ASTVผู้จัดการรายวัน-"รัฐบาลปู" เอาใจเสื้อแดงสุดลิ่ม ไฟเขียวแจกเงินชดเชยเหยื่อม็อบสู้เพื่อ"แม้ว" ตายรับรวมเบ็ดเสร็จ 7.75 ล้าน จ่ายทันที 3.25 ล้าน อีก 4.5 ล้านนำไปลงทุนก่อนจ่ายให้หลังพ้น 5 ปี หวั่นเป็นพวกสามล้อถูกหวย เงินก้อนหายวับ ปชป. ถามหาความเสมอภาคอยู่ตรงไหน พร้อมทวงค่าเยียวยาเหยื่อไฟใต้
นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (10 ม.ค.) ว่า ครม.เห็นชอบในหลักการพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อส่งเสริมให้การเยียวยา และฟื้นฟูเหยื่อ และผู้เสียหาย ตลอดจนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง หรือความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเสียหายจากความขัดแย้งทางการเมืองให้ได้รับความเป็นธรรม เป็นไปตามหลักนิติธรรม เสมอภาค นำไปสู่ความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ
ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) เสนอแนะมาตรการ กลไก และวิธีการเพื่อส่งเสริมการเยียวยา และฟื้นฟูเหยื่อ ผู้เสียหาย ตลอดจนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง หรือความขัดแย้งทุกฝ่าย ซึ่งเป็นการชดเชย เยียวยา และฟื้นฟู ที่ไม่อยู่ในกรอบกฎหมาย และแนวทางปฏิบัติเดิม ทั้งทางการเงิน และรูปแบบอื่น รวมถึงการสร้างโอกาสในการดำรงชีพและประกอบอาชีพตามปกติ โดยเทียบเคียงให้มีมาตรฐานเป็นสากล กับการกำหนดค่าชดเชยของสหประชาชาติ
โดยการชดเชย เยียวยา จะครอบคลุมทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรง ตั้งแต่ช่วงก่อนการรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 เป็นต้นมา จนกระทั่งเหตุการณ์เดือน เม.ย.-พ.ค.2553 ครอบคลุมถึงประชาชนทุกกลุ่ม เจ้าหน้าที่ของรัฐ สื่อมวลชน และภาคเอกชน ตลอดจนครอบครัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบ
สำหรับการกำหนดกรอบอัตราเงินช่วยเหลือ เยียวยา ความเสียหาย ได้แก่
1.เงินชดเชยกรณีการเสียชีวิต 4.5 ล้านบาท
2.เงินช่วยเหลือสำหรับค่าปลงศพ 2.5 แสนบาท/ราย
3.เงินชดเชยกรณีทุพพลภาพ อัตราเท่ากับเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต (4.5 ล้านบาท/ราย )
4. เงินชดเชยกรณีสูญเสียอวัยวะ แบ่งเป็น
4.1 สูญเสียอวัยวะสำคัญ อัตราร้อยละ 80 ของเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต (3.6 ล้านบาท/ราย)
4.2 สูญเสียอวัยวะไม่สำคัญ อัตราร้อยละ40 ของเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต (1.8 ล้านบาท/ราย)
5.เงินชดเชยกรณีได้รับบาดเจ็บไม่สูญเสียอวัยวะ แบ่งเป็น
5.1 ได้รับบาดเจ็บสาหัส อัตราร้อยละ 25 ของเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต (1,125,000 บาท/ราย)
5.2 ได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส อัตราร้อยละ 15 ของเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต (675,000 บาท/ราย)
5.3 ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อัตราร้อยละ 5 ของเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต (225,000 บาท/ราย)
6.เงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล แบ่งเป็น
6.1 กรณีเสียชีวิต โดยได้เข้ารับการรักษาก่อนเสียชีวิต อัตราเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท/ราย
6.2 กรณีทุพพลภาพ และสูญเสียอวัยวะสำคัญ อัตราเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท/ราย และเมื่อจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่องจาก อัตราเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท/ราย/ปี
