xs
xsm
sm
md
lg

ยุคแก้ไขไม่แก้แค้น เด็ดหัวฝ่ายตรงข้าม ปูนบำเหน็จพวกพ้อง

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด


รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าบริหารประเทศอย่างเป็นทางการหลังเสร็จสิ้นการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จัดทัพข้าราชการนำร่องไปก่อนแล้วเมื่อ 6 กันยายนที่ผ่านมาเป็นล็อตแรก

ใช้จังหวะเหมาะฉวยโอกาสในช่วงการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีจัดทัพข้าราชการที่เป็นกลไกอำนาจรัฐ และหลังจากนี้เชื่อว่ายังมีตามมาอีกหลายล็อต

รัฐบาลเพื่อไทยทำทุกอย่างแบบรวดเร็ว-เด็ดขาด-ไม่หวั่นเสียงวิจารณ์

เห็นได้จากการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการล็อตแรกที่ผ่านมา กลุ่มข้าราชการระดับสูงที่แนบชิดกับคนในตระกูลชินวัตร และเครือข่ายแกนนำพรรคเพื่อไทย ล้วนกลับมาได้ดิบได้ดีอีกครั้งหลังชื่อเงียบหายถูกเก็บเข้ากรุไปนาน

ทั้ง ดำรงค์ พิเดช ที่ได้ออกจากกรุรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปเป็นอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่เป็นกรมเกรดเอของกระทรวงทรัพย์

สำหรับ ดำรงค์ พิเดช รู้กันดีในกระทรวงทรัพย์ และแวดวงคนเพื่อไทยว่า เป็นคนใกล้ชิดของยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำเพื่อไทยสมัยยงยุทธ หรือ “ยุทธ ตู้เย็น” นั่งเป็น รมว.ทรัพยากรฯ ช่วงนั้นดำรงค์เป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ และขณะนั้นมีการชุมนุมเคลื่อนไหวการเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนที่ประชาธิปไตย ที่นัดรวมตัวกันทุกเย็นวันศุกร์ที่สวนลุมพินี และตามจุดต่างๆ หลายจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งพบว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์ที่รู้กันดีว่าเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ลงมาก่อกวนพันธมิตรฯ หลายครั้งเพื่อช่วยเหลือทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังโดนพันธมิตรฯ ขับไล่

ทำให้หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 49 ดำรงค์ พิเดช ถูกย้ายออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานฯ ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกับข้าราชการในเครือข่ายระบอบทักษิณอีกหลายคน เช่น พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ตอนเป็น ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ที่ถูก คมช.สั่งเด้งเข้ากรุหลัง 19 ก.ย.49 ทันที

แต่หลังจากพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง ระบอบทักษิณกลับมามีอำนาจอีกรอบ ดำรงค์ พิเดช ก็ได้กลับมาเป็นรองปลัดกระทรวงทรัพย์ ในปี 2551 มาตอนนี้เมื่อกระทรวงทรัพย์ตอนนี้ดูแลโดยพรรคเพื่อไทย

คนของ “ยุทธ ตู้เย็น” อย่าง ดำรงค์ พิเดช จึงได้กลับมาเป็นอธิบดีอุทยานฯ ดูแลอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศอีกครั้ง

อีกราย เป็นกรณีของ นางเบญจา หลุยเจริญ ที่ก็โยกจากกรุรองปลัดกระทรวงการคลังไปเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต ที่เป็นกรมจัดเก็บภาษีกรมสำคัญของกระทรวงการคลัง ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า โผรอบนี้ของกระทรวงการคลังเป็นการตอบแทนทางการเมืองอย่างชัดเจนจากสายตระกูลชินวัตรในพรรคเพื่อไทย

