ASTVผู้จัดการรายวัน - ตลาดหลักทรัพย์ฯ เล็งลดต้นทุนต่อรายได้ เทียบเคียงเพื่อนบ้าน หวังเพิ่มประสิทธิการดำเนินงาน พร้อมตั้งเพิ่มบัญชีซื้อขายหุ้นเพิ่มเป็น 7.5 แสนบัญชี-บัญชีอนุพันธ์เป็น 8 หมื่นบัญชี และตั้งเป้าบจ.ระดมทุนตลาดรองปีนี้ 7.5 หมื่นล้านบาท คาดมูลค่าการซื้อขายปีนี้เฉลี่ย 3.1-3.2 หมื่นล้านบาทต่อวัน
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึง แผนกลยุทธ์ของกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯปี 2555 ว่า ตลาดหลักทรัพย์นจะมีการเพิ่มประสิทธิภาพของตลาดหลักทรัพย์โดยการลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (CIR)ปีนี้เหลือประมาณ 60% จากปัจจุบันที่มี 63% ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อนบ้าน ซึ่งอนาคตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนที่จะลดให้อยู่ในระดับเดียวกับเพื่อนบ้านที่ตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย อยู่ที่ 53% ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ อยู่ที่ 44% โดยการตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเพิ่มรายได้ของตลาดหลักทรัพย์ฯเช่น การเพิ่มสินค้าใหม่ ซึ่งในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์เพื่อสัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน กองทุนอีทีเอฟ และมีการเพิ่มสภาพคล่องสินค้าต่างๆมากขึ้น
ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการจัดทำแผนแม่บทด้านการปฏิบัติการ เพื่อให้การดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯมีคุณภาพ ประสิทธิภาพสูงขึ้น และมีความผิดพลาดต่ำ มีต้นทุนต่ำรองรับการทำธุรกิจข้ามประเทศ การเชื่อมโยงกับตลาดทุนต่างประเทศ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯอาจจะต้องมีการพัฒนาระบบและซื้อระบบใหม่ คาดว่าจะเสร็จภายในไตรมาส4/55
"CIRของตลท.ปรับตัวลดลงมาทุกปี จาก 93% ปี 51 เหลือ 84% ในปี 52 เหลือ 72% ในปี53 และเหลือ 63% ในปี 54 โดยสาเหตุหลักที่CIR ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง เนื่องจาก จำนวนพนักงานได้มีการปรับลดลง 150 คน ทำให้ต้นทุนพนักงานลดลง รวมถึงได้มีการควบคุมต้นทุนต่าง ๆ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายมีทิศทางที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมีสินค้าเพิ่มขึ้นและมีการขยายระยะเวลาซื้อขายในช่วงกลางคืน แต่ในปี55 คาดว่าCIR จะปรับตัวลดลง 2-3% เพราะต้นทุนในปีนี้จะสูง จากการที่เริ่มรับรู้ค่าใช้จ่ายของเงินลงทุนระบบไอที รวมถึงค่าใช้จ่ายในกิจกรรมอื่น ๆ ด้วย " นายจรัมพร กล่าว
สำหรับปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนขยายฐานนักลงทุนโดยมีเป้าหมายเพิ่มบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เป็น 740,000-750,000 บัญชี จากปัจจุบันที่มี 680,000 บัญชี โดยการร่วมกับหน่วยงานต่างๆเช่น บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ฯลฯในการจัดสัมนาการให้ความรู้การลงทุนแก่นักลงทุน และ จะเเพิ่มบัญชีการซื้อขาย อนุพันธ์เพิ่มเป็น 80,000 บัญชี และเพิ่มปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์เฉลี่ยต่อวันเพิ่มเป็น 55,000 -57,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มี 41,000 สัญญาต่อวัน
นอกจากนี้มีแผนขยายฐานนักลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นในการออกกองทุนหุ้นมากขึ้น จากเดิมที่กองทุนจะออกกองทุนตราสารหนี้ ฯลฯ ซึ่งจะมีการขยายฐานให้บริษัทจำกัดเข้ามาใช้สินค้าในตลาดอนุพันธ์นการบริหารความเสี่ยงการลงทุนมากขึ้น และมีแผนเพิ่มสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตเพิ่มเป็น 50% ของมูลค่าการซื้อขายของผุ้ลงทุน จากปัจจุบันที่ 40%
นายจรัมพร กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯคาดมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 31,000-32,000 ล้านบาทต่อวัน จากปีก่อนที่มี 29,000 ล้านบาทต่อวัน คาดว่าบริษัทจดทะเบียนปีนี้จะมีการะดมทุนในตลาดรองมูลค่า 75,000 ล้านบาท และตั้งเป้ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป)จากบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่เพิ่มอีก 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 100% จากปีก่อน
