ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- นักการเมืองปลุกม็อบชาวบ้านวังน้ำเขียวโคราช ฮือต้านรื้อถอน 2 บ้านพักตากอากาศบุกรุกป่าอุทยานฯ ทับลาน อ้างรอพบหน้าอธิบดีกรมอุทยานฯยื่นข้อเรียกร้อง ขณะอธิบดีกรมอุทยานฯ เปลี่ยนแผนกะทันหันและยกเลิกการเข้ารื้อถอนก่อนเผ่นกลับ หลังทุบทิ้งได้แห่งเดียวในเขต อ.นาดี ปราจีนบุรี ขณะที่ จนท.กว่า 250 นาย ล่วงหน้าไปก่อนต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่หวั่นเกิดการเผชิญหน้า
วันนี้ (21 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเดินทางไปอำนวยการสั่งการรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างเป้าหมาย 1 ใน 3 แห่งที่บุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งเป็นบ้านพักตาอากาศของ นายธีรศักดิ์ หรือนพอนันท์ พรอนันต์ฤกษ์ ภูมิลำเนาอยู่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตั้งอยู่บริเวณป่าซับบอน ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เสร็จสิ้นแล้ว
เมื่อเวลา 14.00 น. นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมคณะ ได้เดินทางเข้าตรวจสอบรีสอร์ตเรือนไทย รายใหม่ล่าสุดที่ตรวจพบว่า ก่อสร้างบุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ตั้งอยู่ ม.6 ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ทั้งนี้ รีสอร์ตเรือนไทยดังกล่าวยังไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ห่างจาก อบต.ไทยสามัคคี ไปประมาณ 500 เมตร ก่อสร้างเป็นบ้านรีสอร์ตไม้ทั้งหลังรวมจำนวน 16 หลัง บนเนื้อที่ 4 ไร่ แบ่งเป็นก่อสร้างเสร็จแล้วจำนวน 11 หลัง และ อยู่ในระหว่างการก่อสร้างอีก 5 หลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ได้เข้าทำการตรวจจับเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ผู้ต้องหา 1 ราย เป็นหัวหน้าคนงานก่อสร้าง พร้อมยึดของกลางรถแบ็กโฮ 1 คัน และตู้คอนเทนเนอร์ที่ดัดแปลงเป็นที่พักคนงานอีก 1 ตู้ พร้อมแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.อุดมทรัพย์ จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า รีสอร์ตดังกล่าวเป็นของ “เปี๊ยก ระยอง” แต่ไม่ทราบชื่อและสกุลจริง
นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานฯ เปิดเผยว่า รีสอร์ตบ้านเรือนไทยแห่งนี้คาดว่าจะก่อสร้างเป็นร้านอาหารและรีสอร์ตที่พัก ซึ่งไม่มีเอกสารสิทธิใดๆ เลย และไม่มีจุดนี้แห่งเดียวแต่บริเวณโดยรอบๆ เต็มไปหมดเป็นร้อยๆ ราย ปล่อยให้ผุดขึ้นมาได้อย่างไรก็ไม่ทราบเพราะเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานทั้งหมด เพียงแต่ตอนนี้เราต้องตรวจสอบว่าเขามีหลักฐานหรือไม่ แต่หากจะจับกันตอนนี้ก็จับได้เลย แต่ให้โอกาสเขาชี้แจงว่ามีหลักฐานอะไรบ้าง โดยให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบถ้าไม่มีเราจะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป ส่วนรีสอร์ตเรือนไทยแห่งนี้ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว
“รีสอร์ตเรือนไทยแห่งนี้เขาลงทุนเป็นร้อยล้านบาท รู้สึกสงสารเขาเช่นกัน จะไปโทษเขาก็ไม่ได้ ในเมื่อเขามาก่อสร้างทีหลังคงคิดว่าไม่มีอะไร คิดว่าวันหนึ่งที่ตรงนี้รัฐคงต้องปล่อยไปหรือยอมให้ ไม่สามารถเป็นป่าได้ แต่ความจริงมันไม่ใช่ อุทยานฯ มีขอบเขตของ ยังไงก็ยกเลิกไม่ได้ มันผิดอยู่วันยังค่ำ ฉะนั้นขอเตือนผู้ที่มีเงินมีทองทั้งหลาย ท่านที่หาเงินสะสมมาได้ก้อนหนึ่งในปั้นปลายชีวิต อยากมีความสุขในปั้นปลายให้ไปนอนตามบ้านพักโรงแรมที่เขาทำถูกต้องตามกฎหมายคุ้มค่ากว่า อย่ามาสร้างเองลงทุนเอง สุดท้ายก็สูญสิ้นไปทุกอย่าง หมดเนื้อประดาตัว ผมไม่ได้อาฆาตท่าน แต่สงสารท่าน แต่หน้าที่คือหน้าที่ ไม่เช่นนั้นจะเป็นตัวอย่างลามไปในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ พื้นที่อุทยานฯ หากสงวนไว้ก็สวยงามเป็นแหล่งท่องเที่ยวใครเห็นใครก็อยากได้ จึงขอร้องว่าให้ยอมสละอย่าต่อต้านอำนาจรัฐที่เขาทำถูกต้องตามกฎหมาย เราถือว่าท่านเป็นผู้ให้การสนับสนุน มาช่วยกันรักษาปกป้องทรัพยากรธรรมชาติเพื่ออนาคตต่อไปดีกว่า” นายดำรงค์กล่าว
