xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“พรรคเพื่อไทย” จอมยุทธ์การตลาดซากศพและกองเพลิง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ปากโพล่งไปตามรายงานที่ได้รับเกี่ยวกับการเสียชีวิตของชาวบ้านตันหยงปูโล๊ะ จังหวัดปัตตานีว่า เจ้าหน้าที่ทหารไม่ได้ยิงประชาชน

"เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ และไม่เชื่อว่าเป็นชาวบ้าน เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยทหารพรานถูกยิง"

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ผิดพลาดมหันต์ เมื่อบอกนักข่าวว่า “เท่าที่ได้รับรายงาน มีรถกระบะ และรถจักรยานยนต์ ซึ่งรถจักรยานยนต์มี เอ็ม 79 ที่ไปยิงใส่ฐานทหารพราน แต่รถกระบะหนีไม่พ้น ตกถนน ทหารพรานที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ จึงปิดล้อมรถกระบะเพราะรู้ว่าในรถคันนั้นมีอาวุธหลายอย่าง และจำนวนมาก และมีเด็กหนุ่มๆ ทั้งนั้น แล้วจึงพบว่า มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่มีอาวุธหลายประเภท”

พล.อ.ยุทธศักดิ์ อาจจะกลายคนแรกที่จะต้องขอโทษต่อสังคม และเดินทางไปขอโทษต่อพี่น้องมุสลิมที่ภาคใต้ด้วยตัวเอง

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ใช้เครื่องยิงกระสุน เอ็ม 79 ยิงใส่ฐานชุดปฏิบัติการ ทหารพราน 4302 ม.3 บ.น้ำดำ ต.ปุโล๊ะปูโย อ.หนองจิก เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นกำลังทหารพรานได้กระจายกำลังเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และได้เกิดเหตุยิงชาวบ้าน ขณะกำลังจะไปละหมาดทำบุญคนตายเสียชีวิต 4 ศพ และบาดเจ็บ 4 ราย

ชาวบ้านทั้งหมดเป็นคนในบ้านตันหยงปูโล๊ะ ม.1 ต.ปูโล๊ะปูโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และเจ้าหน้าที่ให้ข่าวว่า มีการพบอาวุธปืนสงครามในรถชาวบ้าน โดยมีทหารพรานอยู่ที่เกิดเหตุ ทำให้วิพากษ์วิจารณ์กับเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางว่า เป็นการยิงคนไม่มีอาวุธ

นายมะลู ดิง แวกะจิ อายุ 15 ปี หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่าเหตุการณ์ให้นักข่าวฟังว่า ช่วงเวลาดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนและเสียงคล้ายลูกระเบิดดังขึ้นฝั่งตรงข้ามของหมู่บ้าน จากนั้นหลังจากทำละหมาดอีซา ที่มัสยิดในหมู่บ้านเสร็จสิ้น นายยา ดือราแม ได้ชวนไปช่วยทำละหมาดศพ ที่บ้านทุ่งโพธิ์

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งมันมืดมาก ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้บอกเป็นภาษาไทย ให้หยุดรถทันที ในระหว่างที่รถได้ชะลอความเร็วได้เกิดเสียงปืนดังขึ้น ไม่รู้ทิศทางมาจากไหน จึงได้กระโดดหนีหลบที่ใต้รถกลับถูกยิงเข้าที่แขนขวา 1 นัด จากนั้นจึงได้พยายามหลบหนีเข้าป่า แต่กลับถูกยิงไล่ตามหลังเป็นชุดใหญ่ แต่โชคดีกระสุนพลาด แล้วเข้าไปหลบอาศัยบ้านชาวบ้าน

“ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนยิงผม และช่วงที่คนร้ายดักยิงนั้น เราไม่ได้มียิงต่อสู้กับคนร้ายแต่อย่างใด เพราะเราไม่มีอาวุธปืนแม้สักกระบอกเดียว จึงได้แต่วิ่งหนีตายอย่างเดียว ผมไม่รู้จริงๆว่า ทำไมเขาต้องมายิงผม เพราะผมจะไปช่วยละหมาดคนตาย” นายมะลู ดิง กล่าว

การกระทำของทหารพรานยิ่งสร้างความโกรธแค้นให้กับชาวบ้านมากขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุ และกล่าวหาซ้ำว่าชาวบ้านเป็นคนร้ายอีกด้วย

แม้จะมีการพบกันระหว่างตัวแทนชาวบ้าน ผู้รอดชีวิต และเจ้าหน้าที่ทหาร แต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด

การพบปะที่ ชั้น 8 โรงแรมซีเอสปัตตานี เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้นัดพบกับเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 4302 ที่ตั้งฐานอยู่ที่ ม.3 บ้านน้ำดำ ต.ปูโละปูโย อ.หนองจิก และ นายยา ดือราแม คนขับรถยนต์วันเกิดเหตุที่รอดชีวิตมาได้ พร้อมด้วยญาติพี่น้องตัวแทนของผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ
หลังการเจรจาพูดคุยกัน พล.ท.อุดมชัย บอกกับนักข่าวว่า หลังจากที่ได้ประชุมเจรจาทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ปรากฏว่ายังขัดแย้งกันอยู่ โดยฝ่ายทหารพรานยืนยันว่าได้ยินเสียงปืนออกจากรถชาวบ้าน ทำให้ทหารต้องยิงตอบโต้ เข้าใจว่าเป็นกลุ่มคนร้าย ขณะที่ชาวบ้านยืนยันเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีอาวุธปืน เป็นบุคคลที่ทำงานอย่างสุจริต และ ตำบลปูโละปูโยเป็นเขตปลอดแนวร่วม จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ชาวบ้านจะเป็นแนวร่วม

ขณะที่นายเจะเลาะ เจะสะมะแอ อบต. ม.1 ต.ปูโละปูโย อ.หนองจิก กัดฟันบอกว่า พอใจในระดับหนึ่งเท่านั้น

“เรื่องเงินเยียวยาพวกเราไม่ต้องการ แต่ต้องการความเป็นธรรมมากกว่า อยากให้ทหารเลิกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องสงสัย ตำบลปูโละปูโย ถูกประกาศให้เป็นเขตปลอดแนวร่วม จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ชาวบ้านจะเป็นแนวร่วม” นายเจะเลาะ

เงินมันไม่มีค่าในสายตาของพี่น้องมุสลิมภาคใต้ เพราะเขาอยู่กันเป็นเครือข่าย พึ่งพาอาศัยและช่วยเหลือกัน

ต่างกับเงิน 7.75 ล้านบาท ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ อนุมัติให้คนเสื้อแดง

น้ำลายสอเป็นทางยาวทีเดียว

ยิ่งเป็น “ไอ้ตู่-ไอ้เต้น” เด็กใต้ ที่ไม่มีอันจะกินมาก่อน ยิ่งตะกละมากเป็นพิเศษ เพราะพวกนี้พร้อมที่จะเนรคุณบ้านเกิด เพื่อความร่ำรวยของตัวเอง

แต่ 85 ศพ ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ หรือแม้กระทั่ง 2,500 ศพ จากการฆ่าตัดตอน กลับไม่มีความหมายเท่ากับแกนนำ นปช.

ผู้เสียชีวิต 4  ราย ที่ไม่มีค่าในสายตา “นางธิดา ถาวรเศรษฐ์” ประธานกลุ่ม นปช. ประกอบ ด้วย 1. นายรอปา บือราเฮง อายุ 18 ปี (ลูกอีหม่าม) อยู่บ้านเลขที่ 37/2 ม. 1 บ้านกาหยี 2. นายอัสมัน ดือราแม อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 ม. 1 บ้านกาหยี  3. นายสาหะ สาแม อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/2 ม.1 บ้านกาหยี  4. นายหะมะ สะนิ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ม.1 บ้านกาหยี สภาพศพทั้งหมด ถูกยิงเข้าที่ด้านหลัง ลำตัว ศรีษะ เป็นแผลฉกรรณ์ เลือดท่วมร่าง

ที่สำคัญเมื่อพรรคการเมืองในสังกัด “ทักษิณ ชินวัตร” ขึ้นมามีอำนาจ จากการเผาประเทศไทย คนไทยก็เตรียมนับซากศพอีกครั้ง

“เหตุการณ์ลักษณะนี้ เคยเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วในพื้นที่เดียวกัน คือ ช่วงเดือน เม.ย.54 มีเด็กวัยรุ่นออกจากบ้านไปในช่วงเวลาที่มีการปะทะกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่ กับผู้ก่อความไม่สงบ และเด็ก 2 คนนี้ ถูกยิงเสียชีวิต โดยก่อนตายผู้เสียชีวิตได้คุยโทรศัพท์กับแม่ และบอกว่าถูกทหารยิง แต่เมี่อแม่เดินทางไปถึง ก็พบว่าลูกชายเสียชีวิตแล้ว โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เคยมีการดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด นอกจากให้เงินศพละ 1 แสนบาท ซึ่งไม่ใช่คำตอบในการแก้ปัญหา” อังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ บอกกับนักข่าวและเรียกร้องให้คืนความยุติธรรมให้พี่น้องมุสลิมที่เสียชีวิต