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึง แผนกลยุทธ์ของกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯปี 2555 ว่า ตลาดหลักทรัพย์นจะมีการเพิ่มประสิทธิภาพของตลาดหลักทรัพย์โดยการลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (CIR)ปีนี้เหลือประมาณ 60% จากปัจจุบันที่มี 63% ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อนบ้าน ซึ่งอนาคตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนที่จะลดให้อยู่ในระดับเดียวกับเพื่อนบ้านที่ตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย อยู่ที่ 53% ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ อยู่ที่ 44% โดยการตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเพิ่มรายได้ของตลาดหลักทรัพย์ฯเช่น การเพิ่มสินค้าใหม่ ซึ่งในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์เพื่อสัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน กองทุนอีทีเอฟ และมีการเพิ่มสภาพคล่องสินค้าต่างๆมากขึ้น
ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการจัดทำแผนแม่บทด้านการปฏิบัติการ เพื่อให้การดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯมีคุณภาพ ประสิทธิภาพสูงขึ้น และมีความผิดพลาดต่ำ มีต้นทุนต่ำรองรับการทำธุรกิจข้ามประเทศ การเชื่อมโยงกับตลาดทุนต่างประเทศ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯอาจจะต้องมีการพัฒนาระบบและซื้อระบบใหม่ คาดว่าจะเสร็จภายในไตรมาส4/55
"CIRของตลท.ปรับตัวลดลงมาทุกปี จาก 93% ปี 51 เหลือ 84% ในปี 52 เหลือ 72% ในปี53 และเหลือ 63% ในปี 54 โดยสาเหตุหลักที่CIR ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง เนื่องจาก จำนวนพนักงานได้มีการปรับลดลง 150 คน ทำให้ต้นทุนพนักงานลดลง รวมถึงได้มีการควบคุมต้นทุนต่าง ๆ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายมีทิศทางที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมีสินค้าเพิ่มขึ้นและมีการขยายระยะเวลาซื้อขายในช่วงกลางคืน แต่ในปี55 คาดว่าCIR จะปรับตัวลดลง 2-3% เพราะต้นทุนในปีนี้จะสูง จากการที่เริ่มรับรู้ค่าใช้จ่ายของเงินลงทุนระบบไอที รวมถึงค่าใช้จ่ายในกิจกรรมอื่น ๆ ด้วย " นายจรัมพร กล่าว
สำหรับปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนขยายฐานนักลงทุนโดยมีเป้าหมายเพิ่มบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เป็น 740,000-750,000 บัญชี จากปัจจุบันที่มี 680,000 บัญชี โดยการร่วมกับหน่วยงานต่างๆเช่น บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ฯลฯในการจัดสัมนาการให้ความรู้การลงทุนแก่นักลงทุน และ จะเเพิ่มบัญชีการซื้อขาย อนุพันธ์เพิ่มเป็น 80,000 บัญชี และเพิ่มปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์เฉลี่ยต่อวันเพิ่มเป็น 55,000 -57,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มี 41,000 สัญญาต่อวัน
นอกจากนี้มีแผนขยายฐานนักลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นในการออกกองทุนหุ้นมากขึ้น จากเดิมที่กองทุนจะออกกองทุนตราสารหนี้ ฯลฯ ซึ่งจะมีการขยายฐานให้บริษัทจำกัดเข้ามาใช้สินค้าในตลาดอนุพันธ์นการบริหารความเสี่ยงการลงทุนมากขึ้น และมีแผนเพิ่มสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตเพิ่มเป็น 50% ของมูลค่าการซื้อขายของผุ้ลงทุน จากปัจจุบันที่ 40%
นายจรัมพร กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯคาดมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 31,000-32,000 ล้านบาทต่อวัน จากปีก่อนที่มี 29,000 ล้านบาทต่อวัน คาดว่าบริษัทจดทะเบียนปีนี้จะมีการะดมทุนในตลาดรองมูลค่า 75,000 ล้านบาท และตั้งเป้ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป)จากบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่เพิ่มอีก 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 100% จากปีก่อน