โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (DSJ)
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ฐานทหารพรานที่ 4302 บ้านน้ำดำ หมู่ที่ 2 ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก ทหารพรานจากหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 22 (ฉก.ทพ.22) อำเภอหนองจิก ได้เข้าไปตรวจสอบจุดที่ระเบิด M79 ถูกยิงตกภายในฐานทหารพรานที่ 4302
พบว่ามี 3 จุด 2 จุดแรกอยู่บริเวณขอบสระน้ำ มีร่องรอยการเกลี่ยดินกลบรอยระเบิด พบว่าระเบิดทำงานลูกเดียว ลูกที่ปักอยู่ในดินถูกเก็บกู้ไปแล้ว ส่วนอีกลูกตกลงไปในสระจมอยู่ในน้ำ ห่างจากสองจุดแรกประมาณ 4 เมตร ห่างจากเรือนนอนประมาณ 3 เมตร ยังรอหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดมาเก็บกู้ไป
ทหารพรานนายหนึ่งระบุว่า แนววิถีการยิงลูกระเบิด M79 มาจากทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ บริเวณสามแยกบ้านฮูแตบองอ หมู่ที่ 6 ตำบลปุโละปุโย อยู่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร แนวการยิงตรงกับที่ตั้งเรือนนอนภายในฐานทหารพรานที่ 4302 แต่ลูกระเบิดตกก่อนถึงเรือนนอน
ที่ผ่านมาฐานทหารพรานที่ 4302 บ้านน้ำดำ ถูกคนร้ายถล่มยิงถล่มมาแล้ว 7 ครั้ง ทหารพรานประจำฐานนี้ จึงต้องระมัดระวังและตื่นตัวตลอดเวลา
ต่อมาเวลา 14.30 น.วันเดียวกัน ที่ศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดปัตตานี นายยา ดือราแม คนขับรถที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ทหารพรานจากฐานทหารพรานที่ 4302 ตั้งด่านสกัดที่บ้านกาหยี หมู่ที่ 1 ตำบลลิปุโละปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2555 พร้อมด้วยญาติผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 9 คน ได้เดินทางเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดปัตตานี เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีถูกทหารพรานยิงเสียชีวิต 4 ศพ บาดเจ็บ 5 ราย
เจ้าหน้าที่ศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดปัตตานี ได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้น และได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับกระบวนยุติธรรมและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นายยาเปิดเผยว่า จุดเกิดเหตุเป็นทางเบี่ยงสะพานลอยขึ้นทางหลวงสาย 43 ซึ่งเป็นถนน 4 เลน ขณะเกิดเหตุถูกยิงนั้นรถยนต์เครื่องดับ จึงทำให้รถไหลถอยหลัง คนขับไม่ได้ถอยรถหนีตามที่เจ้าหน้าที่เข้าใจ (อ่านรายละเอียดขณะเกิดเหตุในล้อมกรอบ) สำหรับหมู่บ้านตันหยงบูโละห์ไม่เคยเกิดเหตุร้าย ยกเว้นบนถนนใหญ่ คนในหมู่บ้านไม่เคยถูกดำเนินคดี มีเพียงเด็กถูกนำตัวไปซักถามแล้วปล่อยตัวไม่ถูกดำเนินคดีแค่คนเดียว
นายแวโซะ แวนาแว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 บ้านทุ่งโพธิ์ ตำบลลิปะสาโง อำเภอหนองจิก เปิดเผยว่า กลุ่มชาวบ้านตันหยงบูโละห์ ตำบลตำบลลิปุโละปุโย ที่ประสบเหตุ ต้องการเดินทางไปละหมาดศพนางมือแย สาและ แม่ของตน ที่เสียชีวิตเมื่อเวลา 16.20 น.วันที่ 29 มกราคม 2555 มีกำหนดละหมาดศพเวลา 21.00 น.ในวันดังกล่าวที่บาลาเซาะห์ หรือศาลาละหมาดบ้านทุ่งโพธิ์ โดยเชิญชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว และคนอื่นๆ มาละหมาดประมาณ 500 คน
วันเดียวกัน มูลนิธิศูนย์ทนายมุสลิมได้ออกแถลงการณ์มีเนื้อหาว่า มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมในฐานะองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอแสดงความเสียใจต่อญาติของผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว และขอประณามผู้ที่กระทำจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหาย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปรากฏว่า ข้อมูลในพื้นที่จากการสอบถามข้อเท็จจริงจากผู้อยู่ที่ร่วมในเหตุการณ์ แตกต่างกับที่ทางโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้แถลงต่อสื่อมวลชน
มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จึงขอเรียกร้องให้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบ พิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน เพราะยังมีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รอดชีวิตเหลืออยู่ แต่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง จึงรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ และเกรงเกิดความไม่ปลอดภัยกับตัวเอง บุคคลเหล่านั้นล้วนเป็นบุคคลที่มีอายุ และเป็นผู้บริสุทธิ์