6.3 กรณีสูญเสียอวัยวะไม่สำคัญ อัตราเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000บาท/ราย และเมื่อจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง อัตราเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท/ราย/ปี
6.4 กรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส อัตราเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท/ราย/ปี
6.5 กรณีได้รับบาดเจ็บ ไม่สาหัส อัตราเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท/ราย/ปี
6.6กรณีได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อัตราเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท/ราย/ปี
7.เงินชดเชยเยียวยาผู้ที่ถูกดำเนินคดีจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง แบ่งเป็น
7.1 กรณีศาลมีคำสั่ง/คำพิพากษถึงที่สุดให้ยกฟ้อง ให้ได้รับเงินชดเชยในอัตราเท่ากับจำนวนระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัว โดยคำนวนตามฐานข้อมูลรายได้เฉลี่ยต่อคน ต่อเดือน ตามสถิติรายได้ประชาชาติของประเทศไทย ปี พ.ศ.2553 (150,177 บาท/ปี)
7.2 กรณีศาลมีคำสั่ง/พิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก แต่ถูกควบคุมหรือคุมขังเกินกว่าระยะเวลาให้จำคุก ให้ได้รับเงินชดเชยเท่ากับจำนวนระยะเวลาที่ถูกควบคุมตัวเกินกว่าระยะเวลาให้จำคุก โดยคำนวนตามฐานข้อมูลรายได้เฉลี่ยต่อคน ต่อเดือน ตามสถิติรายได้ประชาชาติของประเทศไทยปี พ.ศ.2553 (150,177 บาท/ปี )
8.เงินชดเชยเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจ แบ่งเป็น
8.1 กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ อัตรา 3 ล้านบาท/ราย
8.2 กรณีศาลมีคำสั่ง/คำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง และได้ถูกควบคุมหรือคุมขังก่อนศาลมีคำสั่ง /พิพากษา เป็นระยะเวลาเกินกว่า180 วัน อัตรา 1.5 ล้านบาท/ราย และเกินกว่า 90 วัน แต่ไม่เกิน 180 วัน อัตรา 750,000 บาท/ราย
8.3 กรณีศาลมีคำสั่ง/คำพิพากษา ถึงที่สุดให้จำคุก แต่ถูกควบคุมหรือคุมขังเกินกว่าระยะเวลาให้จำคุก เป็นระยะเวลาเกินกว่า 180 วัน อัตรา 1 ล้านบาท/ราย และเกินกว่า 90 วัน แต่ไม่เกิน 180 วัน อัตรา 500,000 บาท/ราย
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นได้ประมาณการวงเงินงบประมาณไว้ 2,000 ล้านบาท และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ และเป็นหน่วยเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับการดำเนินการเยียวยา ฟื้นฟู ตามที่ปคอป.เสนอ โดยนายกฯ ได้ระบุให้หลักเกณฑ์นี้เป็นวาระพิเศษ พร้อมทั้งให้ข้อสังเกตว่า ให้ ปคอป.ไปดูผลกระทบข้างเคียงด้วยเพื่อความสมานฉันท์ปรองดอง และให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะประธาน ปคอป.ไปดูผลกระทบเรื่องของร้านค้าที่อาจจะได้รับผลกระทบด้วย
** เบ็ดเสร็จได้7.75ล้านอีก4.5 ล้านจ่ายทีหลัง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การชดเชยคิดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเสียชีวิต รัฐบาลให้ 4,500,000 บาท เงินเยียวยาความรู้สึกครอบครัว 3,000,000 บาท และเงินปลงศพ 250,000 บาท โดยในส่วนนี้ มีรายละเอียดที่เพิ่มขึ้นมา คือ จะมีการจ่ายในส่วนของเงินเยียวยาครอบครัว 3,000,000 บาท และเงินปลงศพ 250,000 บาทไปก่อน ส่วนเงิน 4,500,000 บาท คอป. จะไปศึกษาข้อมูลในการนำเงินส่วนนี้ไปฝากในกองทุน หรือไปลงทุนในที่ไม่มีความเสี่ยง ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยจะได้ดอกผลจากตรงนี้ในระยะเวลา 5 ปี
"เจตนาตรงนี้นายกฯ พูดชัดว่า ถ้าให้เงิน 4,500,000 บาทไปเลย เงินส่วนนี้จะหายไปเลยหรือเปล่า การทำแบบนี้ เพื่อเป็นหลักประกันที่มั่นคง เงินต้น 4,500,000 บาทได้แน่นอน และยังได้ดอกผล"