เพราะนางเบญจาสมัยเป็นผู้บริหารในกรมสรรพากรยุคที่มี ศิโรตม์ สวัสดิ์พานิชย์ เป็นอธิบดีกรมสรรพากรในช่วงปี 2549 กรมสรรพากรยุคนั้นก็ไม่ได้ดำเนินการจัดเก็บภาษีการขายหุ้นชินคอร์ปของครอบครัวชินวัตร จนทำให้มีการดำเนินการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องของกรมสรรพากรหลายคนแต่ไม่มีชื่อนางเบญจา

เมื่อระบอบทักษิณเสื่อมอำนาจ นางเบญจาก็เจอวิบากกรรมเช่นเดียวกับนายดำรงค์ ภิเดช คือเมื่อได้รับการโปรโมตเลื่อนขั้นเพราะการเมืองช่วยส่งเสริม พอการเมืองเปลี่ยนขั้วก็ต้องถูกลดบทบาท นางเบญจาก็โดนย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังในช่วงปี 2549 และกลับมาเป็นรองปลัดฯคลังช่วง 2551จนถึง 2554

จนกระทั่งเมื่อวันนี้ เครือข่ายทักษิณกลับมามีอำนาจอีกครั้ง นางเบญจาก็ได้ตำแหน่งอธิบดีกรมใหญ่ของกระทรวงการคลัง ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าอาจได้เป็นถึงปลัดกระทรวงการคลังหรืออธิบดีกรมสรรพากรด้วยซ้ำ แต่คงเพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้ถูกวิจารณ์หนักไปกว่านี้ เก้าอี้อธิบดีกรมสรรพาสามิตก็น่าจะเพียงพอสำหรับนางเบญจาแล้ว

คนที่ต้องกระเด็นไปเพื่อเปิดเก้าอี้ให้นางเบญจา ก็คือ พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ซึ่งเป็นคนที่ทำหน้าที่นำเงินของทักษิณ ชินวัตรที่ถูกยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทเข้าคลังหลวงและเป็นหนึ่งในกลุ่มอธิบดีในกระทรวงการคลังที่เติบโตอย่างพรวดพราดในยุคกรณ์ จาติกวณิช เป็นรมว.คลัง

รัฐบาลโดยธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล รมว.คลัง จึงไม่ต้องลังเลใจเลยในการเด้งพงษ์ภาณุจากอธิบดีกรมสรรพสามิตไปเป็นรองปลัดกระทรวงการคลังเพื่อโยกสลับกับนางเบญจา

แค่สองคนนี้ก็เพียงพอที่จะเห็นแล้วว่า ต่อจากนี้ไปเครือข่ายระบอบทักษิณเตรียมกำลังมามีอำนาจแยกแผงแน่นอน

โดยอังคารที่ 13 กันยายนนี้คาดการกันว่าน่าจะมีการโยกย้ายครั้งใหญ่อีกหลายกระทรวง และหนึ่งในกระทรวงที่ถูกจับตามองก็คือ กระทรวงมหาดไทย

มีข่าวเตรียมเด้ง วิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย สายตรงเนวิน ชิดชอบ จากภูมิใจไทย แล้วเอา พระนาย สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยขึ้นมาเป็นแทน

มีความเป็นไปได้ที่วิเชียรน่าจะถูกเด้งไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีแบบเดียวกับ ถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสมช.หรือไม่ก็เข้ากรุประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะที่อีกบางกระแสบอกว่าบรรหาร ศิลปอาชา จากชาติไทยพัฒนาจะรับโอนมาไว้เป็นปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬาฯ กระนั้นข่าวนี้ดูแล้วมีโอกาสเป็นจริงได้แต่ค่อนข้างน้อย

ทั้งนี้เดิมทีมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลเตรียมเด้ง วิเชียร ชวลิต ตั้งแต่เมื่อ 6 กันยายนแล้วแต่หลายอย่างยังไม่ลงตัวอีกทั้งรัฐบาลก็เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเพราะจะช้าหรือเร็วก็ต้องจัดการเชือดแน่ คนคนนี้เอาไว้ไม่ได้

