xs
xsm
sm
md
lg

อธิบดีกรมอุทยานฯเดินหน้ารื้อรีสอร์ตต่ออีก 152 ราย ด้านชาวบ้านฉุนปิดถนนยืดเยื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - อธิบดีกรมอุทยานฯเดินหน้ารื้อรีสอร์ตที่เหลืออีก 6 รายต่อแล้วเสร็จภายใน 23 ธันวาคมนี้ พร้อมเตรียมรื้ออีก 152 ราย หลังปีใหม่นี้ ด้านชาวบ้านฉุนปิดตายถนน 304 ยืดเยื้อกว่า 1,000 คน


วันนี้ (20 ธ.ค.) ที่อุทยานฯทับลาน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานป่าไม้และพันธุ์พืช กล่าวว่า ตนพร้อมเดินหน้ารื้อรีสอร์ต อาคารที่พัก บริเวณพื้นที่วังน้ำเขียวและพื้นที่ในเขตอุทยาน ซึ่งมีอีกทั้งสิ้น 152 ราย โดยจะดำเนินการให้หมดในช่วงหลักปีใหม่ 2555 นี้อย่างแน่นอน พร้อมจะระดมเจ้าหน้าที่อุทยานฯจากทั่วประเทศเข้ามาดำเนินการ ซึ่งจะไม่ปล่อยให้หัวหน้าอุทยานฯในพื้นที่ดำเนินการตามลำพัง

ขณะนี้ตนได้เข้าไปรื้อรีสอร์ตตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ที่ผ่านมาเพื่อไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกันระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯจึงเข้าไปรื้อรีสอร์ต ไร่กุลละวณิชย์ และ รีสอร์ท ธิติ ศิลาศรี (คลองกระทิง คันทรีวิล) ส่วนอีก 6 รีสอร์ตนั้น ตามแผนงานอุทยานฯนั้น จะเป็นผู้เข้าไปรื้อ แต่เจ้าของขอดำเนินการรื้อถอนเอง จึงได้ปล่อยให้ทางเจ้าของรีสอร์ตดำเนินการไป แต่ได้ให้ ระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์

นายดำรงค์ กล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้ ตนจะไปดูสำนวนการฟ้องร้องรีสอร์ตต่างๆ ว่าหมดคดีความหรือยัง หากยังไม่หมด ตนจะฟ้องร้องเพื่อดำเนินคดีกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ที่อนุญาตให้มีการก่อสร้างรีสอร์ตต่างๆ เพราะที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการดำเนินการไม่เบ็ดเสร็จเท่าที่ควร เพราะปล่อยให้มีการอนุญาตและก่อสร้างได้อย่างไร

ปัญหาดังกล่าว สาเหตุเนื่องมาจากทางการเมืองเป็นสำคัญ เนื่องจากมีการวิ่งเต้น ซื้อตำแหน่งเพื่อเข้ามาเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ มาก่อน ซึ่งไม่ทราบข้อมูลและแนวทางในการดำเนินการจัดการต่างๆ โดยเช้ามาเพื่อหวังแต่ผลประโยชน์ จนทำให้ปัญหาบานปลายจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้น การพิจารณาในครั้งต่อไปควรจะต้องเน้นคนในองค์กรก่อนเป็นสำคัญ

นายมาโนช บัวดี กำนันตำบลวังน้ำเขียว กล่าวถึงการเจรจาระหว่างตัวแทนชาวบ้านกับกรมอุทยานฯนั้น ทางอุทยานฯไม่ให้ความสนใจ โดยปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด โดยเน้นให้ชาวบ้านเปิดถนนที่ปิดอยู่ขณะนี้เท่านั้น ส่วนความเดือดร้อนของชาวบ้านอาจถูกรื้อถอนบ้านเรือนหรือรีสอร์ตถูกรื้อถอนไป ทำให้ชาวบ้านอาจไม่มีงานทำต่อไปอีก โดยเรื่องนี้ไม่มีการพูดถึง หรือทำการชี้แจงแต่อย่างไรเลย

ในความเป็นจริงแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีการเจรจามาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีการดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมแต่อยู่ดีๆ ก็มารื้อถอน แล้วชาวบ้านจะอยู่กันได้อย่างไร เพราะหากไม่มีรีสอร์ทแล้ว นักท่องเที่ยวก็ไม่เดินทางมาพักผ่อน แล้วชาวบ้านจะทำอะไรกินกันต่อไป หรือต้องอยู่กันแบบคนจนๆกันเลยไป โดยไม่ต้อง

