พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดโรงแรมซีเอส ปัตตานี ให้ทหารพรานมือยิงเคลียร์ใจกับผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิต ถือเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกของคู่กรณี หลังรัฐบาลออกมายอมรับความผิดพลาด ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียดตลอดเวลา
เดิมทีสัปดาห์นี้ตั้งใจจะบอกเล่าแนวความคิดอันเป็นที่มาที่ไปการเกิดขึ้นของหน้าเว็บไซต์ภาคใต้(www.manager.co.th/south) ส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์(www.manager.co.th/home ) ที่ 2 ศูนย์ข่าวเครือ ASTVผู้จัดการ บนแผ่นดินด้ามขวานคือ ศูนย์ข่าวหาดใหญ่กับศูนย์ข่าวภูเก็ต ได้รับมอบหมายให้ช่วยกันจัดทำขึ้นและร่วมกันดูแลไปตลอด
เวลานี้หน้าเว็บไซต์ภาคใต้ของผู้จัดการออนไลน์ดังกล่าวได้โลดแล่นอยู่ในโลกข้อมูลข่าวสารแล้ว โดยได้นำเสนอเนื้อหาในหลากหลายมิติไปตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 หลายท่านรู้ข่าวและได้เข้าไปติชมกันบ้างแล้ว ซึ่งกำหนดจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 ที่จะถึงนี้
แต่เมื่อคืนวันที่ 29 มกราคม 2555 เกิดเหตุการณ์อันเปรียบได้กับภาครัฐราดน้ำมันใส่ไฟใต้ให้โชนเปลวขึ้นมาอีกหน กรณีฐานทหารพรานที่ จ.ปัตตานีถูกถล่มด้วยเอ็ม 79 จากนั้นเกิดการไล่ล่าแล้วมีชุดทหารพรานไประดมยิงใส่รถกระบะรถชาวบ้านที่นำคนจะไปร่วมละหมาดงานศพอดีตผู้ใหญ่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ บาดเจ็บ 4 รายและหนีรอดหวุดหวิด 1 ราย
เหตุการณ์นี้กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์หนาหู และอาจจะเป็นเงื่อนไขให้สถานการณ์บานปลายไปใหญ่โต ทำให้ไม่อาจมองข้ามประเด็นใหญ่ยิ่งบนแผ่นดินด้ามขวานไปได้
แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ และอดีต รมว.กลาโหมหมาดๆ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมคนใหม่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าฯ ปัตตานี รวมถึง พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 จะชักแถวออกมายอมรับถึงความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐกันไปแล้วก็ตาม
โดยเฉพาะแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้นำกองทัพสูงสุดในพื้นที่ถึงกับจัดเวทีเปิดปากขอโทษญาติผู้สูญเสีย ประกาศพร้อมเยียวยาและรับเงื่อนไขไปแก้ปัญหาให้เต็มที่ เพราะกลัวจะซ้ำรอยกรณีทหารพรานยิงถล่มร้านน้ำชาบ้านกาโสด จ.ยะลา กรณี 10 ศพที่มัสยิดไอร์ปาแย จ.นราธิวาส หรือกรณีกราดยิงวัยรุ่นที่ตลาดนัดใน จ.ปัตตานี เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เคยบานปลายขยายวงจนเป็นเรื่องราวใหญ่โตมาแล้วทั้งสิ้น แต่ดูเหมือนสถานการณ์ไฟใต้จะไม่ดีขึ้น แถมการก่อเหตุร้ายดูจะถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ที่ไม่อยากผ่านเลยเรื่องนี้ก็เพียงผมอยากจะบอกว่า ตราบใดที่ระบอบทักษิณยังยึดกุมอำนาจรัฐไว้ในมือ ก็อย่าหวังเห็นวิกฤตไฟใต้คลี่คลายหรือมอดดับ มีแต่จะเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามตลอดเวลา
ไม่แปลกใจเลยที่รัฐบาลโคลนนิ่งน้องสาวนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร แม้จะเพิ่งก้าวขึ้นกุมอำนาจรัฐได้ไม่กี่เดือน แต่ได้ทำให้ปัญหาไฟใต้คุโชนได้เรื่อยๆ เพราะถ้าไม่ตัวแทนระบอบทักษิณลงไปกวนอำนาจการบริหารราชการในพื้นที่พิเศษของจังหวัดชายแดนภาคใต้เสียเอง ก็มีการปล่อยให้กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ เข้าไปละเลงกันได้เต็มที่
ตั้งแต่ตั้งรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสร็จสิ้นใหม่ๆ ก็มีข่าวสะพัดเรื่องการปรับรื้อใหญ่โครงสร้างอำนาจรัฐในชายแดนใต้ โดยเฉพาะต้องการลิดรอนบทบาท ศอ.บต. องค์กรฝ่ายพลเรือนที่ถูกทำให้แข็งแกร่งด้วยการเข็น พ.ร.บ.ออกมาแปลงกายใหม่ช่วงปลายรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เวลานี้ก็มีการเปลี่ยนตัวผู้นำองค์กรโดยเอาตำรวจมาแทนคนมหาดไทยไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมๆ กับพยายามกดหัวให้ไปอยู่ใต้ปีกโอบของทหารในนาม กอ.รมน. ทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่
แม้ตอนนี้จะประกาศคำขวัญใหม่ขึ้นบนแผ่นดินชายแดนใต้ว่าใช้ “ยุติธรรมนำหน้า” แต่ในทางปฏิบัติกลับดูเหมือนยิ่งถอยหลังลงคลองไปสู่ยุคใช้ “การทหารนำการเมือง” นั่นแหละ
ถ้าจะย้อนกลับไปดูคนจุดไม้ขีดก้านแรกให้ไฟใต้ปะทุคุโชนขึ้นมาระลอกใหม่ช่วงกว่า 8 ปีมานี้ ก็จะพบว่าไม่ใช่ใครที่ไหนเลย ซึ่งก็คือนักโทษหนีคดีทักษิณ ชินวัตร ผู้ให้กำเนิดระบอบทักษิณกินบ้านกินเมืองจนมาถึงเดี๋ยวนี้นั่นเอง
ปี 2544 ที่ขึ้นเป็นนายกฯ ใหม่ๆ ก็วางก้ามตัวเองเป็นซีอีโอใหญ่คับประเทศ อาศัยที่เคยเป็นคนสีกากีดึงพรรคพวกเพื่อนพ้องไปเป็นเครื่องมือจนถูกมองว่าต้องการนำพาชาติให้เป็นรัฐตำรวจ แสดงความอหังการจนเป็นที่ปรากฏไม่เว้นแม้กระทั่งกับปัญหาไฟใต้
ปี 2545 เชื่อข้อมูลตำรวจชงให้ในเวที ครม.สัญจรที่ จ.นราธิวาส จึงสั่งทหารที่ดูแลชายแดนใต้มาตลอดให้ถอยกลับเข้ากรมกอง ปี 2546 สั่งยุบทิ้ง ศอ.บต.ด้วยข้ออ้างต้องการให้ลบความเป็นแผ่นดินพิเศษ แล้วทำให้เป็นปกติด้วยการให้ตำรวจขึ้นมาใหญ่แทน พร้อมๆ กับไม่ลืมที่จะเล่นพรรคเล่นพวกแต่เฉพาะในกลุ่มทุนและและก๊วนการเมืองเดียวกัน ขณะที่ขบวนการแบ่งแยกดินแดนก็แต้มภาพลักษณ์ใหม่ให้เป็นแค่เพียง “โจรกระจอก”
เป็นที่เล่าขานกันว่า ในเวลานั้นการกระทำของนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร ไม่ต่างอะไรจากการเอาตีนลงไปแกว่งกวนอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินในชายแดนใต้ด้วยความย่ามใจ
ในที่สุดความอหังการของนักการเมืองที่ทำตัวใหญ่ค้ำฟ้าก็นำไปสู่การเกิดเหตุการณ์ปล้นปืนค่ายทหารที่เป็นข่าวครึกโครมต้นปี 2547 อันถือเป็นจุดเริ่มของวิกฤตไฟใต้ระลอกใหม่ที่ยังโชนเปลวลุกลามมาจนปัจจุบัน ซึ่งในเวลานี้ดูเหมือนความอหังการของคนหน้าเหลี่ยมก็ยังไม่ลดน้อยถอยลง
การจะทำให้ไฟใต้มอบดับได้ก็เห็นจะมีอยู่หนทางเดียว คือ ต้องตัดตีนนักโทษหนีคดี ทักษิณ ชินวัตร ที่คอยแต่จะใช้สร้างปัญหาทิ้งไปให้ได้ รวมถึงตัดแขนขาระบอบทักษิณด้วย แล้วจึงค่อยหันมาปรับรื้อโครงสร้างอำนาจรัฐในพื้นที่ครั้งใหญ่ แบบไม่ต่างจากที่เรียกร้องให้รื้อทิ้งโครงสร้างการเมืองน้ำเน่าให้สิ้นซากไปจากประเทศไทย