xs
xsm
sm
md
lg

BAYคาดบาทแข็งแตะ30.50

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายตรรก บุนนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)(BAY) ประเมินเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตได้ประมาณ 4% จากปีก่อนที่คาดว่าจะเติบโตได้เพียง 1.6% โดยปัจจัยยที่ต้องจับตาดูเป็นปัจจัยนอก ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง วิกฤติหนี้ยูโร ขณะที่ปัจจัยภายในโดยส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งด้านการบริโภค การลงทุน รวมถึงภาคการส่งออกที่น่าจะกระเตื้องขึ้นได้
"ในปี 55 จะเป็นปีที่มีความผันผวนมากในตลาดหุ้น ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ และตลาดตราสารหนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนของปัญหาหนี้ในยุโรป แต่เชื่อว่าในช่วงเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้น่าจะมีอะไรชัดเจนขึ้น เพราะเป็นเดือนที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯจะออกมาอีกครั้ง และดูว่าหนี้ของกรีซที่ครบกำหนดจะถูกจัดการอย่างไร"
ด้านค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา ค่อนข้างผันผวนซึ่งเป็นไปตามสภาวะที่เป็นไปของกลุ่มประเทศยุโรป แต่ทิศทางโดยหลักยังโอกาสที่จะแข็งค่าขึ้นอีก จากเม็ดเงินที่ไหลเข้าต่ออย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเงินลงทุนในตลาดหุ้น การส่งออกที่น่าจะฟื้นตัว และเงินจากบริษัทประกันเข้ามาจ่ายสินไหมอุทกภัย แต่ในช่วงที่ผ่านมาเงินบาทก็ไม่ได้แข็งค่าขึ้นกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยตั้งแต่ต้นปี แข็งค่าขึ้น 2-3% โดยคาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบ 30.50-32.00 บาทต่อดอลลาร์ และมีโอกาสที่จะแข็งค่าไปถึง 29.00-30.00 บาทต่อดอลลาร์ หากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวต่อเนื่อง
สำหรับการปรับลดดอกเบี้ยในระบบธนาคารพาณิชย์ หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 3%นั้น ปัจจัยที่ธนาคารจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสภาพคล่อง และสภาพตลาดที่ขณะนี้ยังมีการแข่งขันสูง ดังนั้น ธนาคารพาณิชย์จึงยังคงตรึงดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้สูญเสียความสามารถการแข่งขัน
"แม้ว่าธนาคารกรุงไทยได้มีการลดดอกเบี้ยหลังธนาคารกรุงไทยนำร่องไปแล้ว แต่ธนาคารพาณิชย์ที่เหลือก็ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งก็คงดูปัจจัยอื่นๆ รวมถึงข้อสรุปเรื่องการนำส่งเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งน่าจะมีข้อสรุปในเร็วๆนี้ ซึ่งในส่วนของแบงก์กรุงศรีเองก็คงต้องรอดูธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ก่อน"
นายตรรกกล่าวอีกว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ขณะนี้ยังมีสภาพคล่องสูงกว่า 2 ล้านล้านบาท และเชื่อว่าธนาคารจะยังพยายามรักษาสภาพคล่องส่วนเกินนี้ไว้ เพื่อสำรองไว้กรณีการคุ้มครองเงินฝากจะลดลงเหลือ 1 ล้านบาทต่อบัญชีในเดือนสิงหาคมปีนี้ รวมถึงสำรองไว้ปล่อยกู้หากเศรษฐกิจฟื้นตัวขยายตัวได้ดี
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ธนาคารมีข้อจำกัดในการระดมเงิน ทั้งกฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ที่ควบคุมการออกตั๋วแลกเงิน(B/E) รวมถึงการเพิ่มอัตราการส่งเงินค่าธรรมเนียมเงินฝากจากตั๋ว B/E เพื่อชำระหนี้ให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟู ทำให้ธนาคารต้องหันมาปรับตัววางกลยุทธ์ขยายช่องทางการระดมเงินในช่องทางอื่น ซึ่งจะเห็นธนาคารหันมาออกหุ้นกู้มากขึ้น โดยคาดว่าในส่วนบริษัทจะมีการออกหุ้นกู้ไม่ต่ำกว่า 250,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีเม็ดเงินออกหุ้ตประมาณ 200,000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น