นายมาโนช กล่าวต่อไปว่า ปัญหาความไม่เป็นธรรมจากกฎหมายกรมป่าไม้ กรมอุทยานฯครั้งนี้ ชาวบ้านได้ยื่นข้อเรียกร้อง 4 ข้อ คือ 1.กำหนดแนวเขตป่าไม้ กรมอุทยานฯ โดยให้มีคณะกรรมการทบทวน โดยกำหนดแนวเขตป่าสงวนโซนซี ป่าสงวนแห่งชาติภูหลวงที่ทับซ้อนชุมชนให้ชัดเจน โดยมีข้อตกลงพื้นที่ร่วมกัน ทุกภาคส่วนตามความเป็นจริง

2.ให้หน่วยงานของกรมป่าไม้ กรมอุทยานฯและสำนักงานปฏิรูปที่ดิน ร่วมดำเนินการจัดรูปที่ดินทางข้อ 1 ให้ชัดเจนเพื่อกำหนดพื้นที่ในอำเภอวังน้ำเขียว ให้สอดคล้องกับผังเมือง ที่ทางโยธาจังหวัดได้วางผังไว้เป็นพิเศษเพื่อท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และอนุรักษ์ยั่งยืน

3.ให้นำมติ ครม.ลงวันที่ 30 มิ.ย. 2541 มาใช้ โดยผ่อนผันในกรณีที่ราษฏรเข้ามาในที่ดินของรัฐ ภายหลังมติดังกล่าวด้วย ทั้งในส่วนของป่าไม้และอุทยานฯ และ 4.หยุดดำเนินคดี หรือดำเนินการใดๆ ในกรณีที่เข้ามาอาศัยอยู่ในที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือ ผิดเงื่อนไข (ในกรณี ส.ป.ก.) โดยให้ผ่อนผัน เช่า หรือ เช่าซื้อ โดยให้ราษฎรได้อาศัยในที่ดินดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย

นายมาโนช กล่าวว่า ในการเจรจาครั้งนี้ไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากทางกรมอุทยานฯไม่ยอมรับเงื่อนไขต่างๆ พร้อมจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจต่อผู้ชุมนุมซึ่งรวมตัวกว่า 1,000 คน ปิดถนนสาย 304 บริเวณรอยต่อปราจีนบุรีกับนครราชสีมา ซึ่งก่อนเจรจานั้นม็อบได้เปิดเลี่ยงให้รถยนต์สามารถผ่านไปมาได้ 1 เลน แต่ขณะนี้หลังผลเจรจาไม่เป็นผลสำเร็จ กลุ่มม็อบได้ปิดถนนเต็ม 100% ทำให้รถชนิดต่างๆ ไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้เลย

ด้าน นายภักดี กุลละวณิชย์ เจ้าของรีสอร์ตไร่กุลละวณิชย์ กล่าวว่า เมื่อคืนรีสอร์ตของตนถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ซึ่งมีประมาณ 100-200 คน อาวุธปืนเอ็ม 16 ครบมือ เข้ามาดำเนินการรื้อรีสอร์ตของตนในช่วงตี 3 ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้องและชอบธรรม เพราะหากจะเข้ามารื้อก็ควรจะในช่วงกลางวัน เพราะตนไม่ใช่โจรหรือผู้ร้าย ที่มาทำกันเช่นนี้

ปัญหาดังกล่าวตนจะไม่ยุติ และเตรียมดำเนินการฟ้องต่อไปอย่างแน่นอน โดยเบื้องต้นได้เข้าพบดีเอสไอก่อน และจากนั้นจะประสานหน่วยงานระดับสูง เช่น ผบ.ตร., รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป

ด้าน นายนภดล แก้วเงิน พนักงานส่งอะไหล่รถยนต์ กล่าวว่า ตนกำลังจะเดินทางไปยังนิคมอุตสาหกรรมสุรนารี แต่ต้องมาพบกับการปิดถนน 304 ที่อำเภอนาดี บริเวณรอยต่อระหว่างปราจีนบุรี และโคราช ทำให้ตนไม่สามารถนำสินค้าไปส่งให้ลูกค้าได้ สร้างความเสียหายต่อตนเองและบริษัท ซึ่งถือว่ากระทำไม่ถูกต้อง สิ่งที่ถูกต้องทั้ง 2 ฝ่ายควรจะหาแนวทางในการเจรจา หรือตกลงเงื่อนไขที่ต้องการ โดยไม่ควรจะมาทำการปิดถนนเช่นนี้ เพราะสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาทั้งหมด






กำลังโหลดความคิดเห็น