“กิตติรัตน์” แตะ เบรกตลาดหลักทรัพย์ แปรรูป เหตุเชื่อแข่งขันได้โดยไม่ต้องแปลงสภาพ ด้าน “จรัมพร” เผย เดินหน้าปรับโครงสร้างภายในรองรับแข่งขันตลาดหุ้นต่างประเทศแทน เตรียมนำเรื่องหารือสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่ 2 ด้านนายกสมาคมโบรกเกอร์ แจง ชะลอเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นเต็มรูปแบบเหมือนกับตลท.
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ ว่า ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่าตลาดหลักทรัพย์จะชะลอการแปรรูปออกไป เนื่องจาก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีได้มีการแจ้ง ให้ทราบในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะมองว่า แม้ตลาดหลักทรัพย์ไม่มีการแปรรูปก็สามารถที่จะแข่งขันกับตลาดหุ้นอื่นๆ ได้ โดยตลาดหลักทรัพย์จะต้องมีการดูแผนภายในว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์ไทย มีการแข่งขันกับตลาดหุ้นอื่นๆ ได้โดยที่ไม่แปรรูปเป็นบริษัทมหาชนและนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
“ส่วนตัวได้รับการแจ้งทางวาจา จาก นายกิตติรัตน์ ว่า จะมีการชะลอการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วใน 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยรองนายกให้เหตุผลว่าตลาดหลักทรัพย์ฯสามารถแข่งขันกับตลาดหุ้นต่างประเทศได้โดยที่ไม่ต้องแปรรูป ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะมีการดูในเรื่องภายในว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์ฯแข่งขันได้” นายจรัมพร กล่าว
ทั้งนี้ หากตลาดหลักทรัพย์ฯต้องการที่จะมีพันธมิตรในการร่วมทำธุรกิจ ก็อาจจะมีการทำสัญญาในการเป็นพันธมิตร โดยที่ไม่ต้องมีการถือหุ้น ฯลฯ ซึ่งเรื่องดังกล่าวตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการหารือกับทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทยในการประชุมครั้งหน้า ส่วนในเรื่องแผนพัฒนาตลาดทุนไทยนั้น คงจะต้องรอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย ก่อน เพื่อที่จะมีการจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่ 2 ว่า แผนจะเป็นอย่างไร หากตลาดหลักทรัพย์ไม่มีการแปรรูป
สำหรับในเรื่องโครงสร้างองค์กรภายในนั้น ตลาดหลักทรัพย์จะยังคงเดินหน้าในการปรับโครงสร้างภายในเพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดหุ้นต่างๆทั่วโลก และรองรับการเชื่อมโยงตลาดหุ้นอาเซียน ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ได้มีการปรับในเรือ่งประสิทธิภายในการดำเนินงาน เช่น มีการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ การขยายฐานนักลงทุน การให้ความรู้แก่นักลงทุนในเรื่องการลงทุน
นายจรัมพร กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าในเรื่องการชะลอการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์จะไม่กระทบกับความเชื่อมั่นนักลงทุน แต่จะมีผลกระทบกับองค์กรที่เกี่ยวข้องในวงการหลักทรัพย์ เพราะ เดิมนั้นเมื่อมีนโยบายในการแปรรูปทุกองค์กรก็มีการตื่นตัวและเตรียมพร้อมรองรับกับเรื่องดังกล่าวไปแล้ว แต่พอมีการเปลี่ยนนโยบายอาจมีผลกระทบในเรื่องความรู้สึกบ้าง
ส่วนการชะลอการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะมีผลทำให้ต้องมีการชะลอการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชัน) หรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ จะต้องไปสอบถามกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า จะมีนโยบายอย่างไร
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า จากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯชะลอแปรรูปออกไปนั้น แล้วการเปิดเสรีค่าคอมมิชชันแบบเต็มรูปแบบควรที่จะมีการชะลอออกไปเหมือนกัน โดยให้คงใช้เกณฑ์การเปิดเสรีค่าคอมมิชชันแบบขั้นบันไดต่อไป เพราะทุกวันนี้เหมือนเปิดเสรีไปแล้ว 70-80% อยู่แล้ว ประกอบกับคู่แข่งนั้นปัจจุบันมีอยู่จำนวนมาก มีทั้งโบรกเกอร์ไทย และโบรกเกอร์ต่างประเทศ
แหล่งข่าวตลาดทุน กล่าวว่า เรื่องการชะลอแปรรูปตลาดหลักทรัพย์นั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ได้สนใจมากนัก เพราะรู้อยู่แล้วว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลชุดนี้ โดยมีนาย กิตติรัตน์ รองนายกรัฐมนตรี ก็ทำให้เชื่อเรื่องดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น เพราะนายกิตติรัตน์มีแนวคิดที่ชัดเจนอยู่แล้ว จะไม่มีการแปรรูปตลาดหุ้นไทย
