ASTVผู้จัดการรายวัน-“โกร่ง”ลุกคืบจ้องปลดปตท. พ้นการเป็นรัฐวิสาหกิจ เล็งให้กองทุนวายุภักดิ์เข้าซื้อหุ้นแทนไม่เกิน 2% เพื่อให้คลังถือหุ้นไม่เกิน 49% จะได้พ้นโดยอัตโนมัติ คิวต่อไปการบินไทย อ้างจะได้เคลียร์หนี้สาธารณะลงไปได้กว่า 1 ล้านล้านบาท รัฐบาลจะได้กู้เงินได้คล่องขึ้น
นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) เปิดเผยในงานสัมมนาซีอีโอฟอรั่ม จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) วานนี้ (17ม.ค.) ว่า เตรียมหารือกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในประเด็นที่จะให้กองทุนวายุภักษ์ ระดมทุนจากประชาชนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อนำไปใช้ซื้อหุ้นของบมจ.ปตท. ในส่วนที่กระทรวงการคลังถือเกิน 50% เพื่อให้ บมจ.ปตท.หลุดออกจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ เพื่อที่จะลดหนี้สาธารณะลง ซึ่งขณะเดียวกันยังมองไปที่บมจ.การบินไทยด้วย แต่คงจะต้องหารือกับประธานสหภาพแรงงานของการบินไทยก่อน
“เบื้องต้นวายุภักษ์จะเข้าไปซื้อหุ้นปตท.ส่วนที่คลังถืออยู่ ไม่เกิน 2% เพื่อให้คลังถือหุ้นไม่เกิน 49% และพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจโดยอัตโนมัติ ซึ่งหนี้ปตท.มีอยู่ 7 แสนล้านบาท โดย 5แสนล้านบาทเป็นหนี้ต่างประเทศ อีก 2 แสนล้านบาทเป็นหนี้ผูกพัน ขณะเดียวกันก็มีแนวคิดที่จะไปซื้อหุ้นบมจ.การบินไทย ที่คลังถือเกิน 49% อยู่ด้วย โดยบินไทยมีหนี้อยู่ 2 แสนล้านบาท ซึ่งหากทำได้ ก็จะลดหนี้สาธารณะลงไปมาก”นายวีรพงษ์กล่าว
ปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ที่ 4 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 41% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) การปลดหนี้ของปตท. และการบินไทย จะทำให้หมดภาระหนี้รวม 1 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 10% ของจีดีพี ซึ่งหนี้สาธารณะส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เป็นหนี้จากรัฐวิสาหกิจค่อนข้างมาก ส่วนรัฐบาลกลางก่อหนี้เพียง 1% ของจีดีพีเท่านั้น ซึ่งไม่มีที่ใดในโลกแล้ว หากปลดภาระหนี้ดังกล่าวได้ จะทำให้รัฐบาลสามารถกู้เงินเพื่อมาพัฒนาประเทศไทยได้มากขึ้น
นายวีรพงษ์กล่าวว่า ในส่วนของพ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท จะเน้นการระดมทุนภายในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากไทยมีสภาพคล่องในตลาดสูง มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ประมาณ 1.83 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับจีดีพีแล้ว ถือว่าไทยจัดอยู่อันดับที่ 17 ของโลก ชี้ให้เห็นว่าไทยมีสภาพคล่องอย่างมาก ซึ่งต่างจากอดีตมาก
“สิ่งแรกที่เราทำแล้ว คือ การโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 1.14 ล้านล้านบาทที่ธปท.เคยก่อกรรมทำเข็ญไปแล้วนั้น หากใช้สติปัญญา เชื่อว่าธปท.ทำได้ ซึ่งทั้งหมดที่ทำจะเป็นการสร้างอนาคตประเทศจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกที่เราต้องทำไว้ เพราะ 5-6 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแทบไม่มีเลย การเมืองให้ความสำคัญกับการเมืองมากกว่ามองเรื่องเศรษฐกิจ ล่าสุดครม.ได้ผ่านงบประมาณในการพัฒนาระบบน้ำแล้ว 3.5 แสนล้านบาท”นายวีรพงษ์กล่าว
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การบริหารหนี้สาธารณะของรัฐบาล ทุกฝ่ายสบายใจได้ เพราะยังดำเนินการให้ได้ไม่เกินเพดานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 60% ของจีดีพี โดยขณะนี้ การก่อหนี้มีเพียง 40% ของจีดีพี และอาจจะลดลงได้มากกว่านี้ ส่วนการขายหุ้นปตท. ยอมรับว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด โดยกองทุนวายุภักษ์ทำงานใกล้ชิดกับรัฐบาลอยู่แล้ว
นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) เปิดเผยในงานสัมมนาซีอีโอฟอรั่ม จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) วานนี้ (17ม.ค.) ว่า เตรียมหารือกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในประเด็นที่จะให้กองทุนวายุภักษ์ ระดมทุนจากประชาชนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อนำไปใช้ซื้อหุ้นของบมจ.ปตท. ในส่วนที่กระทรวงการคลังถือเกิน 50% เพื่อให้ บมจ.ปตท.หลุดออกจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ เพื่อที่จะลดหนี้สาธารณะลง ซึ่งขณะเดียวกันยังมองไปที่บมจ.การบินไทยด้วย แต่คงจะต้องหารือกับประธานสหภาพแรงงานของการบินไทยก่อน
“เบื้องต้นวายุภักษ์จะเข้าไปซื้อหุ้นปตท.ส่วนที่คลังถืออยู่ ไม่เกิน 2% เพื่อให้คลังถือหุ้นไม่เกิน 49% และพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจโดยอัตโนมัติ ซึ่งหนี้ปตท.มีอยู่ 7 แสนล้านบาท โดย 5แสนล้านบาทเป็นหนี้ต่างประเทศ อีก 2 แสนล้านบาทเป็นหนี้ผูกพัน ขณะเดียวกันก็มีแนวคิดที่จะไปซื้อหุ้นบมจ.การบินไทย ที่คลังถือเกิน 49% อยู่ด้วย โดยบินไทยมีหนี้อยู่ 2 แสนล้านบาท ซึ่งหากทำได้ ก็จะลดหนี้สาธารณะลงไปมาก”นายวีรพงษ์กล่าว
ปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ที่ 4 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 41% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) การปลดหนี้ของปตท. และการบินไทย จะทำให้หมดภาระหนี้รวม 1 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 10% ของจีดีพี ซึ่งหนี้สาธารณะส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เป็นหนี้จากรัฐวิสาหกิจค่อนข้างมาก ส่วนรัฐบาลกลางก่อหนี้เพียง 1% ของจีดีพีเท่านั้น ซึ่งไม่มีที่ใดในโลกแล้ว หากปลดภาระหนี้ดังกล่าวได้ จะทำให้รัฐบาลสามารถกู้เงินเพื่อมาพัฒนาประเทศไทยได้มากขึ้น
นายวีรพงษ์กล่าวว่า ในส่วนของพ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท จะเน้นการระดมทุนภายในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากไทยมีสภาพคล่องในตลาดสูง มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ประมาณ 1.83 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับจีดีพีแล้ว ถือว่าไทยจัดอยู่อันดับที่ 17 ของโลก ชี้ให้เห็นว่าไทยมีสภาพคล่องอย่างมาก ซึ่งต่างจากอดีตมาก
“สิ่งแรกที่เราทำแล้ว คือ การโอนหนี้กองทุนฟื้นฟูให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 1.14 ล้านล้านบาทที่ธปท.เคยก่อกรรมทำเข็ญไปแล้วนั้น หากใช้สติปัญญา เชื่อว่าธปท.ทำได้ ซึ่งทั้งหมดที่ทำจะเป็นการสร้างอนาคตประเทศจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกที่เราต้องทำไว้ เพราะ 5-6 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแทบไม่มีเลย การเมืองให้ความสำคัญกับการเมืองมากกว่ามองเรื่องเศรษฐกิจ ล่าสุดครม.ได้ผ่านงบประมาณในการพัฒนาระบบน้ำแล้ว 3.5 แสนล้านบาท”นายวีรพงษ์กล่าว
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การบริหารหนี้สาธารณะของรัฐบาล ทุกฝ่ายสบายใจได้ เพราะยังดำเนินการให้ได้ไม่เกินเพดานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 60% ของจีดีพี โดยขณะนี้ การก่อหนี้มีเพียง 40% ของจีดีพี และอาจจะลดลงได้มากกว่านี้ ส่วนการขายหุ้นปตท. ยอมรับว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด โดยกองทุนวายุภักษ์ทำงานใกล้ชิดกับรัฐบาลอยู่แล้ว
