ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - กำลัง จนท.ชุดเคลื่อนที่เร็วกรมอุทยานฯ เดินหน้าลุยตรวจจับบ้านพักรีสอร์ต รุกป่าอุทยานฯ ทับลาน 152 แห่ง ทั้งเขต อ.วังน้ำเขียว โคราชและ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ต่อเนื่อง ล่าสุดแจ้งความดำเนินคดีแล้ว 70 ราย รวมเนื้อที่บุกรุกกว่า 1,000 ไร่ ระบุพยายามใช้ ตร.เกลี้ยกล่อมทำสำนวนอ่อน ยันคดีเก่าล็อตแรกต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างต่อเนื่องเช่นกัน ด้านชาวบ้านวังน้ำเขียว แห่ร้องนายกฯ โดน จนท.รัฐบุกทำลายรีสอร์ต อ้างบุกรุกป่าสงวน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการระดมกำลังชุดเคลื่อนที่เร็วของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จากทั่วประเทศกว่า 800 นาย เข้าทำการตรวจจับแจ้งความดำเนินคดีบ้านพักรีสอร์ตที่บุกรุกป่าอุทยาน ล็อตใหม่ รวม 152 รายในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี
วานนี้ (12 ม.ค.) ที่อุทยานแห่งชาติทับลาน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นศูนย์อำนวยการชุดเคลื่อนที่เร็วของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ อีก 20 ชุด รวมกว่า 100 นายได้มารับแฟ้มเอกสารเพื่อใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบการแจ้งความดำเนินคดี ได้กระจายกันลงพื้นที่บ้านพักรีสอร์ตเป้าหมายอีกเป็นวันที่ 3 ซึ่งมีกำหนดดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 152 ราย ในวันที่ 15 ม.ค.นี้
นายนุวรรต ลีลาพตะ ผู้ช่วยหน้าหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เปิดเผยว่า ล่าสุดจนถึงขณะนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของบ้านพักรีสอร์ต ที่บุกรุกป่าอุทยานฯ ทับลานไปแล้วกว่า 70 คดี รวมเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ ซึ่งยังไม่มี
การควบคุมผู้ต้องหาได้แม้แต่รายเดียว แต่เจ้าหน้าที่ทราบชื่อเจ้าของบ้านพักรีสอร์ตทั้งหมดทุกราย
เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วได้รับแฟ้มเอกสารไปแล้วกว่า 120 ราย บางส่วนอาจจะยังไม่ได้แจ้งดำเนินคดี เนื่องจากต้องรอเข้าคิวค่อนข้างยาวในการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.วังน้ำเขียว จึงอาจทำให้ล่าช้าเล็กน้อย
สำหรับอุปสรรค จากการลงพื้นที่ปฏิบัติงานของชุดเคลื่อนที่เร็วทั้ง 2 วันแรก มีเพียงรายเดียวคือ รีสอร์ต “บ้านทองคำ” ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ที่นำมวลชนมาปิดล้อมกดดันเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้เกิดเหตุวุ่นวายหรือความรุนแรงขึ้นแต่อย่างใด
นอกจากนี้ มีบางรายพยายามแสดงท่าที โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยพยายามเกลี้ยกล่อมให้มีการเปลี่ยนสำนวนคดีให้อ่อนลง แต่ชุดเคลื่อนที่เร็วทุกชุดยืนยันการทำงานตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และการจับกุมเมื่อวานนี้ (11 ม.ค.) พบว่า มีรีสอร์ตของญาตินักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง ซึ่งทำเป็นรีสอร์ตหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นประมาณ 10 หลังอยู่ใน ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว รวมอยู่ด้วย
นายนุวรรต กล่าวอีกว่า ในส่วนคดีบ้านพักรีสอร์ตที่ศาลมีคำสั่งถึงที่สุดให้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ออกจากเขตอุทยานฯ ที่ได้ดำเนินการไปในล็อตแรก ซึ่งมีอยู่ประมาณ 48 รายใน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี นั้น ล่าสุดจนถึงขณะนี้ได้ทำการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างออกไปแล้วรวม 14 ราย ส่วนที่เหลือเจ้าหน้าที่จะดำเนินการรื้อถอนออกไปอย่างต่อเนื่อง
**ชาววังน้ำเขียวแห่ร้องนายกฯ
วันเดียวกันเวลา 09.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายภาคประชาชน อ.วังน้ำเขียว ประมาณ 50 คน นำโดยนายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล เข้าร้องเรียนต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีประชาชนในพื้นที่วังน้ำเขียว ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเจ้าหน้าที่อุทยานและกรมป่าไม้ ดำเนินการจับกุมเพื่อดำเนินคดี และทำการทุบทำลายรีสอร์ต ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว โดยกล่าวหาว่า ประชาชนเป็นผู้บุกรุกอุทยานป่าสงวนแห่งชาติทับลาน จ.นครราชศรีมา