วาระจร เด้งปลัดมหาดไทย เลยยังไม่ถูกนำเข้าที่ประชุม ครม.เมื่อ 6 กันยายน 2554

ท่ามกลางข่าวว่าแกนนำรัฐบาลบางคนก็ไม่เห็นด้วยกับการจะเด้งวิเชียรพ้นปลัดมหาดไทยเวลานี้ เพราะเกรงว่าประเด็นการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงหลายคนพร้อมกันทีเดียวจะทำให้รัฐบาลเสียคะแนนนิยมได้ แต่อีกบางกลุ่มในพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะ ส.ส.อีสาน ก็บอกตรงกันว่า ไม่ควรต้องไปสนใจเพราะตัวปลัดมหาดไทยเองทุกวันนี้ข้าราชการมหาดไทยทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคก็ไม่ค่อยมีใครยอมรับอยู่แล้ว

หากจะย้าย วิเชียร ชวลิต ออกจากเก้าอี้ปลัดมหาดไทย ไม่น่าจะมีผลทางการเมืองใดๆ มีแต่คนจะสนับสนุนด้วยซ้ำ และที่ผ่านมาปลัดมหาดไทยคนนี้ก็ไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

ยิ่งหากผลักดันให้ พระนาย สุวรรณรัฐ มาเป็นปลัดมหาดไทยแทนจะได้ใจคนมหาดไทยทั่วประเทศมากกว่า

อีกทั้งพระนายยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะเป็นน้องชายองคมนตรี คือ พลากร สุวรรณรัฐ ก็น่าจะทำให้เห็นได้ว่ารัฐบาลเพื่อไทยต้องการเดินสายกลาง เน้นการประนีประนอมและสนับสนุนคนที่คนมหาดไทยให้การยอมรับมากกว่า

ที่สำคัญ พระนายก็ได้จุดแข็งเรื่องอาวุโส ขณะที่วิเชียรมีปัญหาเรื่องนี้มาตลอด เพราะข้ามหัวเพื่อนมา 40 กว่าคนก็เหาะมานั่งเป็นปลัดมหาดไทย ทำให้มหาดไทยอยู่ในสภาพ

เณรปกครองพระ

และที่ผ่านมา พระนายก็ไม่มีเรื่องเสียหาย ไม่เคยมีภาพใกล้ชิดทางการเมืองกับกลุ่มไหน เสียงเชียร์ให้ปลดปลัดมหาดไทยจึงดังมากกว่าเสียงบอกให้ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทยให้โอกาสวิเชียรทำงานไปก่อน

ทว่าช่วงโค้งสุดท้ายก่อนนำชื่อเข้า ครม. แคนดิเดทคนอื่นที่รอลุ้นเก้าอี้ปลัดมหาดไทย ก็ยังมีหวังลึกๆ อยู่ว่าโผอาจพลิก

หนึ่งในนั้นก็คือ สุกิจ เจริญรัตนกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ที่โดน “ปู่จิ้น” ชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรมว.มหาดไทยสั่งเด้งจากเก้าอี้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นไปเป็นผู้ตรวจมหาดไทย

สุกิจมีลำดับอาวุโสพอๆกับพระนาย เพราะได้เป็นซี 10 พร้อมกับ พระนายในปี 2546 สุกิจ จึงหวังลึกๆ ว่าโค้งสุดท้าย 2-3 วันก่อนจะตั้งปลัดมหาดไทยหรือทำโผมหาดไทยล็อตใหญ่ ตัวเองน่าจะมีลุ้นเก้าอี้ปลัดมหาดไทย

หากไม่ได้จริงๆ เก้าอี้ที่รองลงมาจากนั้น คือ อธิบดีกรมการปกครองเพื่อไปแทนวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พานิชย์ ที่เกษียณอายุราชการ ก็น่าจะสมน้ำสมเนื้อดี
กำลังโหลดความคิดเห็น