xs
xsm
sm
md
lg

ซุกระเบิดสังหารนักวิจัยนุกอิหร่าน เตหะรานชี้ฝีมือหน่วยข่าวกรองยิว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเจนซีส์ – อิหร่านแถลงว่า หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ของตนถูกลอบสังหารด้วยระเบิดแม่เหล็กซึ่งคนร้ายแอบนำมาติดที่รถยนต์ของเขาเมื่อวานนี้(11) พร้อมกับประณามอิสราเอลทันควันว่าอยู่เบื้องหลังฆาตกรรมโหดคราวนี้ จนกลายเป็นการดันอุณหภูมิความขัดแย้งทางการทูตให้พุ่งปริ๊ด ในเวลาที่ชาติผู้ผลิตน้ำมันรายสำคัญแห่งอ่าวเปอร์เซียรายนี้ กำลังเผชิญหน้ากับมาตรการลงโทษคว่ำบาตรอันหนักหน่วงของมหาอำนาจตะวันตกอยู่แล้ว
รองผู้ว่าการจังหวัดเตหะราน ซาฟาร์ อาลี แบรตลู ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไอแอลเอ็นเอของทางการอิหร่านเ กล่าวหา “ระบอบไซออนนิสต์" (อิสราเอล) ว่าอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดครั้งล่าสุด โดยเชี้วิธีการลอบสังหารที่ใช้ชายสองคนขี่จักรยานยนต์นำระเบิดแม่เหล็กมาแอบติดไว้กับรถเป้าหมาย มีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์การลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์อิหร่านอีก 3 คนเมื่อสองปีที่แล้ว
สื่ออิหร่านรายงานว่า มอสตาฟา อาห์มาดี รอสฮาน วัย 32 ปี รองผู้อำนวยการโรงงานเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่านที่เมืองนาตานซ์ เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุหน้าคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย อัลลาเมห์ ตาบาไต วิทยาเขตเตหะรานฝั่งตะวันออก ขณะที่อีก 2 คนที่อยู่ในรถยนต์เปอโยต์ 405 ซึ่งเกิดระเบิด คือคนขับรถและผู้คุ้มกันได้รับบาดเจ็บ
จากข้อมูลในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยชารีฟ ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาด้านเทคนิคที่มีชื่อเสียงของอิหร่าน อาห์มาดี รอสฮาน เป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเมมเบรนจากสารพอลิเมอร์ ซึ่งใช้ในกระบวนการแยกก๊าซเพื่อเสริมสมรรถนะยูเรเนียม
ก่อนหน้านี้ มีนักวิทยาศาสตร์อิหร่านเสียชีวิตจากเหตุระเบิดรถยนต์ 3 ราย ระหว่างปี 2010-2011 โดยอย่างน้อย 2 รายเคยมีส่วนร่วมในโครงการนิวเคลียร์
เฟเรย์ดูน อับบาซี หัวหน้าองค์การพลังงานปรมาณูอิหร่านคนปัจจุบัน ก็เพิ่งรอดชีวิตจากการลอบสังหารในลักษณะเดียวกันเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2010 โดยเขาและภรรยาหนีออกจากรถได้ทันก่อนที่ระเบิดจะทำงาน
เจ้าหน้าที่อิหร่านเชื่อว่า เหตุโจมตีนักวิจัยที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นฝีมือหน่วยล่าสังหารของสำนักงานข่าวกรองมอสซาดแห่งอิสราเอล ซึ่งอาจได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ด้วย
เหตุสังหารครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่กำลังมีการเผชิญหน้าระหว่างตะวันตกกับอิหร่านเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของฝ่ายหลัง โดยที่มีการข่มขู่และตอบโต้กันไปมา
ตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ กำลังกดดันด้วยการเพิ่มมาตรการลงโทษโดยมีเป้าหมายที่เศรษฐกิจอิหร่าน ล่าสุด ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เดินทางเยือนจีนเมื่อวันพุธ เรียกร้องให้ปักกิ่งร่วมมือเพื่อยุติการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน กล่าวว่าการเริ่มเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่านเป็นการสร้างปัญหาอย่างมาก
อนึ่ง นอกจากเยือนจีน ลูกค้าน้ำมันรายใหญ่ของอิหร่านแล้ว ไกธ์เนอร์ยังมีกำหนดเดินทางสู่โตเกียวในวันพฤหัสฯ (12) เพื่อระดมการสนับสนุนความพยายามของวอชิงตันในการตัดรายได้จากน้ำมันของอิหร่าน
จีนนั้นสนับสนุนมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่เรียกร้องให้อิหร่านระงับการเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียม แต่เห็นว่า สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) ไม่ควรใช้มาตรการคว่ำบาตรที่นอกเหนือไปจากมติของยูเอ็น
ส่วนญี่ปุ่น รัฐมนตรีต่างประเทศ โคอิชิโร เกมบะ เผยว่า ได้ขอให้ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ป้อนน้ำมันชดเชยให้เพื่อลดการนำเข้าจากอิหร่าน ขณะเดียวกันมีรายงานว่าเกาหลีใต้ก็กำลังพิจารณาทางเลือกในการสั่งซื้อน้ำมัน หากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ตัดขาดการส่งออกของอิหร่าน
ความตึงเครียดจากโครงการนิวเคลียร์ที่อิหร่านยืนยันว่า มีวัตถุประสงค์ด้านสันติ แต่มหาอำนาจตะวันตกเชื่อว่า มีเป้าหมายทางการทหารซ่อนอยู่นั้น ได้ดันราคาน้ำมันดิบชนิดเบรนท์ที่ตลาดลอนดอนทะยานขึ้นกว่า 5% นับจากต้นปีจนทะลุ 113 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้วในขณะนี้
ด้านเตหะรานนั้นไม่ได้เกรงกลัวบารมีมหาอำนาจตะวันตกแต่อย่างใด ซ้ำตอบโต้ด้วยการขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันสำคัญของโลก รวมทั้งใช้แสนยานุภาพกองทัพเรือทั้งหมด หากเรือรบอเมริกันกลับมาประจำการณ์ในอ่าวเปอร์เซีย
วอชิงตันตอกกลับว่า จะส่งเรือรบไปยังภูมิภาคดังกล่าวต่อไป และเตือนว่าการปิดช่องแคบฮอร์มุซเท่ากับเป็นการล้ำเส้น นอกจากนี้ อังกฤษ พันธมิตรของสหรัฐฯ ยังส่งเอชเอ็มเอส ดาริ่ง เรือพิฆาตทันสมัยที่สุด ไปสมทบกับเรือรบลำอื่นๆ ในอ่าวเปอร์เซีย
กำลังโหลดความคิดเห็น