กสร.ผนึกกำลังจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในโรงงาน

กสร.ผนึกกำลังกรมส่งเสริมสหกรณ์ดึงโรงงานจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในโรงงาน พร้อมปล่อยกู้ประเดิมจัดตั้ง ช่วยลูกจ้างปลดหนี้นอกระบบ มีเงินสะสมยามเกษียณ ส่งทีมเดินสายให้คำปรึกษาต้นปีหน้า

นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงนโยบายการส่งเสริมให้สถานประกอบการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในโรงงานว่า ขณะนี้ กสร.ได้ร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ในการที่จะเข้าไปเจรจากับสถานประกอบการและผู้ใช้แรงงานเพื่อเปิดพื้นที่ในโรงงานจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ให้แก่ลูกจ้าง ซึ่งเป็นการช่วยแก้ปัญหาผู้ใช้แรงงานกู้เงินนอกระบบ และสร้างนิสัยการออม ทั้งนี้ หลักการของสหกรณ์ออมทรัพย์ในโรงงานจะต้องได้รับความร่วมมือจากเจ้าของโรงงานด้วย ซึ่งลูกจ้างฝ่ายเดียวไม่สามารถจัดตั้งได้ โดยสหกรณ์ออมทรัพย์ในโรงงานมีเป้าหมายปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ และลูกจ้างได้เงินปันผลจากหุ้นในสหกรณ์และมีเงินสะสมไว้ใช้ในตอนเกษียณอายุการทำงาน

“เนื่องจากลูกจ้างส่วนใหญ่จะเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบ จ่ายดอกเบี้ยสูง ซึ่งแรงงานบางคนถูกเจ้าหนี้ยึดเอทีเอ็มไว้ สิ้นเดือนเจ้าหนี้ก็กดเงินไปเกือบหมด เหลือไม่พอยังชีพ รวมทั้งหนี้บัตรดิต สินค้าเงินผ่อนต่างๆ ทั้งนี้ การมีสหกรณ์ออมทรัพย์ในโรงงานจะส่งผลดีในเชิงแรงงานสัมพันธ์ ทำให้ข้อพิพาทระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างลดลง เนื่องจากลูกจ้างมีแหล่งเงินดอกเบี้ยต่ำและมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเงินปันผลและเงินออม ทำให้คุณภาพชีวิตแรงงานดีขึ้น” นายอาทิตย์กล่าว

อธิบดี กสร.กล่าวอีกว่า ช่วงต้นปีหน้า กสร.จะส่งทีมเจ้าหน้าที่ของ กสร.และเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมสหกรณ์เข้าไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ในพื้นที่ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมหนาแน่น เช่น จ.พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ หรือโรงงานใดที่สนใจก็สามารถเข้ามาขอคำปรึกษาจากสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานทั่วประเทศได้

ทั้งนี้ ทาง กสร.มีกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานซึ่งขณะนี้มีวงเงินอยู่ 250 ล้านบาท สามารถปล่อยกู้ให้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ในโรงงานที่เพิ่งจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ขึ้น โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้ วงเงินกู้ไม่เกิน 1.5 เท่าของทุนเรือนหุ้นรวมเงินทุนสำรอง เมื่อหักหนี้อื่นที่สหกรณ์มีอยู่แล้วต้องไม่เกินวงเงินกู้ยืมประจำปีที่นายทะเบียนเห็นชอบและกู้ได้สูงสุดไม่เกิน 20 ล้านบาท ส่วนการชำระเงินคืนแบ่งเป็นเงินกู้ระยะยาวชำระคืนภายใน 5 ปี คิดดอกเบี้ยร้อยละ 3 และเงินกู้ระยะสั้นชำระคืนภายใน 1 ปี คิดดอกเบี้ยร้อยละ 2.75