ประธาน กมธ.ทรัพย์ วุฒิสภา ชี้ ปัญหาวังน้ำเขียว เหตุเปลี่ยนมือครอบครองที่ไร้เอกสารสิทธิ จี้ ข้าราชการระวังการออกใบอนุญาตในที่ดินที่ไม่เอกสาร แนะป่าไม้, อุทยาน, ส.ป.ก.ร่วมมือจัดระเบียบใหม่ ชี้ ถ้าพิสูจน์สิทธิ์ก่อนประกาศเขตอุทยานได้ ก็ควรคืนสิทธิ์ให้ เล็งชงนายกฯ แก้ต่อ ป้องป่าไม้ยันรื้อถอนตามคำสั่งศาล
วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา ในฐานประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา แถลงว่า จากการศึกษากรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโซนเศรษฐกิจที่กรมป่าไม้มอบให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา คณะกรรมาธิการ พบว่า พื้นที่ตั้งดังกล่าวแบ่งออกได้ 3 กลุ่ม คือ 1.เขตป่าสงวนภูหลวงตั้งแต่ปี 2516 2.เขตอุทยานแห่งชาติทับลานตั้งแต่ปี 2524 และ 3.พื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร ส.ป.ก.ตั้งแต่ปี 2536 โดยปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว ส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนมือในการครอบครองที่ดิน โดยมือเปล่าไม่มีเอกสารสิทธิ มีเพียงใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ (บ.ภ.ท.5) ซึ่งไม่ใช่กรรมสิทธิ์ที่จะซื้อขายกันได้ นอกจากนี้ การซื้อขายมีการทำสัญญาต่อหน้าผู้นำท้องถิ่น ทั้ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ อบต.รวมทั้งเมื่อนำที่ดินดังกล่าวไปเสียภาษีหน่วยงานราชการก็รับชำระภาษี จึงทำให้ผู้ครอบครองคิดว่าเป็นการครอบครองที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น หน่วยงานของรัฐจะต้องปรับปรุงการทำงาน โดยจะต้องระมัดระวังว่าการรับชำระภาษีบำรุงท้องที่ การออกใบอนุญาตก่อสร้าง การออกบ้านเลขที่ และทะเบียนบ้านจะต้องไม่ทำให้แก่ที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ
นายสุรชัย กล่าวต่อว่า กรรมาธิการเห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สำนักงานปฏิรูปที่ดินและจังหวัดนครราชสีมาจะต้องร่วมมือในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นใน อ.วังน้ำเขียว อย่างบูรณาการ โดยต้องจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ในที่ดินใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงกับสภาพสังคม การเรียกคืนผืนป่าที่ถูกบุกรุก การจัดสรรที่ดินให้กับราษฎรที่ไม่มีที่ทำกินเป็นของตัวเองอย่างถูกต้องทั่วถึงและเป็นธรรม หากรัฐใช้มาตรการทางกฎหมายบังคับ และนำกำลังเข้าไปรื้อถอนจะถูกต่อต้านจากราษฎร เนื่องจากบางส่วนยังมีข้อโต้แย้งเรื่องสิทธิทำกินในที่ดินดังกล่าว เพราะบางรายได้ครอบครองที่ดินก่อนที่จะประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ และเขตป่าสงวน หากพิสูจน์ได้ว่าอยู่ก่อนก็ควรจะคืนสิทธิ์และให้ความเป็นธรรมกับประชาชน แต่ถ้ามีการบุกรุกจริงไม่สามารถพิสูจน์สิทธิ์ได้ก็ใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าไปจัดการ
“หากพื้นที่ประกาศเป็นเขต ส.ป.ก.ถ้าหากมีการทำรีสอร์ทแล้วหากเป็นประชาชนมือแรกที่ได้รับสิทธิถือว่ามีความผิดในการใช้ที่ดินผิดประเภท แต่ไม่ถือเป็นผู้บุรุก แต่ถ้าเปลี่ยนมือถือว่าผิดกฎหมาย เนื่องจากมีการซื้อขายที่ดินดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการจะนำผลการศึกษาดังกล่าวเสนอต่อนายกฯ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.มหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาต่อไป” นายสุรชัย กล่าว