 “นายกฯ จะบอกว่าหนูไม่รู้ ไม่ได้ หรือจะพูดแค่ว่า เอาอยู่ เหมือนตอนเกิดวิกฤตน้ำท่วมก็ไม่ได้ แต่ต้องลงพื้นที่ สัมผัสกับชาวบ้าน เพื่อรับรู้ปัญหาอย่างแท้จริง เพราะตอนนี้ชาวบ้านเกิดความหวาดผวา กลัวว่าปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในยุค พ.ต.ท.ทักษิณจะกลายเป็นฝันร้ายที่กลับมาหลอกหลอนชาวบ้านอีกครั้ง ”

ศพพี่น้องมุสลิม 1 แสนบาท ที่เสียชีวิตไปฟรีๆ กับ 7.75 ล้านบาทจากเผาประเทศ...ไม่ทำให้ประเทศไทยสงบสุขได้

จึงมีคำถามตัวโตๆว่า ชีวิตคนใต้ มีค่าเท่าเทียมกับคนเสื้อแดงหรือไม่ ??!

อังคณา ยังบอกอีกว่า “หลังจากเกิดเหตุ แม้แต่นายอำเภอก็ยังเข้าถึงที่เกิดเหตุอย่างยากลำบาก มีการจงใจที่จะปกปิดความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างชัดเจน และยังละเมิดข้อตกลงที่เคยมีร่วมกันว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่เกิดข้อสงสัยว่าเจ้าหน้าที่รัฐ จะเข้าไปเกี่ยวข้อง ต้องให้ผู้นำศาสนาเข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบเหตุการณ์ แต่กรณีนี้ไม่มี และยังมีการปิดกั้นบริเวณห้ามไม่ให้เดินทางเข้าไปจนทำให้ผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ได้รับการส่งตัวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างทันท่วงที”

ความไม่เท่าเทียมภายใต้รัฐบาล ยิ่ง(อัป)ลักษณ์...ยิ่งทำให้ซากศพกองพะเนินอีกครั้ง

ที่สำคัญเงิน 7.75 ล้านบาท ไม่ใช่เงินของทักษิณ แต่เป็นเงินจากภาษีของคนไทยทุกคน

ความอยุติธรรมภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยังได้รับการยกย่องจาก สถานีวิทยุ F.M.100.5 MHz ณ ในสังกัดของ บมจ.อสมท ภายใต้การบริหารของ “สรจักร เกษมสุวรรณ” ประธานกรรมการ บมจ.อสมท ซึ่งมีการแจก “รางวัลสุดยอด 10 จอมยุทธ์การตลาด”

ทั้งนี้ 10 องค์กรดังที่มีการบริหารการตลาดยอดเยี่ยมแห่งปี ได้แก่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน), บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), พรรคเพื่อไทย, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), Central Group, บริษัท ไม่ตัน จำกัด, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), บริษัท อาเจ ไทย จำกัด

เป็นเรื่องที่น่าแปลกหรือไม่ ที่พรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองที่ได้อำนาจมาจากการสนับสนุนให้เผาเมืองไทย และยืนอยู่ซากศพนับร้อย ถึงได้รับรางวัลจอมยุทธ์การตลาด

แปลไทยเป็นไทยได้ว่า พรรคเพื่อไทย สามารถหากินกับกองเพลิง และผู้เสียชีวิต ได้อย่างยอดเยี่ยมกระนั้นหรือ ?!!

ดูเหมือนว่า สรจักร จะชำนาญการใช้ลิ้นกับคนทั้งพรรคเพื่อไทยทีเดียว

เหตุผลสำคัญคือ ความไม่โปร่งใสในกระบวนการตัดสินภายใต้หลักเกณฑ์ที่ไม่ครอบคลุมข้อเท็จจริงทางการเมืองและสังคม

คนตายนับพันภายใต้นักการเมืองกลุ่มเดียวกันนี้ ยังได้รับการรางวัลจอมยุทธ์นักการตลาดอีกเหรอ !!

คนทั่วไป ถ้าฆ่าคน ต้องติดคุก คนในพรรคการเมืองนี้เผาประเทศ ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย มีโทษถึงประหารชีวิต ล่าสุดบริหารงาน จนทำให้เกิดการยิงชาวบ้านอีก 4 ศพ แต่เอาเงินฟาดหัวไปหลักแสนบาท

“ธิดา” และคนของพรรคการเมืองนี้ กลับภูมิใจกับเงิน 7.75 ล้านบาท

หากสักวันหนึ่งพรรคเพื่อไทยถูกเผา แกนนำนปช. ถูกยิง แบบพี่น้องมุสลิมภาคใต้ แล้วรัฐบาลโยนเงินไปให้สักหนึ่งแสนบาท

อย่ามาโทษสังคมไทย ก็แล้วกัน !!!

กำลังโหลดความคิดเห็น