยกันยกระดับราคา
"เราเป็นอาเซียนเหมือนกัน น่าจะคุยกันได้ และที่ผ่านๆ มาก็คุยกันมาบ้างแล้ว โดยเรื่องข้าว เป็นเรื่องต่อเนื่องที่จะต้องคุยกับเวียดนาม และไม่กังวลว่าการที่ไทยผลักดันราคาข้าว จะทำให้ไทยเสียแชมป์ส่งออก เพราะเป้าหมายของรัฐบาลคือการขายข้าวให้ได้ราคาแพง และช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ สูงขึ้น ส่วนยางพารา ก็จะคุยกับมาเลเซีย มันสำปะหลัง ข้าวโพด ก็คุยกับลาว กัมพูชา ซึ่งคิดว่าความร่วมมือจะเกิดขึ้น ได้" นายบุญทรงกล่าว
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ไปจัดทำแผนยกระดับราคาข้าวไทยในตลาดโลก โดยต้องเร่งสร้างความแตกต่างของข้าวไทยว่ามีคุณภาพและมาตร- ฐานดีกว่าข้าวของประเทศอื่นๆ อย่างไร เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อ รวมทั้งการจัดคณะผู้แทนการค้าออกเดินทางไป ทำตลาดข้าวไทยในประเทศต่างๆ
ส่วนการระบายข้าว ยังไม่มีแผน ที่จะระบายในช่วงนี้ แต่ได้เร่งรัดให้มีการสีแปรสภาพข้าวเปลือกที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวนาปี ปีการผลิต 2554/55 ที่ยังเหลืออยู่ให้เสร็จ และส่งมอบเข้าโกดังกลางภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้าวสารเพิ่มอีกประมาณ 2.4 ล้านตัน จากที่มีการส่งมอบแล้ว 1.1-1.2 ล้านตัน เพื่อทำให้โรงสีว่างและสามารถรองรับการรับจำนำข้าวนาปรังที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.นี้ได้
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า สาเหตุที่กระทรวงพาณิชย์ยังไม่มีแผนในการระบายข้าวในสต๊อกที่คาดว่าจะมีสูงถึง 5.5 ล้านตัน ทั้งข้าวเก่าและข้าวใหม่ เนื่องจากในขณะนี้ตลาดยังเป็นของผู้ซื้อ เพราะอินเดียและเวียดนามยังคงมีข้าวส่งออกอย่างต่อเนื่อง และขายในราคาที่ต่ำกว่าไทยถึงตันละ 100 เหรียญสหรัฐ ทำให้ข้าวไทยแข่งขันได้ลำบาก ทำให้ในช่วงนี้ไทย จะเน้นการทำตลาดข้าวคุณภาพดีเป็นหลัก และวางแผนไว้ว่าจะเริ่มทำตลาดตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป เพื่อผลักดันการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งช่วงนั้นอินเดียและเวียดนามน่าจะไม่มีข้าวส่งออกแล้ว