xs
xsm
sm
md
lg

อธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมคณะ ลงพื้นที่เกาะเสม็ด หาลู่ทางแก้ปัญหาที่ดินทำกิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - อธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ลงพื้นที่เกาะเสม็ด รับฟังปัญหาที่ดินทำกินหลังเรื้อรังมานานกว่า 20 ปี ขณะที่ผู้ประกอบการในพื้นที่ร้องขอความชัดเจนในการจัดการที่ดินทำกิน

ที่บริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ดหมู่ 4 ตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วยว่าที่ ร ต.สุพีรพัฒน์ จองพานิช รองผุ้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายอาทิตย์ ละเอียดดี ผู้อำนวยการ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง นายวิจิตร แสงรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) นายอาคม น้ำคำ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด และ นายแพทย์ นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะอนุกรรมการและรองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ กรรมการสิทธิฯ ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาที่ดินทับซ้อนบนเกาะเสม็ด

โดยนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่าที่ดินบนเกาะเสม็ดมีลักษณะหลายประเภท ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเดิมทีเป็นของกองทัพเรือ และเป็นสมบัติของชาติ โดยเฉพาะชาวระยอง ที่ต้องทำมาหากินกัน อีกนาน ซึ่งการเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการเดินทางมาเพื่อรับฟังความคิดเห็นกรณีปัญหาที่ดินทับซ้อน เพื่อหาข้อยุติร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐและผู้ประกอบการ

“ในอุดมการณ์ของผม ยึดกระบวนการศาลยุติธรรมเป็นที่ตั้ง ปัญหาทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ศาล ซึ่งหากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปรีดไถ หรือเรียกเก็บผลประโยชน์จากผู้ประกอบการบนเกาะก็จะถูกดำเนินการขั้นเด็ดขาด ซึ่งผมมีความต้องการที่จะเข้ามาแก้ไขให้ปัญหาทุกอย่างเสร็จสิ้นในยุคที่ผมเป็นอธิบดี”

นายดำรงค์ ยังกล่าวว่าการเดินทางมาในครั้งนี้ ยังได้เข้าดูพื้นที่บริเวณชายหาดแม่รำพึง ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง โดยพบว่ามีการก่อสร้างอาคารที่พักบนหาดทราย และคิดไม่ถึงว่าจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปร่วมมือในการอนุมัติให้มีการก่อสร้าง เนื่งอจากหาดทราย เป็นพื้นที่ที่สงวนสำหรับประชาชนในการชมวิวทิวทัศน์ และถือเป็นสมบัติของคนระยองและของคนทั้งชาติ ซึ่งหากไม่มีการควบคุมให้อยู่ในระเบียบกฏกติกาก็อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้

ขณะที่นางสาวจันทร์จิรา สังข์สุวรรณ์ แกนนำชาวบ้านและผู้ประกอบการบนเกาะเสม็ด กล่าวว่าที่ผ่านมาราษฎรบนเกาะเสม็ดได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการวิสามัญแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมการการติดตามแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งทั้ง 4 หน่วยงานได้สรุปว่าสมควรให้มีการตรวจสอบเพื่อออกเอกสารสิทธิ์พื้นที่บนเกาะเสม็ดประมาณ 700 ไร่ให้กับราษฎรบนเกาะที่อาศัยที่ดินทำกินมาก่อนการ และให้ประกาศพื้นที่บนเกาะเสม็ดเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ ในสมัยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

และแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์ให้กับราษฎรบนเกาะเสม็ดจำนวน 700 ไร่ โดยทางสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือแจ้งให้ราษฎรบนเกาะเสม็ดได้ทราบข้อสรุปว่า การตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมการวิสามัญแก้ไขปัญหาที่ดิน สภาผู้แทนราษฎร มีความเห็นว่า เกาะเสม็ดไม่ใช่ที่ราชพัสดุทั้งเกาะและไม่จำเป็นต้องหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอีก จึงมีมติเห็นชอบให้มีการพิสูจน์สิทธิ และเร่งรัดให้มีการดำเนินการออกเอกสารสิทธิให้กับราษฎรบนเกาะเสม็ด แต่กระบวนการก็ยังไม่สิ้นสุดกลับเกิดเหตุการณ์ยุบสภาผู้แทนราษฎรก่อน

“หลังการเลือกตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ราษฎรบนเกาะเสม็ดได้นำหนังสือบทสรุปดังกล่าวสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ช่วยดำเนินการต่อในการแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อนบนเกาะเสม็ดแล้ว”

ด้านนางวิไลวรรณ วงษ์มณีกิจ เจ้าของเสม็ดแกรนด์วิวรีสอร์ตและอ่าวช่อแกรนด์วิวรีสอร์ต กล่าวว่าปัญหาที่ดินทำกินบนเกาะเสม็ดเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน และยังเป็นช่องทางการหากินของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากความไม่ชัดเจนของเอกสารสิทธิและกฎหมายป่าไม้ การอยู่ร่วมกันบนเกาะเสม็ดจึงมีปัญหามากมาย

“ตัวดิฉันเองได้ซื้อที่ดินมาจากคนเก่าและก็ขอเช่าที่ดินและทำการก่อสร้างแต่ปรากฏว่าถูกจับดำเนินคดี ศาลพิพากษาให้รื้อถอน เจ้าหน้าที่ป่าไม้คนปัจจุบันก็พูดข่มขู่ว่าจะมีกำลังจากหน่วยคอมมานโดหลายร้อยคนพร้อมรถแบ็คโฮ มาพังบังกะโลและสิ่งปลูกสร้าง ถามว่าผู้ประกอบการมันคือโจรหรือ และขอบอกด้วยว่าคนเกาะเสม็ดทำผิดกันทั้งนั้น แต่ถามว่ามันผิดอะไร เพราะกฎระเบียบที่แท้จริงไม่มี คนบนเกาะเสม็ดทุกคนต้องการทำให้ถูกกฏหมาย แต่จะมารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างฉันคนเดียว จะต้องรื้อถอนให้เหมือนกันทุกราย เราต้องการความเสมอภาคและความชัดเจนของการอยู่ร่วมกันบนเกาะและอย่าเลือกปฏิบัติ”นางวิไลวรรณ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น