ASTVผู้จัดการรายวัน- นักการเมือง นายทุนรีสอร์ต เกณฑ์ชาวบ้าน “วังน้ำเขียว” ม็อบปิดถนน 304 ราชสีมา-กบินทร์บุรี ต้านทุบรีสอร์ต-บ้านพักหรูรุก “ป่าทับลาน” ล็อตใหญ่ส่งท้ายปี 45 วันนี้ แกนนำลั่นพร้อมปะทะ ด้านอุทยานฯทับลานยัน“อธิบดีกรมอุทยานฯ” นำกำลังกว่า 800 นายพร้อมเครื่องจักร-แบ็กโฮ-เฮลิคอปเตอร์ลุยสั่งการรื้อถอนด้วยตัวเอง รวมเป้าหมาย 8 แห่ง เนื้อที่ 300 ไร่
วานนี้ (19 ธ.ค.) นายนุวรรต ลีลาพตะ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เปิดเผยถึงการเตรียมการเข้ารื้อถอนรีสอร์ตบุกรุกป่าเขตอุทยานอุทยานแห่งชาติทับลานในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี รอบ 2 ว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลานให้นำหนังสือขอกำลังสนับสนุนเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) สำนักที่ 7 (นครราชสีมา) สำนักที่ 9 และสำนักที่ 10 แห่งละ 200 นาย รวมทั้งสิ้น 800 นาย พร้อมรถบรรทุก 6 ล้อ เฮลิคอปเตอร์ รถแบ็กโฮรวมกว่า 20 คันเพื่อเข้าปฏิบัติการรื้อถอนบ้านพักรีสอร์ตที่รุกป่าเขตอุทยานฯทั้ง 2 จังหวัด
โดยกำลังทั้งหมดจะเข้าไปในพื้นที่เป้าหมายในวันนี้และวันที่ 20 ธ.ค.นี้ เพื่อทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพร้อมกันทั้งหมด ซึ่งจะมีนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเดินทางมาเป็นประธานดำเนินการสั่งการในพื้นที่ด้วยตัวเอง สำหรับเป้าหมายบ้านพักและรีสอร์ตที่จะเข้าดำเนินการรื้อถอนในวันนี้ (20) มีทั้งสิ้น 8 แห่ง รวมเนื้อที่กว่า 300 ไร่
นายนุวรรต กล่าวต่อว่า ปัญหาในขณะนี้คือมีการปลุกระดมชาวบ้านในพื้นที่ขึ้นมาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งการปฏิบัติการครั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้กระทำกับชาวบ้าน แต่เราดำเนินการกับกลุ่มนายทุนที่เข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าเขตอุทยานฯ และทั้ง 8 รายถูกดำเนินคดีและศาลตัดสินเป็นที่สิ้นสุดทั้งหมดแล้ว คาดว่าจะดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดให้แล้วเสร็จในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ ซึ่งการปฏิบัติภารกิจรื้อถอนครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 2 และเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ส่วนในปีหน้าจะดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง
"การปฏิบัติภารกิจรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบ้านพัก รีสอร์ตของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ได้เตรียมความพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว โดยแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดเคลื่อนที่เข้าไปรื้อถอนบ้านพักรีสอร์ตเป้าหมาย และชุดคุ้มกันเนื่องจากมีชาวบ้านในพื้นที่ชุมนุมต่อต้าน ต้องใช้ความระมัดระวัง ซึ่งทางอุทยานฯได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น โดยอธิบดีกรมอุทยานฯ มีกำหนดเดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติทับลาน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ในเวลา 10.00 น."