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ได้เข้าไปรื้อถอนรีสอร์ทในอ.วังน้ำเขียวและทำให้มีการปิดถนน นายสุรชัย กล่าวว่า การรื้อถอนที่เกิดขึ้นเป็นไปตามที่ศาลได้มีคำสั่ง ซึ่ง ส.ว.ก็คงจะไม่เข้าไปก้าวก่ายในเรื่องดังกล่าว
วันนี้ (21 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา ในฐานประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา แถลงว่า จากการศึกษากรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโซนเศรษฐกิจที่กรมป่าไม้มอบให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา คณะกรรมาธิการ พบว่า พื้นที่ตั้งดังกล่าวแบ่งออกได้ 3 กลุ่ม คือ 1.เขตป่าสงวนภูหลวงตั้งแต่ปี 2516 2.เขตอุทยานแห่งชาติทับลานตั้งแต่ปี 2524 และ 3.พื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร ส.ป.ก.ตั้งแต่ปี 2536 โดยปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว ส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนมือในการครอบครองที่ดิน โดยมือเปล่าไม่มีเอกสารสิทธิ มีเพียงใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ (บ.ภ.ท.5) ซึ่งไม่ใช่กรรมสิทธิ์ที่จะซื้อขายกันได้ นอกจากนี้ การซื้อขายมีการทำสัญญาต่อหน้าผู้นำท้องถิ่น ทั้ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ อบต.รวมทั้งเมื่อนำที่ดินดังกล่าวไปเสียภาษีหน่วยงานราชการก็รับชำระภาษี จึงทำให้ผู้ครอบครองคิดว่าเป็นการครอบครองที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น หน่วยงานของรัฐจะต้องปรับปรุงการทำงาน โดยจะต้องระมัดระวังว่าการรับชำระภาษีบำรุงท้องที่ การออกใบอนุญาตก่อสร้าง การออกบ้านเลขที่ และทะเบียนบ้านจะต้องไม่ทำให้แก่ที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ
นายสุรชัย กล่าวต่อว่า กรรมาธิการเห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สำนักงานปฏิรูปที่ดินและจังหวัดนครราชสีมาจะต้องร่วมมือในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นใน อ.วังน้ำเขียว อย่างบูรณาการ โดยต้องจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ในที่ดินใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงกับสภาพสังคม การเรียกคืนผืนป่าที่ถูกบุกรุก การจัดสรรที่ดินให้กับราษฎรที่ไม่มีที่ทำกินเป็นของตัวเองอย่างถูกต้องทั่วถึงและเป็นธรรม หากรัฐใช้มาตรการทางกฎหมายบังคับ และนำกำลังเข้าไปรื้อถอนจะถูกต่อต้านจากราษฎร เนื่องจากบางส่วนยังมีข้อโต้แย้งเรื่องสิทธิทำกินในที่ดินดังกล่าว เพราะบางรายได้ครอบครองที่ดินก่อนที่จะประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ และเขตป่าสงวน หากพิสูจน์ได้ว่าอยู่ก่อนก็ควรจะคืนสิทธิ์และให้ความเป็นธรรมกับประชาชน แต่ถ้ามีการบุกรุกจริงไม่สามารถพิสูจน์สิทธิ์ได้ก็ใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าไปจัดการ
“หากพื้นที่ประกาศเป็นเขต ส.ป.ก.ถ้าหากมีการทำรีสอร์ทแล้วหากเป็นประชาชนมือแรกที่ได้รับสิทธิถือว่ามีความผิดในการใช้ที่ดินผิดประเภท แต่ไม่ถือเป็นผู้บุรุก แต่ถ้าเปลี่ยนมือถือว่าผิดกฎหมาย เนื่องจากมีการซื้อขายที่ดินดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการจะนำผลการศึกษาดังกล่าวเสนอต่อนายกฯ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.มหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาต่อไป” นายสุรชัย กล่าว
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ได้เข้าไปรื้อถอนรีสอร์ทในอ.วังน้ำเขียวและทำให้มีการปิดถนน นายสุรชัย กล่าวว่า การรื้อถอนที่เกิดขึ้นเป็นไปตามที่ศาลได้มีคำสั่ง ซึ่ง ส.ว.ก็คงจะไม่เข้าไปก้าวก่ายในเรื่องดังกล่าว