การที่หน่วยงานของรัฐรีบออกมาแถลง โดยสรุปข้อมูลจากการรับฟังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติฝ่ายเดียว ย่อมไม่เป็นธรรมต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ บุคคลเหล่านั้นล้วนเป็นคนในพื้นที่ ต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวงเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจึงขอเรียกร้องผู้มีอำนาจหน้าที่ ผู้บังคับบัญชาและผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณาการกระทำของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวว่า มีความเหมาะสมต่อการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อย่างไร
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเหตุการณ์แรก แต่ยังมีเหตุการณ์อื่นๆ อีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทำนองนี้อีก ทุกเหตุการณ์ล้วนแต่เป็นการสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งระหว่างของเจ้าหน้าที่กับประชาชนในพื้นที่ เมื่อเป็นดังนี้ความสงบในพื้นที่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร
พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า ได้สอบปากคำพยานแล้ว 3 ปาก และจะสืบพยานเพิ่มเติมอีก ทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บและเจ้าหน้าที่ทหารพราน ส่วนรถยนต์คันเกิดเหตุชุดพิสูจน์หลักฐานได้เข้าไปตรวจร่องรอยของรูกระสุน และปลอกกระสุนปืน นำไปตรวจสอบที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จังหวัดยะลา เพื่อเปรียบเทียบว่าเป็นปืนชนิดเดียวกับปืนอาก้า และปืนพกขนาด .45 มิลลิเมตร ที่พบภายในรถยนต์ของชาวบ้านที่ถูกยิงหรือไม่
พล.ต.ต.พิเชษฐ์เปิดเผยว่า คดีนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีย้ำให้ตรวจอย่างละเอียดว่า เป็นปืนชนิดไหน มาจากที่ใด ใครเป็นผู้ใช้ รอยนิ้วมือเป็นของใคร เพราะเป็นหลักฐานสำคัญ ตนในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ใครผิดก็ว่าไปตามผิด
“คดีคนร้ายยิงถล่มฐานทหารพราน และคดีคนร้ายกราดยิงบ้านชาวบ้าน และคดีคนร้ายยิงทหารพรานตายภายในฐาน จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะบางคดีอาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์ตอบโต้ หรือฉวยโอกาสก่อเหตุ ผมได้กำชับให้กำลังทุกฝ่ายเตรียมพร้อมตลอดเวลา เพราะเชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามน่าจะออกมาก่อเหตุในอำเภอหนองจิก และอำเภอใกล้เคียง เพื่อหวังที่ดึงมวลชนอีก” พล.ต.ต.พิเชษฐ์กล่าว
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวถึงเหตุการณ์ต่อที่ประชุมประจำเดือนของหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดปัตตานี มีข้าราชการฝ่ายปครอง ตำรวจ ทหารเข้าร่วมกว่า 200 คนว่า เบื้องต้นได้มอบเงินให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 100,000 บาท ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย 1 หมื่นบาท ส่วนผู้บาดเจ็บนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี 3 ราย รายละ 3 หมื่นบาท
นายธีระแจ้งต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ได้ขอให้ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ย้ายทหารพรานชุดเกิดเหตุออกนอกพื้นที่ ให้ชุดอื่นมาอยู่ดูแลความปลอดภัยพื้นที่แทน เพื่อให้ชาวบ้านสบายใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมา 1 ชุด นอกเหนือจากฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจแล้ว จะมีคนกลางคือ อัยการ และตัวแทนภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบหาข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ดังกล่าว ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วและเป็นธรรม