ทั้งนี้ นายชุณห์ ได้ยื่นข้อเรียกเพื่อให้นายกฯ แก้ไขปัญหาพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว 5ประการ ประกอบด้วย 1. กำหนดแนวเขตป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์และพันธุ์พืช และสำนักงานปฏิรูปที่ดิน โดยมีคณะกรรมการร่วมทบทวน พร้อมทั้งกำหนดแนวเขตป่าสงวนโซนซี ป่าสงวนแห่งชาติภูหลวง ที่ทับซ้อนพื้นที่ชุมชนให้แจ้งชัด โดยมีข้อตกลงพื้นที่ร่วมกันทุกภาคส่วนตามความเป็นจริง 2. ให้หน่วยงานของกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ และสำนักงานปฏิรูปที่ดินร่วมดำเนินการจัดรูปที่ดินตามข้อที่ 1.ให้ชัดเจน เพื่อกำหนดพื้นที่วังน้ำเขียว ให้สอดดล้องกับผังเมืองที่ทางโยธาจังหวัด และผังเมืองได้วางไว้เป็นพิเศษ เพื่อท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และอนุรักษ์อย่างยั่งยืน
3.ให้นำมติครม. ลงวันที่ 30 มิ.ย. 41 มาใช้โดยผ่อนผัน ในกรณีที่ราษฎรเข้ามาในที่ดินของรัฐภายหลังมติดังกล่าวด้วย ทั้งในส่วนของป่าไม้และอุทยานทับลาน 4. หยุดดำเนินคดี หรือดำเนินการใดๆ ในกรณีเข้ามาอยู่อาศัยที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือผิดเงื่อนไข (ในกรณี สปก.) โดยให้ผ่อนผัน เช่า หรือเช่าซื้อ โดยให้ราษฎรได้อาศัยที่ดินดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย 5. คดีที่แจ้งความร้องทุกข์แล้ว ให้พนักงานสอบสวนอัยการ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม นายสุรทิน พิจารณ์ ตัวแทน นายสุชน ชาลีเครือ ที่ปรึกษานายกฯ เป็นผู้มารับเรื่อง เพื่อให้นายกฯ พิจารณาเร่งรัดเข้ามาแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งกล่าวว่า ครม.กำลังเร่งดำเนินการเรื่องจัดสรรพื้นที่วังน้ำเขียว เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ดังนั้นให้รอมติ ครม. จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ ประสานงานตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นส่วนกลาง และมีภาคประชาชนเข้าร่วม เพื่อไกล่เกลี่ยปัญหาไปก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการระดมกำลังชุดเคลื่อนที่เร็วของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จากทั่วประเทศกว่า 800 นาย เข้าทำการตรวจจับแจ้งความดำเนินคดีบ้านพักรีสอร์ตที่บุกรุกป่าอุทยาน ล็อตใหม่ รวม 152 รายในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี
วานนี้ (12 ม.ค.) ที่อุทยานแห่งชาติทับลาน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นศูนย์อำนวยการชุดเคลื่อนที่เร็วของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ อีก 20 ชุด รวมกว่า 100 นายได้มารับแฟ้มเอกสารเพื่อใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบการแจ้งความดำเนินคดี ได้กระจายกันลงพื้นที่บ้านพักรีสอร์ตเป้าหมายอีกเป็นวันที่ 3 ซึ่งมีกำหนดดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 152 ราย ในวันที่ 15 ม.ค.นี้
นายนุวรรต ลีลาพตะ ผู้ช่วยหน้าหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เปิดเผยว่า ล่าสุดจนถึงขณะนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของบ้านพักรีสอร์ต ที่บุกรุกป่าอุทยานฯ ทับลานไปแล้วกว่า 70 คดี รวมเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ ซึ่งยังไม่มี
การควบคุมผู้ต้องหาได้แม้แต่รายเดียว แต่เจ้าหน้าที่ทราบชื่อเจ้าของบ้านพักรีสอร์ตทั้งหมดทุกราย
เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วได้รับแฟ้มเอกสารไปแล้วกว่า 120 ราย บางส่วนอาจจะยังไม่ได้แจ้งดำเนินคดี เนื่องจากต้องรอเข้าคิวค่อนข้างยาวในการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.วังน้ำเขียว จึงอาจทำให้ล่าช้าเล็กน้อย