นายดำรงค์กล่าวอีกว่า สำหรับการรื้อถอนบ้านพักตาอากาศที่ศาลตัดสินคดีเป็นที่สิ้นสุดแล้วจำนวน 3 แห่งในวันนี้เพื่อให้เป็นตัวอย่างและเพื่อต้องการบอกว่า การที่จะมาสร้างสิ่งก่อสร้างในที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์สุดท้ายก็จะไม่เหลืออะไรเลย วันนี้เริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อนซึ่งเป็นบ้านพักรับรองหรือบ้านพักตากอากาศ จากนี้ไปจะใหญ่ขึ้นเป็นรีสอร์ต อีก 50 กว่าราย ถือว่าเป็นชุดใหญ่ ขณะนี้กำลังรอคำสั่งศาล หลังวันที่ 31 ต.ค.ไปประมาณ 30 วัน หากไม่มีใครมาปรากฏตัวเจ้าหน้าที่ก็จะรื้อถอนเหมือนเช่นวันนี้ และจะตรวจสอบทุกรายที่บุกรุกป่าอุทยานฯ โดยไม่มีการละเว้น
“เจ้าหน้าที่ต้องทำตามหน้าที่ตามอำนาจของศาล ถ้าไม่ทำก็ละเว้นมีความผิดตาม ม. 157 และการเดินทางมาครั้งนี้ต้องการมาให้กำลังใจหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน และเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นคนทำงาน ทุกคนขวัญกำลังใจดีหมดไม่มีปัญหาอะไร และวันนี้ได้ตักเตือนเจ้าหน้าที่ทุกคนอย่าไปรับเงินทองหรือรีดไถ ให้ทำตามหน้าที่คนก็จะไม่โกรธเคือง” นายดำรงค์กล่าว
ส่วนที่มีข่าวการเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืนในเขตอุทยานฯ ทับลานนั้น นายดำรงค์กล่าวว่า ไม่เป็นไร ต่างคนต่างมีหน้าที่ กลุ่มมือปืนก็เคลื่อนไหวของท่าน เราก็ทำตามหน้าที่ของเราไม่มีอะไร
จากนั้น นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานฯ และคณะ ได้เดินทางต่อไปยัง บ้านคลองปลาดุกลาน หมู่ 6 ต.ทุ่งโพธิ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เพื่อตรวจสอบซากสัตว์ป่าที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ตรวจจับได้เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) ซึ่ง มีทั้งอุ้งตีนหมี, ตะพาบน้ำ, ตัวนิ่ม, กว้างป่า,เก้ง, กระรอก,หมูป่า และกระเพาะเม่น เป็นต้น โดยไม่ได้เดินทางไปอำนวยการสั่งการรื้อถอนบ้านพักตาอากาศอีก 2 แห่ง ในพื้นที่ ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียม ตามกำหนดการเดิมแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่พื้นที่ ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านพักตากอากาศบุกรุกป่าเขตอุทยานฯ ทับลาน เป้าหมายอีก 2 แห่ง ที่ นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานฯ และคณะ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่จะเข้าทำการรื้อถอนในวันนี้ ( 21 ก.ย.) คือ 1. บ้านพักทรงแปดเหลี่ยม บ้านไม้ยกสูง จำนวน 1 หลัง ตั้งอยู่ที่ป่าซับพลู บ.ซับพลู ต. อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ของนายสมชาย คูหาแก้ว ภูมิลำเนาอยู่เขตหนองจอก กรุงเทพฯ ซึ่งมีการจับกุมตรวจยึดตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. 2546 คดีถึงที่สิ้นสุด และ แห่งที่ 2 เป็นโครงสร้างบ้านพัก 1 หลัง ห้องครัวและห้องน้ำ 1 หลัง ตั้งอยู่ติดกัน เป็นของนายวิเชียร เอมอุ่นจิตร์ ภูมิลำเนาอยู่ อ.แกลง จ.ระยอง ถูกจับกุมตรวจยึดเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2546 และคดีถึงที่สุด นั้น พบว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นต้นมา ได้มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร, เจ้าหน้าที่อุทยานฯ และ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อป.พร.) พร้อมตั้งจุดตรวจสัด ตลอดเส้นทาง ที่เข้าไปสู่บ้านพักตากอากาศที่ต้องรื้อถอนทั้ง 2 แห่งรวมกว่า 250 นาย
ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น. บริเวณกลางหมู่บ้านซับพลู หมู่ 16 ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ได้มีกลุ่มชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆ ในเขต ต.อุดมทรัพย์ กว่า 200 คน นำโดย นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด(ส.อบจ.) นครราชสีมา เขต อ.วังน้ำเขียว, นายคำแสน รักษากิ่ง กำนันตำบลอุดมทรัพย์ และนายจงกล สระเจริญ นายกอบต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว ได้เดินทางมาชุมนุมคัดค้านการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบ้านพักตากอากาศทั้ง 2 แห่งดังกล่าวของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ โดยได้ตั้งเต็นท์ และทำอาหารเลี้ยงผู้มาร่วมชุมนุมกันอย่างคึกคัก ซึ่งบริเวณกลางหมู่บ้านที่ชุมนุมดังกล่าวเป็นทางผ่านเข้าไปสู่บ้านพักตากอากาศทั้ง 2 แห่ง ที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการรื้อถอน
นายคำแสน รักษากิ่ง กำนันตำบลอุดมทรัพย์ กล่าว ว่า ชาวบ้านมารวมตัวกันครั้งนี้ เพื่อต้องการพบ และยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานฯ กับมือโดยตรง โดยเรียกร้องให้ดำเนินการกันแนวเขตอุทยานฯทับลาน ออกจากพื้นที่อยู่อาศัยและที่ทำกินของประชาชน เพราะเป็นแนวทางการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง ไม่ได้มาประท้วงคัดค้านการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่ชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับการไล่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง บ้านพักรีสอร์ตต่างๆ เพราะมันไม่ใช่แนวทางการแก้ไขปัญหา จึงได้ขึ้นป้ายเรียกร้อง “หยุด! การรื้อถอน ไม่ใช่...แนวทางแก้ปัญหา” ไว้ทั้งในบริเวณหมู่บ้าน และด้านหน้าบ้านพักตากอากาศที่เจ้าหน้าที่จะรื้อถอนทิ้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากได้รับรายงานว่ามีกลุ่มชาวบ้าน ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว ออกมารวมตัวกันชุมนุมต่อต้านการรื้อถอนบ้านพักตากอากาศดังกล่าว นายดำรง พิเดช อธิบดีกรมอุทยานฯ และคณะ ได้ตัดสินเปลี่ยนแผนการเดินทางกะทันหันไม่ลงพื้นที่เข้าอำนวยการสั่งรื้อถอนบ้านพักตากอากาศในจุดที่ 2 และ 3 ตามที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ โดยได้เข้าตรวจสอบรีสอร์ตเรือนไทยบุกรุกอุทยานฯ ที่ ต.ไทยสามัคคี และ ตรวจการจับกุมซากสัตว์ป่า ที่ ต.ทุ่งโพธิ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรีดังกล่าวแทน ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทำให้ชาวบ้านสลายการชุมนุมไปในเวลาประมาณ 16.00 น.
ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ขึ้นไปรออยู่ในจุดรื้อถอนได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่เช่นกันโดยได้ยกเลิกภาระกิจการรื้อถอนบ้านพักตากอากาศทั้ง 2 แห่งไว้ก่อน เนื่องจากเกรงจะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างชาวบ้านกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ขึ้นได้