สำหรับเงินเยียวยาครอบครัว 3,000,000 บาท และเงินปลงศพ 250,000 บาท จะให้ประสานสำนักงบประมาณจ่ายโดยเร่งด่วน ผ่านกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งนี้ การจ่ายเงินจะรวมทุกสี ใครก็ตามที่อยู่ในสถานการณ์การชุมนุม และอยู่ในเงื่อนไขได้ทั้งหมด โดยเป็นเงินเบื้องต้น 2 พันล้านบาท
** "ปู"อ้างเยียวยาเพื่อปรองดอง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการประสานงานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบ และค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ ( ปคอป. ) เห็นชอบตามข้อเสนอของ คอป.ให้เงินเยียวยาของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ว่า เราเห็นชอบในหลักการที่ทาง ปคอป.เสนอ แต่คงต้องให้ ปคอป.ไปหารือร่วมกับสำนักงบประมาณอีกครั้ง ในรายละเอียด
** ตั้ง"ประสิทธิ์"คุมการจ่ายเงิน
นายเอนก เพิ่มเสนีย์วงศ์ รองโฆษกคณะกรรมการอิสระตรวจ สอบค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) กล่าวว่า ในการดำเนินการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ตามมติ ครม. ขณะนี้กำลังรอคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่จะมีการแต่งตั้งนายประสิทธิ์ โฆวิไลกุล เป็นประธานคณะอนุกรรมการเยียวยาทางแพ่ง เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการช่วยเหลือ และจัดทำทะเบียนผู้ที่สมควรจะได้รับการเยียวยา ตามหลักเกณฑ์ที่ ครม.กำหนด ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะเร่งดำเนินการโดยเร็ว เพื่อเปิดให้ประชาชนได้มาลงทะเบียน และได้รับความช่วยเหลือโดยเร็ว
** "มาร์ค"ถามหาความเสมอภาค
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฏร กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คงต้องดูถึงรายละเอียดว่า การอนุมัติดังกล่าว ใช้แนวคิดลักษณะใด สิ้นสุดที่ไหน เพราะที่ผ่านมา ยังมีการเรียกร้องเงินเยียวยาเพิ่มจากการชุมนุมในเดือนพ.ค.2535 แต่กลับไม่ได้มีการรวมเรื่องดังกล่าวไว้ด้วย ซึ่งครม. ก็ต้องตอบคำถามในเรื่องความเสมอภาคด้วย
**"ถาวร" ทวงค่าเยียวยาเหยื่อไฟใต้
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรมว.ยุติธรรม เงา กล่าวว่า การที่ครม.อนุมัติเงินเยีวยา 2,000 ล้านบาท ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมานั้น เป็นการตีกรอบไว้เฉพาะผู้ชุมนุมปี 2547 เป็นต้นมา จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนมติครม. ที่รัฐบาลก่อนๆ ได้จ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมาด้วย
"ประเด็น คือ รัฐบลนี้จะช่วยเหลือคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นคนของตัวเอง แต่อ้างเหตุการณ์อื่นๆ ในอดีต ผมไม่อิจฉา หรือคัดค้าน ชีวิตคน พันล้านก็แลกไม่ได้ แต่อยากให้รัฐบาลใจกว้างให้กลุ่มอื่นด้วย ถามกลับว่า การเยียวยาแบบนี้ในเรื่องสิทธิมนุษยชน และมนุษยธรรม ของรัฐบาลนี้มีให้แค่กลุ่มตัวเองหรือ"นายถาวรกล่าว
***ชาวเว็บก่นด่ารัฐบาล"ปู่นิ่ม"เละ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เว็บไซต์ www.manager.co.th ได้ลงข่าวครม.ทุ่ม 2 พันล้านเยียวยาเหยื่อการเมือง ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยสรุปความได้ดังนี้ เงินเกือบ 8 ล้าน เอาไปให้ทหารกล้า รั้วของชาติดีกว่า หรือบางความเห็นแนะว่า เอาไปให้ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ทหารพราน อาสาสมัคร ครู ชาวบ้าน ที่เสียชีวิตจากปัญหาไฟใต้ บางความเห็น ประชดประชัน โดยระบุว่า ปาระเบิดขวดใส่ทหาร โดนยิง ได้เงินล้าน ขโมยของในห้าง ถูกไฟคลอกตาย ได้เงินล้าน บ้างก็ว่า ให้รีบก่อม็อบ เพราะตายจะได้ถึง 8 ล้าน หรือที่แสดงความเห็นหนักๆ ก็เช่น มีผู้นำโง่ จะพาตายกันหมด เป็นต้น