สำหรับอุปสรรค จากการลงพื้นที่ปฏิบัติงานของชุดเคลื่อนที่เร็วทั้ง 2 วันแรก มีเพียงรายเดียวคือ รีสอร์ต “บ้านทองคำ” ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ที่นำมวลชนมาปิดล้อมกดดันเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้เกิดเหตุวุ่นวายหรือความรุนแรงขึ้นแต่อย่างใด
นอกจากนี้ มีบางรายพยายามแสดงท่าที โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยพยายามเกลี้ยกล่อมให้มีการเปลี่ยนสำนวนคดีให้อ่อนลง แต่ชุดเคลื่อนที่เร็วทุกชุดยืนยันการทำงานตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และการจับกุมเมื่อวานนี้ (11 ม.ค.) พบว่า มีรีสอร์ตของญาตินักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง ซึ่งทำเป็นรีสอร์ตหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นประมาณ 10 หลังอยู่ใน ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว รวมอยู่ด้วย
นายนุวรรต กล่าวอีกว่า ในส่วนคดีบ้านพักรีสอร์ตที่ศาลมีคำสั่งถึงที่สุดให้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ออกจากเขตอุทยานฯ ที่ได้ดำเนินการไปในล็อตแรก ซึ่งมีอยู่ประมาณ 48 รายใน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี นั้น ล่าสุดจนถึงขณะนี้ได้ทำการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างออกไปแล้วรวม 14 ราย ส่วนที่เหลือเจ้าหน้าที่จะดำเนินการรื้อถอนออกไปอย่างต่อเนื่อง
**ชาววังน้ำเขียวแห่ร้องนายกฯ
วันเดียวกันเวลา 09.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายภาคประชาชน อ.วังน้ำเขียว ประมาณ 50 คน นำโดยนายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล เข้าร้องเรียนต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีประชาชนในพื้นที่วังน้ำเขียว ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเจ้าหน้าที่อุทยานและกรมป่าไม้ ดำเนินการจับกุมเพื่อดำเนินคดี และทำการทุบทำลายรีสอร์ต ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว โดยกล่าวหาว่า ประชาชนเป็นผู้บุกรุกอุทยานป่าสงวนแห่งชาติทับลาน จ.นครราชศรีมา
ทั้งนี้ นายชุณห์ ได้ยื่นข้อเรียกเพื่อให้นายกฯ แก้ไขปัญหาพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว 5ประการ ประกอบด้วย 1. กำหนดแนวเขตป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์และพันธุ์พืช และสำนักงานปฏิรูปที่ดิน โดยมีคณะกรรมการร่วมทบทวน พร้อมทั้งกำหนดแนวเขตป่าสงวนโซนซี ป่าสงวนแห่งชาติภูหลวง ที่ทับซ้อนพื้นที่ชุมชนให้แจ้งชัด โดยมีข้อตกลงพื้นที่ร่วมกันทุกภาคส่วนตามความเป็นจริง 2. ให้หน่วยงานของกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ และสำนักงานปฏิรูปที่ดินร่วมดำเนินการจัดรูปที่ดินตามข้อที่ 1.ให้ชัดเจน เพื่อกำหนดพื้นที่วังน้ำเขียว ให้สอดดล้องกับผังเมืองที่ทางโยธาจังหวัด และผังเมืองได้วางไว้เป็นพิเศษ เพื่อท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และอนุรักษ์อย่างยั่งยืน
3.ให้นำมติครม. ลงวันที่ 30 มิ.ย. 41 มาใช้โดยผ่อนผัน ในกรณีที่ราษฎรเข้ามาในที่ดินของรัฐภายหลังมติดังกล่าวด้วย ทั้งในส่วนของป่าไม้และอุทยานทับลาน 4. หยุดดำเนินคดี หรือดำเนินการใดๆ ในกรณีเข้ามาอยู่อาศัยที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือผิดเงื่อนไข (ในกรณี สปก.) โดยให้ผ่อนผัน เช่า หรือเช่าซื้อ โดยให้ราษฎรได้อาศัยที่ดินดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย 5. คดีที่แจ้งความร้องทุกข์แล้ว ให้พนักงานสอบสวนอัยการ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม นายสุรทิน พิจารณ์ ตัวแทน นายสุชน ชาลีเครือ ที่ปรึกษานายกฯ เป็นผู้มารับเรื่อง เพื่อให้นายกฯ พิจารณาเร่งรัดเข้ามาแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งกล่าวว่า ครม.กำลังเร่งดำเนินการเรื่องจัดสรรพื้นที่วังน้ำเขียว เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ดังนั้นให้รอมติ ครม. จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ ประสานงานตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นส่วนกลาง และมีภาคประชาชนเข้าร่วม เพื่อไกล่เกลี่ยปัญหาไปก่อน