“ผมขอให้ทุกคนปฏิบัติงานอย่างโปร่งใส เป็นที่พึ่งของประชาชน และต้องให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเสียหายอย่างเป็นธรรม ขอเน้นย้ำไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง ทุกอย่างต้องโปร่งใส ซื่อสัตย์ ต้องตอบคำถามประชาชนได้ทุกเรื่อง ขอให้เป็นบทเรียนในการทำงานในพื้นที่ที่มีเงื่อนไข และมีความแตกต่างในชีวิตความเป็นอยู่ของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายไปมากกว่าเดิม” นายธีระกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 07.45 น.วันเดียวกัน ขณะที่อาสาสมัครทหารพรานทะนง สินธู อายุ 48 ปี สังกัดกรมทหารพรานที่ 43 อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ที่ 2 ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากส่งลูกที่โรงเรียนในเขตเทศบาลตำบลโคกโพธิ์ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เพื่อกลับไปเข้าเวรที่กรมทหารพรานที่ 43 ในค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี มาตามถนนสายหนองจิก-โคกโพธิ์ เมื่อมาถึงหมู่ที่ 2 บ้านชะเมา ตำบลนาเกตุ อำเภอโคกโพธิ์ มีคนร้าย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ตามประกบยิงจนเสียชีวิต
หลังจากเกิดเหตุ พ.ต.อ.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ได้นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพอาสาสมัครทหารพรานทะนง สินธู ตกอยู่ข้างทาง สภาพศพอยู่ในเครื่องแบบทหารพรานสีดำครึ่งท่อน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้น .38 มิลลิเมตรเข้าลำตัว 4 นัด ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีแดงของผู้ตายตกอยู่ในคูน้ำ
พนักงานสอบสวนเชื่อว่า คนร้ายได้ติดตามความเคลื่อนไหวของอาสาสมัครทหารพรานทะนงมาตลอด จนทราบว่าผู้ตายขับรถไปส่งลูกทุกวัน เมื่อสบโอกาสจึงก่อเหตุตอบโต้กรณีทหารพรานยิงชาวบ้านอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานีเสียชีวิต 4 ศพ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2555
ล้อมกรอบ
ยา ดือราแม : ‘ผมเห็นคนยิง’
นายยา ดือราแม คอเต็บมัสยิดบ้านตันหยงบูโละห์ ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ผู้ขับรถนำชาวบ้านออกเดินทางไปละหมาดศพ และถูกกระหน่ำยิงจนมีผู้เสียชีวิต 4 ศพ บาดเจ็บอีก 5 คน เมื่อคืนวันที่ 29 มกราคม 2555 ได้เล่าเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุขณะชะลอรถให้ทหารพรานจากฐาน 4302 ตรวจ
“เกือบสองทุ่ม ชาวบ้านได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นหนึ่งครั้ง เสียงดังมาก ตามด้วยเสียงปืนดังขึ้นอีกหนึ่งชุด แต่ไม่รู้ว่าเป็นเหตุการณ์อะไร
หลังจากละหมาดอีชาเสร็จ ผมชวนชาวบ้านไปละหมาดศพที่บ้านทุ่งโพธิ์ ตำบลลิปะสาโง อำเภอหนองจิก โดยเลี่ยงไปใช้เส้นทางถนนสี่เลน ถึงแม้จะไกลกว่าเส้นทางผ่านหน้าฐานทหารพราน 4302 เพราะไม่แน่ใจว่าเสียงระเบิดที่เราได้ยินก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นที่ไหน เกิดที่ฐานทหารพราน 4302 หรือไม่เราก็ไม่รู้
ผมขับรถไปถึงแยกถนน 4 เลน พอเลี้ยวรถเข้าทางลูกรังที่ลาดขึ้นบนถนนใหญ่ แสงไฟจากรถส่องเห็นทหารบางคนยืน บางคนนอนหมอบ ผมเลยชะลอรถ หันไปบอกคนบนรถที่มากับผมว่าอย่าตกใจ อย่าวิ่งหนี
พอผมชะลอรถกำลังจะดับเครื่องยนต์ ก็ได้ยินเสียงตะโกนเป็นภาษาไทย แต่ผมฟังภาษาไทยไม่ออก เลยไม่รู้หมายความว่าอะไร ผมได้ยินแต่เสียงไม่เห็นคนตะโกน พอสิ้นเสียงตะโกนเสียงปืนดังขึ้นทันที ตอนนั้นผมดับเครื่องยนต์พอดี รถจึงไหลลงข้างทาง เจ้าหน้าที่เข้าใจว่า ผมถอยรถหนี แต่ไม่ใช่ รถไหลลงข้างทางเพราะผมดับเครื่องยนต์ ผมไม่ได้คิดจะหนีอย่างเจ้าหน้าที่เข้าใจ
ผมเห็นไฟจากปากกระบอกปืน บนสะพานข้ามแยกถนนสี่เลนกับบนถนน ผมเห็นว่ายิงจากตรงไหน เห็นคนยิงด้วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร
ยิงชุดแรกไม่โดนใคร พอหมดเสียงปืนชุดแรก เด็กที่มากับผม นั่งตรงกระบะท้ายรถ กระโดดลงจากรถวิ่งหนี เลยถูกไล่ยิง เสียงปืนชุดที่สองก็ดังขึ้น คราวนี้กระสุนโดนคนที่นั่งอยู่ข้างผมที่เป็นคนขับ ตอนแรกผมคิดจะหนีเหมือนกัน แต่คนในรถร้องกล่าวถึงพระเจ้าตลอด และสอนคำกล่าวปฏิญาณไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮให้คนที่ถูกยิง ผมก็เลยไม่หนี และคิดว่าน่าจะหยุดยิงกันแล้ว แต่กลับมีเสียงปืนดังขึ้นอีกชุด ตอนนี้ผมอยู่ไม่ได้แล้ว ตัดสินใจลงจากรถ วิ่งหนีกลับบ้าน ตอนวิ่งหนีผมถูกยิงเฉี่ยวหัวไหล่ซ้าย
ตอนนั้นมีเด็กคนหนึ่ง วิ่งตามผมไปหลบอยู่ในบ้านญาติ ส่วนผมหนีเข้าบ้าน กลัวมากกว่าจะได้ไปโรงพยาบาลก็ 4 ทุ่มกว่า
ผมไม่รู้ว่าจุดเกิดเหตุเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมเล่าได้แค่นี้แหละ!!”