ด้านนายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ส.อบจ.นครราชสีมา เขต อ.วังน้ำเขียว แกนนำประชาชนชาว อ.วังน้ำเขียว เปิดเผยว่า แม้ชาวบ้านจะเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐลงมาชี้แจงทำความเข้าใจการเข้ารื้อถอนบ้านพักรีสอร์ต แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับไม่เคยลงมาพูดคุยบอกกล่าวกับชาวบ้านเลย มีแต่การส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปรื้อถอนพังบ้านพักรีสอร์ต เป็นภาพที่ชาวบ้านหวาดผวาเกรงว่าวันหนึ่งวันใดจะเป็นบ้านของตัวเอง ฉะนั้น ในวันนี้จึงรวมตัวกันออกมาแสดงพลัง โดยมวลชนส่วนหนึ่งประมาณ 1,000 คน ปักหลักอยู่ที่ คลองกระทิง ต.ไทยสามัคคี จุดที่เจ้าหน้าที่จะเข้าทำการรื้อถอน และ ส่วนหนึ่งอีกกว่า 1,000 คน ปักหลักอยู่ริมถนนสาย 304 ราชสีมา-กบินทร์บุรี ช่วง กม.ที่ 79 ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
“ข้อเรียกร้องของชาวบ้าน คือ ต้องการให้หน่วยงานอุทยานฯและป่าไม้ลงมาพูดคุย และขอให้เลิกดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเพราะสร้างภาพลักษณ์ไม่ดีให้กับคนวังน้ำเขียว ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยว อ.วังน้ำเขียวกันมาก ชาวบ้านพอมีรายได้จากการท่องเที่ยงบ้างแต่มาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ก็ยิ่งทำให้การท่องเที่ยวซบเซาลงไปอีก จึงอยากถามกลับไปว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่กระทำอยู่นี้ใครเป็นคนทำลายทรัพยากรธรรมชาติกันแน่และขอให้ระวังไฟจะไหม้ป่า ถ้าไม่มีชาวบ้านช่วยกันดับไฟเจ้าหน้าที่จะทำเองได้หรือไม่ คราวนี้จะคุ้มค่าหรือไม่ที่ได้ทำเช่นนี้กับชาวบ้าน และหากเจ้าหน้าที่ยังดึงดันที่จะเข้ารื้อบ้านพัก รีสอร์ตอีก หากจำเป็นต้องปะทะก็ต้องทำ เพราะชาวบ้านเหลืออดแล้ว” นายชุณห์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เวลา 14.00 น. วันเดียวกันกลุ่มมวลชนชาว อ.วังน้ำเขียวกว่า 1,000 คนได้เคลื่อนขบวนเข้าปิดการจราจรบนถนนทางหลวงหมายเลข 304 ราชสีมา-กบินทร์บุรี ทั้งขาเข้า-ขาออก ช่วงเขตรอยต่อ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา กับ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี กม.ที่ 80 หน้า สภ.วังขอนแดงเพื่อต่อต้านคัดค้านการรื้อถอนบ้านพักรีสอร์ตทั้ง 8 แห่ง ในวันพรุ่งนี้ ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นระยะทางยาวหลาย 10 กม.
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นข้อเรียกร้องให้กรมอุทยานฯและกรมป่าไม้บังคับใช้กฎหมายเหมือนกันทั่วประเทศ และให้นำมติ ครม.2541 มาใช้ผ่อนผันให้กับประชาชนที่เข้ามาอยู่ภายหลังมติ ครม.ดังกล่าว พร้อมทั้งให้กันพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติให้ชัดเจน และ ให้หยุดดำเนินคดี หยุดทุบ หยุดรื้อรีสอร์ตบ้านพัก ทุกแห่งใน อ.วังน้ำเขียว โดยจะขอเจรจากับผู้ที่มีอำนาจอย่างแท้จริงในส่วนกลาง และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เท่านั้น ไม่เจรจากับเจ้าหน้าที่ในระดับจังหวัด
ขณะที่ทางแกนนำผู้ชุมนุมได้ปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงปลุกระดมมวลชนอยู่ตลอดเวลาและต่อว่าการเสนอข่าวของสื่อมวลชนเสนออ้างว่าไม่ยอมนำเสนอความเดือดร้อนของชาวบ้าน ส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจพากันโห่ไล่บรรดาสื่อมวลชนที่เข้าไปถ่ายภาพทำข่าวการชุมนุมปิดถนน ทำให้ผู้สื่อข่าวหลายสำนักไม่กล้าเข้าไปบันทึกภาพเกรงจะถูกทำร้าย
ความคืบหน้ากรณีกลุ่มผู้ชุมนุมปิดถนนสาย 304 บริเวณหลัก กม.79-80 ซึ่งเป็นรอยต่อ อ.บุพราหมณ์ จ.ปราจีนบุรี กับ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมาทุกช่องทาง ตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวันที่ 19 ธ.ค. เพื่อเรียกร้องไม่ให้มีการรื้อรีสอร์ตในเขตอุทยานแห่งชาติทับลานนั้น เมื่อเวลา 16.50 วันเดียวกัน มีรายงานว่ากลุ่ม ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักปิดถนน โดยไม่ยอมรับข้อเสนอของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในพื้นที่ซึ่งเข้าเจรจา ทำให้การจราจรเป็นอัมพาต ท้ายแถวยาวสะสมนับ 10 กิโลเมตร