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ ว่า ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่าตลาดหลักทรัพย์จะชะลอการแปรรูปออกไป เนื่องจาก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีได้มีการแจ้ง ให้ทราบในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะมองว่า แม้ตลาดหลักทรัพย์ไม่มีการแปรรูปก็สามารถที่จะแข่งขันกับตลาดหุ้นอื่นๆ ได้ โดยตลาดหลักทรัพย์จะต้องมีการดูแผนภายในว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์ไทย มีการแข่งขันกับตลาดหุ้นอื่นๆ ได้โดยที่ไม่แปรรูปเป็นบริษัทมหาชนและนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
“ส่วนตัวได้รับการแจ้งทางวาจา จาก นายกิตติรัตน์ ว่า จะมีการชะลอการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วใน 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยรองนายกให้เหตุผลว่าตลาดหลักทรัพย์ฯสามารถแข่งขันกับตลาดหุ้นต่างประเทศได้โดยที่ไม่ต้องแปรรูป ซึ่งตลาดหลักทรัพย์จะมีการดูในเรื่องภายในว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์ฯแข่งขันได้” นายจรัมพร กล่าว
ทั้งนี้ หากตลาดหลักทรัพย์ฯต้องการที่จะมีพันธมิตรในการร่วมทำธุรกิจ ก็อาจจะมีการทำสัญญาในการเป็นพันธมิตร โดยที่ไม่ต้องมีการถือหุ้น ฯลฯ ซึ่งเรื่องดังกล่าวตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการหารือกับทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทยในการประชุมครั้งหน้า ส่วนในเรื่องแผนพัฒนาตลาดทุนไทยนั้น คงจะต้องรอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย ก่อน เพื่อที่จะมีการจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่ 2 ว่า แผนจะเป็นอย่างไร หากตลาดหลักทรัพย์ไม่มีการแปรรูป
สำหรับในเรื่องโครงสร้างองค์กรภายในนั้น ตลาดหลักทรัพย์จะยังคงเดินหน้าในการปรับโครงสร้างภายในเพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดหุ้นต่างๆทั่วโลก และรองรับการเชื่อมโยงตลาดหุ้นอาเซียน ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ได้มีการปรับในเรือ่งประสิทธิภายในการดำเนินงาน เช่น มีการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ การขยายฐานนักลงทุน การให้ความรู้แก่นักลงทุนในเรื่องการลงทุน
นายจรัมพร กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าในเรื่องการชะลอการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์จะไม่กระทบกับความเชื่อมั่นนักลงทุน แต่จะมีผลกระทบกับองค์กรที่เกี่ยวข้องในวงการหลักทรัพย์ เพราะ เดิมนั้นเมื่อมีนโยบายในการแปรรูปทุกองค์กรก็มีการตื่นตัวและเตรียมพร้อมรองรับกับเรื่องดังกล่าวไปแล้ว แต่พอมีการเปลี่ยนนโยบายอาจมีผลกระทบในเรื่องความรู้สึกบ้าง
ส่วนการชะลอการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะมีผลทำให้ต้องมีการชะลอการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ (ค่าคอมมิชชัน) หรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ จะต้องไปสอบถามกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า จะมีนโยบายอย่างไร
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า จากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯชะลอแปรรูปออกไปนั้น แล้วการเปิดเสรีค่าคอมมิชชันแบบเต็มรูปแบบควรที่จะมีการชะลอออกไปเหมือนกัน โดยให้คงใช้เกณฑ์การเปิดเสรีค่าคอมมิชชันแบบขั้นบันไดต่อไป เพราะทุกวันนี้เหมือนเปิดเสรีไปแล้ว 70-80% อยู่แล้ว ประกอบกับคู่แข่งนั้นปัจจุบันมีอยู่จำนวนมาก มีทั้งโบรกเกอร์ไทย และโบรกเกอร์ต่างประเทศ
แหล่งข่าวตลาดทุน กล่าวว่า เรื่องการชะลอแปรรูปตลาดหลักทรัพย์นั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ได้สนใจมากนัก เพราะรู้อยู่แล้วว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลชุดนี้ โดยมีนาย กิตติรัตน์ รองนายกรัฐมนตรี ก็ทำให้เชื่อเรื่องดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น เพราะนายกิตติรัตน์มีแนวคิดที่ชัดเจนอยู่แล้ว จะไม่มีการแปรรูปตลาดหุ้นไทย