พ.ต.ท.บุญเทียม ฐิติการต์กุล สารวัตรใหญ่ สภ.วังขอนแดง กล่าวภายหลังเข้าเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า กลุ่มผู้ประท้วงต้องการพบนายกรัฐมนตรี หากนายกฯ ไม่เดินทางมา จะไม่ยอมเจรจากับใครทั้งสิ้น ทั้งนี้ได้ขอร้องกลุ่มผู้ประท้วงเปิดเส้นทางการจราจร เนื่องจากการปิดถนนผิดกฎหมาย และทำให้การจราจรติดขัด สำหรับกรณีกลุ่มผู้ประท้วงเป็นวัยรุ่น และมีการดื่มสุราเป็นจำนวนมากนั้น ได้แจ้งให้แกนนำไปตักเตือนและควบคุมให้ได้
วานนี้ (19 ธ.ค.) นายนุวรรต ลีลาพตะ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เปิดเผยถึงการเตรียมการเข้ารื้อถอนรีสอร์ตบุกรุกป่าเขตอุทยานอุทยานแห่งชาติทับลานในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี รอบ 2 ว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลานให้นำหนังสือขอกำลังสนับสนุนเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) สำนักที่ 7 (นครราชสีมา) สำนักที่ 9 และสำนักที่ 10 แห่งละ 200 นาย รวมทั้งสิ้น 800 นาย พร้อมรถบรรทุก 6 ล้อ เฮลิคอปเตอร์ รถแบ็กโฮรวมกว่า 20 คันเพื่อเข้าปฏิบัติการรื้อถอนบ้านพักรีสอร์ตที่รุกป่าเขตอุทยานฯทั้ง 2 จังหวัด
โดยกำลังทั้งหมดจะเข้าไปในพื้นที่เป้าหมายในวันนี้และวันที่ 20 ธ.ค.นี้ เพื่อทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพร้อมกันทั้งหมด ซึ่งจะมีนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเดินทางมาเป็นประธานดำเนินการสั่งการในพื้นที่ด้วยตัวเอง สำหรับเป้าหมายบ้านพักและรีสอร์ตที่จะเข้าดำเนินการรื้อถอนในวันนี้ (20) มีทั้งสิ้น 8 แห่ง รวมเนื้อที่กว่า 300 ไร่
นายนุวรรต กล่าวต่อว่า ปัญหาในขณะนี้คือมีการปลุกระดมชาวบ้านในพื้นที่ขึ้นมาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งการปฏิบัติการครั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้กระทำกับชาวบ้าน แต่เราดำเนินการกับกลุ่มนายทุนที่เข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าเขตอุทยานฯ และทั้ง 8 รายถูกดำเนินคดีและศาลตัดสินเป็นที่สิ้นสุดทั้งหมดแล้ว คาดว่าจะดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดให้แล้วเสร็จในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ ซึ่งการปฏิบัติภารกิจรื้อถอนครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่ 2 และเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้ส่วนในปีหน้าจะดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง
"การปฏิบัติภารกิจรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบ้านพัก รีสอร์ตของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ได้เตรียมความพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว โดยแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดเคลื่อนที่เข้าไปรื้อถอนบ้านพักรีสอร์ตเป้าหมาย และชุดคุ้มกันเนื่องจากมีชาวบ้านในพื้นที่ชุมนุมต่อต้าน ต้องใช้ความระมัดระวัง ซึ่งทางอุทยานฯได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น โดยอธิบดีกรมอุทยานฯ มีกำหนดเดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติทับลาน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ในเวลา 10.00 น."
ด้านนายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ส.อบจ.นครราชสีมา เขต อ.วังน้ำเขียว แกนนำประชาชนชาว อ.วังน้ำเขียว เปิดเผยว่า แม้ชาวบ้านจะเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐลงมาชี้แจงทำความเข้าใจการเข้ารื้อถอนบ้านพักรีสอร์ต แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับไม่เคยลงมาพูดคุยบอกกล่าวกับชาวบ้านเลย มีแต่การส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปรื้อถอนพังบ้านพักรีสอร์ต เป็นภาพที่ชาวบ้านหวาดผวาเกรงว่าวันหนึ่งวันใดจะเป็นบ้านของตัวเอง ฉะนั้น ในวันนี้จึงรวมตัวกันออกมาแสดงพลัง โดยมวลชนส่วนหนึ่งประมาณ 1,000 คน ปักหลักอยู่ที่ คลองกระทิง ต.ไทยสามัคคี จุดที่เจ้าหน้าที่จะเข้าทำการรื้อถอน และ ส่วนหนึ่งอีกกว่า 1,000 คน ปักหลักอยู่ริมถนนสาย 304 ราชสีมา-กบินทร์บุรี ช่วง กม.ที่ 79 ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
“ข้อเรียกร้องของชาวบ้าน คือ ต้องการให้หน่วยงานอุทยานฯและป่าไม้ลงมาพูดคุย และขอให้เลิกดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเพราะสร้างภาพลักษณ์ไม่ดีให้กับคนวังน้ำเขียว ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยว อ.วังน้ำเขียวกันมาก ชาวบ้านพอมีรายได้จากการท่องเที่ยงบ้างแต่มาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ก็ยิ่งทำให้การท่องเที่ยวซบเซาลงไปอีก จึงอยากถามกลับไปว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่กระทำอยู่นี้ใครเป็นคนทำลายทรัพยากรธรรมชาติกันแน่และขอให้ระวังไฟจะไหม้ป่า ถ้าไม่มีชาวบ้านช่วยกันดับไฟเจ้าหน้าที่จะทำเองได้หรือไม่ คราวนี้จะคุ้มค่าหรือไม่ที่ได้ทำเช่นนี้กับชาวบ้าน และหากเจ้าหน้าที่ยังดึงดันที่จะเข้ารื้อบ้านพัก รีสอร์ตอีก หากจำเป็นต้องปะทะก็ต้องทำ เพราะชาวบ้านเหลืออดแล้ว” นายชุณห์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เวลา 14.00 น. วันเดียวกันกลุ่มมวลชนชาว อ.วังน้ำเขียวกว่า 1,000 คนได้เคลื่อนขบวนเข้าปิดการจราจรบนถนนทางหลวงหมายเลข 304 ราชสีมา-กบินทร์บุรี ทั้งขาเข้า-ขาออก ช่วงเขตรอยต่อ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา กับ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี กม.ที่ 80 หน้า สภ.วังขอนแดงเพื่อต่อต้านคัดค้านการรื้อถอนบ้านพักรีสอร์ตทั้ง 8 แห่ง ในวันพรุ่งนี้ ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นระยะทางยาวหลาย 10 กม.
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นข้อเรียกร้องให้กรมอุทยานฯและกรมป่าไม้บังคับใช้กฎหมายเหมือนกันทั่วประเทศ และให้นำมติ ครม.2541 มาใช้ผ่อนผันให้กับประชาชนที่เข้ามาอยู่ภายหลังมติ ครม.ดังกล่าว พร้อมทั้งให้กันพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติให้ชัดเจน และ ให้หยุดดำเนินคดี หยุดทุบ หยุดรื้อรีสอร์ตบ้านพัก ทุกแห่งใน อ.วังน้ำเขียว โดยจะขอเจรจากับผู้ที่มีอำนาจอย่างแท้จริงในส่วนกลาง และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เท่านั้น ไม่เจรจากับเจ้าหน้าที่ในระดับจังหวัด
ขณะที่ทางแกนนำผู้ชุมนุมได้ปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงปลุกระดมมวลชนอยู่ตลอดเวลาและต่อว่าการเสนอข่าวของสื่อมวลชนเสนออ้างว่าไม่ยอมนำเสนอความเดือดร้อนของชาวบ้าน ส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจพากันโห่ไล่บรรดาสื่อมวลชนที่เข้าไปถ่ายภาพทำข่าวการชุมนุมปิดถนน ทำให้ผู้สื่อข่าวหลายสำนักไม่กล้าเข้าไปบันทึกภาพเกรงจะถูกทำร้าย
ความคืบหน้ากรณีกลุ่มผู้ชุมนุมปิดถนนสาย 304 บริเวณหลัก กม.79-80 ซึ่งเป็นรอยต่อ อ.บุพราหมณ์ จ.ปราจีนบุรี กับ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมาทุกช่องทาง ตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวันที่ 19 ธ.ค. เพื่อเรียกร้องไม่ให้มีการรื้อรีสอร์ตในเขตอุทยานแห่งชาติทับลานนั้น เมื่อเวลา 16.50 วันเดียวกัน มีรายงานว่ากลุ่ม ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักปิดถนน โดยไม่ยอมรับข้อเสนอของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในพื้นที่ซึ่งเข้าเจรจา ทำให้การจราจรเป็นอัมพาต ท้ายแถวยาวสะสมนับ 10 กิโลเมตร
พ.ต.ท.บุญเทียม ฐิติการต์กุล สารวัตรใหญ่ สภ.วังขอนแดง กล่าวภายหลังเข้าเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า กลุ่มผู้ประท้วงต้องการพบนายกรัฐมนตรี หากนายกฯ ไม่เดินทางมา จะไม่ยอมเจรจากับใครทั้งสิ้น ทั้งนี้ได้ขอร้องกลุ่มผู้ประท้วงเปิดเส้นทางการจราจร เนื่องจากการปิดถนนผิดกฎหมาย และทำให้การจราจรติดขัด สำหรับกรณีกลุ่มผู้ประท้วงเป็นวัยรุ่น และมีการดื่มสุราเป็นจำนวนมากนั้น ได้แจ้งให้แกนนำไปตักเตือนและควบคุมให้ได้
